ไม่เพียงแต่กรณีสูตรคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อจะสะท้อนให้ เห็นลักษณะความมีชีวิต”ใหม่”ของรัฐธรรมนูญ หากแต่กรณีลักษ ณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เด่นชัด

ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งซึ่งสร้างผลสะเทือนกระแทกกระทั้นรุน แรงในทางการเมือง

อย่างที่บางคนสรุปว่าอาจเป็น”โดมิโน”ทางการเมือง

โดยเริ่มต้นจากกรณีของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่สกลนครซึ่งกกต.ส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และศาลวินิจฉัยให้ตัดสิทธิทางการเมือง

เมื่อมาเจอกับกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยิ่งทำให้นำไปสู่การเปรียบเทียบอันแหลมคมในทางการเมือง

กลายเป็นโดมิโน กลายเป็นบุมเมอแร็ง

 

เป้าหมายในการร่างรัฐธรรมนูญมีความแจ่มชัดยิ่งไม่เพียงแต่เพื่อ การสืบทอดอำนาจของคสช.อย่างที่แกนนำสำคัญของพรรคพลังประชารัฐเคยสรุปอย่างรวบรัด

“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”

แต่เมื่อการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมปรากฏออกมา พรรคเพื่อไทยก็ยังได้เป็นที่ 1 ชนะพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย

ยิ่งกว่านั้นที่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ การได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 3 ของพรรคอนาคตใหม่

ตรงนี้เองที่ก่อสภาวะปั่นป่วนอย่างใหญ่หลวงทางการเมือง

เกิดยุทธการเตะสกัดขาไม่ว่าจะสัมผัสได้ที่สน.ปทุมวัน ไม่ว่าจะสัมผัสได้ที่บก.ปอท. รวมถึงการเร่งรัดรื้อฟื้นกรณีของการถือหุ้น วี-ลัคมีเดีย

เท่ากับยืนยันว่าที่ใช้ความพยายามผ่าน”แม่น้ำ 5 สาย” หลังรัฐประหาร และงอกออกมาเป็นรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มิได้เป็นไปตามเป้าหมาย

เพราะรัฐธรรมนูญย่อมมี”ชีวิต”อันเป็นของมันเอง

 

รัฐธรรมนูญเป็นผลผลิตของรัฐประหารอย่างแน่นอน เป็นการกำกับและบงการผ่านรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน

แต่คำถามก็คือ เป็นการได้เป็นอย่างง่ายดายหรือไม่ และเมื่อได้เป็นแล้วจะยั่งยืน สถาพรหรือไม่

ลักษณะอนิจจัง ไม่แน่นอน เริ่มเผยแสดงมากขึ้นเป็นลำดับ