เผยแพร่ |
---|
แม้คำขอจดแจ้งชื่อ”พรรคคอมมิวนิสต์”จะถูกปฏิเสธจากกกต.โดย เด็ดขาด แต่การเคลื่อนไหวเพื่อทำให้”พรรคคอมมิวนิสต์”ถูกต้องตามกฎหมายก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่า
หนทางจับปืนในแบบ “7 สิงหาคม” ได้กลายเป็น”อดีต”
เพราะหากกกต.ให้การยอมรับต่อการจดแจ้งชื่อ”พรรคคอมมิวนิสต์” ก็เท่ากับกลุ่มคนที่มีแนวความคิดในแบบ”คอมมิว นิสต์” ก็พร้อมที่จะต่อสู้ในหนทางรัฐสภา
เท่ากับเป็นการปฏิเสธความเชื่อที่ว่า “อำนาจรัฐเกิดจากปาก กระบอกปืน”เหมือนอย่างที่พคท.เคยปฏิบัติ
แสดงว่าหนทางสายหลักอยู่ที่ “รัฐสภา”
มิใช่ผ่านกระบวนการจัดตั้ง “กองกำลังติดอาวุธ”ผ่านกองทัพปลดแอกเหมือนอย่างที่เคยทำมา
การเปลี่ยนหนทางจากต่อสู้ด้วย”อาวุธ”มาเป็นต่อสู้ด้วย”การเมือง”นี้มีความสำคัญ
เพราะเท่ากับเปลี่ยน”แนวรบ”อย่างสิ้นเชิง
กล่าวสำหรับกรณีของประเทศไทยเท่ากับยอมรับว่าคำสั่งสำ นักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ซึ่งประกาศออกมาในยุคของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ มีผลในทางเป็นจริง
เพราะชื่อของคำสั่งนี้คือ การต่อสู้เพื่อเอาชนะ”คอมมิวนิสต์”
นั่นก็คือ ทำลายแนวคิดในเรื่องการต่อสู้ด้วยกองกำลังติดอาวุธให้มาต่อสู้ด้วยกระบวนการในทางการเมือง
อาวุธที่สำคัญก็คือ “การเมืองนำการทหาร”
และอาวุธในทางการเมืองที่ได้รับการชูขึ้นสูงเด่นก็คือ การนำเอา “ประชาธิปไตย”มาเป็นเครื่องโน้มน้าว จูงใจ เพราะตระ หนักว่าวิธีการทางการทหารไม่มีทางเอาชนะได้
เพราะว่าวิธีการทางทหารโน้มเอียงไปทาง”เผด็จการ”
มีแต่ต้องเอา “การเมือง” มาแทน”การทหาร” เอา”ประชาธิป ไตย”มาแทน”เผด็จการ”เท่านั้นจึงจะกำชัยชนะอย่างแท้จริง
ประชาธิปไตยจึงมีบทบาทและความหมาย
หากนับจากเดือนสิงหาคม 2508 มายังเดือนสิงหาคม 2561 และนับจากที่คำสั่ง 66/23 แสดงบทบาทกำชัยโดยพื้นฐานนับแต่ปี 2524 เป็นต้นมา
เท่ากับ”สงครามกลางเมือง”ได้ยุติไปแล้ว 37 ปี
เป็น 37 ปีที่น่าเศร้าเมื่อ”ประชาธิปไตย”ยังไม่สามารถครอง อำนาจนำเหนือสังคมไทยได้ในทางเป็นจริง