พลันที่กกต.มีมติส่งกรณีการถือครองหุ้นของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวิ นิจฉัยให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยุติบทบาทส.ส.ลงชั่วคราว

ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าพรรคอนาคตใหม่ สัมผัสได้ในลักษณะ”ผลิตซ้ำ”ในทางการเมือง

เหมือนเส้นทางที่ นายทักษิณ ชินวัตร เคยประสบ

เหมือนเส้นทางที่ นายสมัคร สุนทรเวช เคยประสบ เหมือน เส้นทางที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เคยประสบ

เหมือนเส้นทางที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยประสบ

เพียงแต่เป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงแต่เป็นพรรคอนา คตใหม่ และเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2562 เท่านั้น

นี่ย่อมดำเนินไปในลักษณะ”ซ้ำรอย”ประวัติศาสตร์

 

ถามว่ากรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร จากก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 กระทั่งภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภา คม 2557 จบหรือไม่

หลายคนอาจจะรู้สึกว่า จบ

แต่หากดูจากชะตากรรมของ นายสมัคร สุนทรเวช ชะตากรรมของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ดูเหมือนว่ามีความต่อเนื่อง

ยิ่งประเมินผ่านผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 รวมถึงผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

ดูเหมือนจะยังไม่จบ เพราะพรรคพลังประชาชนก็ยังได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 พรรคเพื่อไทยก็ยังได้รับเลือกเป็นอันดับ 1

แล้วกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ตามมา

ชะตากรรมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะเป็นเหมือนชะตากรรมของ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ยังต้องรอดู

 

ถึงแม้ว่าประวัติศาสตร์จะมีลักษณะ”ซ้ำรอย” แต่อาการซ้ำรอยของ ประวัติศาสตร์ก็น่าศึกษาอย่างเป็นพิเศษ เป็นการซ้ำรอยในเชิงถดถอยหรือว่าซ้ำรอยในเชิงพัฒนา

ทำไมมี”ทักษิณ”แล้วจึงมี”ธนาธร”ทำไมเมื่อมีการจัดการกับพรรคไทยรักไทยก็ตามมาด้วยพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย

แล้วกรณีของพรรคอนาคตใหม่อนาคตจะเป็นเช่นใด