E-DUANG : ป้อมค่าย ตีแตก จากภายใน ป้อม รัฐบาล “พลังประชารัฐ”

ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนกรุงศรีอยุธยา”แตก”ครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นบท เรียนกรุงศรีอยุธยา”แตก”ครั้งที่ 2

ประวัติศาสตร์สรุปว่าปัญหามาจาก”ภายใน”

มิเช่นนั้นนามของ “พระยาจักรี”คงมิได้มีการอ้างอิงต่อเนื่องมาอย่างยาวนานในฐานะที่เป็นคนเปิดประตูเมืองให้กับพม่าข้าศึก

ขณะที่นามของ”พระเจ้าเอกทัศน์”ได้รับการอ้างอิงด้วยความเจ็บปวดขื่นลึก

เมื่อนำเอาบทเรียนจากกรุงศรีอยุธยา “แตก”มาประสานประ ยุกต์เข้ากับสภาพความเป็นจริงทางการเมืองในปัจจุบันคนก็มองไปยังสภาพภายในพรรคพลังประชารัฐ

อาจเป็นมูลเชื้อทำให้”เรือเหล็ก”ต้องรั่วและล่มจมน้ำ

 

หากศึกษาเนื้อหาอันดำรงอยู่ภายใน”สารนายกรัฐมนตรี”อย่างถ่องถ้วนก็จะมองเห็นว่า สารนี้มิได้ต้องการสือ่ถึงประชาชน หากแต่เป็นการสื่อไปยังพรรคพลังประชารัฐ

การอ้างอิงไปยัง “ปัญหาเดิมๆ” และวิธีการ”เดิมๆ”ที่อาจจำเป็นต้องใช้

คือการขู่ไปยังภายในพรรคพลังประชารัฐโดยตรง

ตรงนี้เองที่ทำให้ความสามัคคีได้บังเกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐโดยปริยาย

เห็นได้จากการตั้งโต๊ะแถลงข่าวอันมี นายอุตตม สาวนายน อยู่ตรงกลาง ห้อมล้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อย่างอบอุ่น

ยิ่งในที่ประชุมส.ส.ตอนค่ำวันเดียวกันแม้จะมีบางคนพยายามจะลุกขึ้นพูดเพื่อเสนอปัญหาให้เป็นที่ปรากฏแต่เมื่อเห็นอาการขยับจาก”เสธ.”ก็ต้องเงียบ

สภาพจึงดำเนินไปเหมือนกับเอาแผ่นหินมาวางทับจึงยากยิ่งที่หญ้าจะชูต้นขึ้นมาเอนไหวให้เป็นที่ปรากฏ

 

อุปมาของ นายวิษณุ เครืองาม ว่าด้วยพัฒนาการของ”เรือแป๊ะ”มาเป็น “เรือเหล็ก” จึงเป็นอีกสำทับหนึ่งไม่ว่าในด้านวิทยาศาสตร์สังคม ไม่ว่าในด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ

ยืนยันว่า “สนิม” เกิดแต่”เนื้อใน”ตน

ชี้ออกมาอย่างเด่นชัดว่า ปัญหาของรัฐบาลจะมีเสถียรภาพ และความมั่นคงหรือไม่ก็มาจากภายใน

ภายในของคสช.ย่อมเป็น”พลังประชารัฐ”