เผยแพร่ |
---|
การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยทรงความหมายอยู่แล้ว การตัดสิน ใจของพรรคพลังประชารัฐยิ่งทรงความหมาย
ทรงความหมายเพราะนี่คือรูปธรรมของการสัประยุทธ์
เป็นการสัประยุทธ์ระหว่าง 2 พรรค 2 ขั้วในทางการเมืองอันมากด้วยความแหลมคม
ไม่เพียงแหลมคมด้วย”คณิตศาสตร์”
หากที่แหลมคมมากยิ่งกว่า คือ การยืนยันด้วยความคิดที่ยืนอยู่คนละด้านกันอย่างสิ้นเชิง
นี่คือโจทย์ที่เสนอไปยังแต่ละพรรคการเมือง คือจะเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“คณิตศาสตร์”จึงสะท้อน 2 ขั้ว 2 แนว”การเมือง”
พลันที่พรรคอนาคตใหม่ประกาศยืนอยู่ข้างเดียวกับพรรคเพื่อไทย จึงไม่เพียงแต่ทำให้แนวรบไม่เอาคสช. ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่มความหนักแน่น
หากแต่ยังทำให้เกิดการแปรเปลี่ยนทางด้าน”คณิตศาสตร์”ขึ้นมาทันที
พรรคเพื่อไทยที่มี 137 ส.ส.ก็มี 88 ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทยที่มีคะแนนรวม 7.4 ล้าน ก็มีคะแนนรวม 5.8 ล้านจากพรรคอนาคตใหม่
ผลก็คือพรรคพลังประชารัฐที่มี 120 ส.ส.และมีคะแนนรวม 7.9 ล้าน ตกเป็นรอง
เพราะเท่ากับว่าปีกทางด้านพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่มี 225 ส.ส. และมีคะแนนรวม 13.2 ล้าน เป็นความแตกต่างอันทำให้พรรคพลังประชารัฐตกเป็นรอง
มีความจำเป็นที่พรรคพลังประชารัฐต้องหาเพื่อน ขณะที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งพรรคเพื่อไทยมิให้หาเพื่อนเข้ามาเพิ่มอีก
ปมเงื่อนอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะหาเพื่อนจากพรรคการเมืองอื่นได้มากน้อยเพียงใดนอกเหนือไปจากการได้แรงหนุนจากพรรคอนาคตใหม่
ทุกอย่างล้วนดำเนินไปอย่างมีพลวัตในทางการเมือง
เพราะหากพรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหวได้ พรรคพลังประชารัฐก็ ย่อมจะเคลื่อนไหวได้เช่นกัน เพราะหากพรรคเพื่อไทยมีเพื่อน พรรคพลังประชารัฐก็มีเพื่อนเช่นกัน
นี่คือความเข้มข้นของ”ประชาธิปไตย”อันต่างจาก”เผด็จการ”