รายงานพิเศษ : Unseen “ไซบีเรีย-มองโกเลีย” (2) พาไปดู ไบคาล “มุกงาม” แห่งไซบีเรีย

นี่คือ "ไบคาล" มุกงามแห่งไซบีเรีย ไม่มีหอยมุกหรอกนะคะ มีแต่ปลาโอมุล ที่ดังไปสามโลก หากินที่ไหนไม่ได้ นอกจากไปคาล ทะเลสาบน้ำจืดใหญ่ที่สุดในโลก ลึก 1,637 เมตร Unesco ขึ้นทะเบียนทะเลสาบไบคาลเป้นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1996 ค่ะ

ตอนที่ 1

ไบคาล “มุกงาม” แห่งไซบีเรีย

รถโดยสารเอียร์คุตสก์ไปเกาะโอลขอน (Olkhon) เป็นรถตู้เหมือนบ้านเรา จอดเรียงเป็นตับท้ายตลาด ฉวยโอกาสซื้อผลไม้ก่อนขึ้นรถ พอขึ้นปั๊บ-รถออกปุ๊บ ดีใจจังมีผู้โดยสารแค่เรา 3 คน ที่ไหนได้-รถวิ่งรับคนเพิ่มตามจุดนัด ได้ผู้โดยสารนานาชาติเต็มรถ สาวจีนบินเดี่ยว หนุ่มสาวฝรั่งเศสหนึ่งคู่ อีกคู่หนึ่งเป็นหนุ่มกับหนุ่ม นอกนั้นน่าจะเป็นหนุ่มรัสเซีย นั่งนิ่ง-นั่งเงียบแถวหลัง

จากเอียร์คุตสก์-เกาะโอลขอน ระยะทาง 70 ก.ม. รวมเวลาข้ามเรือด้วย น่าจะไปถึงราว 4-5 โมงเย็น “ถนนไม่ค่อยดีค่ะ” แดงบอก

ดีตอนแรกๆ ออกนอกเมืองถนนชักคุ้มดีคุ้มร้าย โซเฟอร์ขับเร็วอีกต่างหาก สมัยเพื่อนรักเริ่มออกอาการ เวียนหัว ฉันส่งยาหอมโบราณตำรับ ม.ร.ว.สะอาด ทินกร ของแท้ตราพระอาทิตย์ดั้นเมฆให้เธอ ก็ยังไม่ดีขึ้น ก็เลยเปลี่ยนที่ให้เพื่อนมานั่งริมหน้าต่างที่แง้มให้ลมเข้าหน่อยนึง-ดีขึ้นค่ะ

ขับเร็ว คนเต็มรถ ถนนแย่ อากาศหนาวปิดกระจกหมด ออกซิเจนไม่พอเพียง ก็ต้องเมากันบ้างละ-เมารถค่ะ

รถจอดที่จุดพักให้ผู้โดยสารลงไปกินอาหารเที่ยง ได้สูดอากาศบริสุทธิ์เย็นเฉียบ-ค่อยยังชั่ว แย่อีกทีก็ตรงสั่งอาหาร เมนูรัสเซียอ่านไม่ออกค่ะ สมัยรอบคอบ ศึกษาภาษารัสเซียแบบเร่งรัดก่อนเดินทาง 2 อาทิตย์ เจอคำว่า “สลัด” ดีใจเหมือนได้แก้ว ฉันสั่งปลาโอมุลจากทะเลสาบไบคาล บอกพนักงานที่เคาน์เตอร์แค่ชื่อปลา “โอมุล-โอมุล” ได้ปลาโอมุลดองเค็ม กินกับหอมหัวใหญ่ซอย-เครื่องเคียง ส่วนสาวแดงเดินสำรวจอาหารตามโต๊ะชาวบ้าน เห็นจานไหนหน้าตาดี-ขอถ่ายรูปไปให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ดู

“ชิกเก้นโรลค่ะ มีข้าวให้ด้วย” ลองชิมแล้ว น่าจะเป็นข้าวมันไก่ม้วน ถ้ามีน้ำจิ้มข้าวมันไก่แบบบ้านเราละก็-ใช่เลย ฉันลองตักข้าวของแดงมากินกับปลาโอมุลดอง รสเค็มๆ ตามด้วยหอมหัวใหญ่ซอย-อืม…อร่อย

ช่วงบ่าย ผู้โดยสารแถวหลังหายไป รถหลวมนั่งสบาย แต่เส้นทางไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามทะเลสาบไบคาลไม่เรียกถนน แต่เป็นทุ่งหญ้าสูงๆ ต่ำๆ มีรอยรถวิ่งเป็นทางสีน้ำตาลพุ่งไปเบื้องหน้า รถตู้ของพวกเราวิ่งปุเลงๆ แบบไม่เกรงใจ ผู้โดยสารกระเด้งกระดอนไปจนถึงท่าเรือ

เมื่อทั้งรถทั้งคนขึ้นไปอยู่บนแพเรียบร้อยจึงเคลื่อนออกจากท่าเรือ ลมเย็นพัดฉิว ท้องฟ้าปิด แดดหลัว น้ำในทะเลสาบเป็นสีน้ำเงินเข้ม ถ้าแดดจ้าฟ้าใส ทะเลสาบจะเป็นสีฟ้าสด


โอลขอน “หัวใจ” ของไบคาล

โอลขอนเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในทะเลสาบไบคาล และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นเกาะเดียวในไบคาลที่คนอยู่ชนเผ่าแรกที่ตั้งรกรากบนเกาะคือคูรีแคน (Kurykan) บรรพบุรุษของเผ่าบูร์ยัต (Buryat) กับยาคุต (Yakut) อยู่ร่วมกับอีกหลายชีวิตที่กระจัดกระจายอยู่ตามหมู่บ้าน 5 แห่ง รอบๆ เกาะ อาชีพหลักคือทำการประมง กับเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันชาวเกาะโอลขอน มีรายได้เสริมจากการท่องเที่ยว แหล่งพักพิงยอดนิยมของนักเดินทางที่อยากใกล้ชิดไบคาล มุกงามแห่งไซบีเรีย

จากท่าเรือเฟอร์รี่ ข้ามทะเลสาบมายังท่าเรือเกาะโอลขอน ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เรือเทียบท่า รถตู้ก็พาพวกเราวิ่งตะลุยทุ่งหญ้า กระเด้งกระดอนอีกหนึ่งชั่วโมง เข้าเขตหมู่บ้านคูซีร์ (Khuzhir) เมืองหลวงของโอลขอน รถตู้รัสเซียทรหดค่ะ สามารถลุยพื้นทราย ลัดเลาะผ่านดงไทก้า ทยอยส่งผู้โดยสารถึงบ้านพักตามลำดับ เหลือชุดสุดท้ายคือ สามเรา รถวิ่งตะบึงพามาจอดพรืดตรงหน้าตึกสีมชมพูริมทางสายหลักของหมู่บ้าน

“หมดระยะ” ค่ะ จะใช่ที่พักของเราหรือไม่ใช่ก็ “ต้องลง”

แดงควักโพยจองโฮสเทลมาดูชื่อบ้านเลขที่บ้าน ภาษารัสเซียล้วน ส่งให้สมัยถอดรหัส-อักษรรัสเซียเทียบภาษาอังกฤษ อ่านว่า “ไดอาน่า” “ใช่แล้วค่ะ…พี่หมัยเก่งจัง” สาวแดงกระโดดตัวลอย สามเราลากกระเป๋าเดินเข้าบ้านอย่างโล่งอก

ผู้ดูแลโฮสเทลเป็นหญิงสาวลูก 2 ผู้หญิงทั้งคู่ สื่อสารกันรู้เรื่องด้วยภาษาอังกฤษ พาสำรวจที่พัก

ห้องรับแขกกว้างขวาง มีกรงเมียร์แคตสองตัว นอนหลับปุ๋ยอยู่ในถุงนอนไหมพรม อากาศหนาวค่ะ หมาสีดำหูยาวยึดเก้าอี้นวมหน้าทีวีชื่อ “ยีน่า” กระดิกหางทักทายแล้วก็หันก้นนั่งแปะบนหลังเท้าฉันหน้าตาเฉย “อุ่นบั้นท้ายดี” มีแขกอื่นหรือเปล่าไม่รู้ ตอนนี้มีแค่สามเรา นั่งพักในห้องอาหารให้ตับไตไส้พุงถูกรถเขย่าเข้าที่ก่อน มุมห้องมีห้องครัวเล็กๆ ทำอาหารได้ด้วย ห้องน้ำต้องผลัดกัน เพราะมีห้องเดียว เมื่อสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษราบรื่น แดงจัดโปรแกรมพรุ่งนี้ทันที

อาหารเช้า 3 ที่ ซื้อทัวร์เที่ยวรอบเกาะ-สะดวกสุด รถจะมารับตอน 10 โมงเช้า!

หลังจากขนสัมภาระเข้าห้องพักเรียบร้อย สามเราเติมพลัง ผลไม้ที่ซื้อติดมือมาด้วย กล้วยหอม แอปเปิ้ล ลูกพรุนสด กับน้ำชา-กาแฟ จากนั้นโปรแกรมบ่ายก่อนเย็น พวกเราจะเดินชมหมู่บ้านและไปคารวะเจ้าที่เจ้าทางศิลาอาถรรพ์ “Shaman Rock” ศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวเกาะโอลขอน

อยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกล เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก จนถึงสุดท้ายปลายเกาะ ประมาณ 20 นาที-ก็ถึง

 

ศิลาอาถรรพ์ Shaman Rock

ชนเผ่าดั้งเดิมและชาวบูร์ยัต ที่เคารพนับถือ “ชาแมน” มีความเชื่อว่า “เกาะ” เป็นสถานที่มีจิตวิญญาณหลากหลายสิงสถิต ส่วนจิตวิญญาณชาแมนที่กลุ่มชาวบูร์ยัตบูชา คือชาแมนเหลือง ชื่อ Noyod oikony ก็เป็น 1 ใน 13 เทพเจ้าแห่งเกาะโอลขอน

พวกเรากำลังไต่เนินเขาฝั่งตะวันตกของหมู่บ้านคูซีร์ เพื่อไปดูสถานที่สำคัญที่สุดในทะเลสาบไบคาล ติดอันดับ 1 ใน 9 สถานที่ลี้ลับมหัศจรรย์ในเอเชียด้วย นั่นคือศิลาอาถรรพ์ชาแมน หรือ Shaman Rock อันโด่งดัง นักท่องเที่ยวรู้จักดี

โขดหินศักดิ์สิทธิ์ชาแมน (Rock Burkhan) ตั้งอยู่บนแหลมที่ยื่นไปในทะเลสาบ มีถ้ำเล็กๆ และภาพเขียนอักษรสันสกฤตที่ปากทาง คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้นับถือชาแมนมาเคารพบูชา บนยอดศิลามีลักษณะเป็นรอยหยักแหลมๆ ดูแล้วเหมือนสวมมงกุฎ

พวกเราใช้เวลามากกว่า 20 นาที กว่าจะไปถึงยอดเขาปลายเกาะ วิวทะเลสาบสีน้ำเงินเข้มจากมุมสูง หลังคาบ้านเรือนลดหลั่นเรียงรายไปตามไหล่เขา และผืนฟ้ากว้างงดงาม สมควรถ่ายรูปคู่-รูปเดี่ยว ไปตลอดทาง กว่าจะถึงจุดหมาย แสงอาทิตย์-สลัวราง

ไฮไลต์-ของสามเราช่วงเย็นย่ำ คือเทร็กกิ้งขึ้นๆ ลงๆ เนินเขา หน้าผาชันท้ายเกาะเพื่อจะได้ภาพ ศิลาอาถรรพ์ Shaman Rock ในทะเลสาบเบื้องล่าง ฉันอยากลงไปที่ชายหาด เพื่อชิมน้ำในทะเลสาบไบคาล-จืดสนิทค่ะ

สามเรา-หมดเรี่ยวแรงไปกับการเดินขึ้นลง เพื่อหามุมงามๆ มีฉากหลังเป็นโขดหินศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจีน เดินสวนทาง-หลีกทางกันหลายรอบ ทักทายกันบ้าง ขอให้ช่วยเป็นช่างภาพถ่ายรูปหมู่-สามเราบ้าง ที่เต็มใจ-คืออดทนรอให้โพสท่างามๆ ที่ไม่เต็มใจ-รำคาญ กดมือถือรัวทีเดียว 20 รูป

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า อากาศเย็นจัด-สามเราจากไทยแลนด์ลิ่วละล่องลงเขาอย่างรวดเร็ว-หิวข้าว

ดินเนอร์ที่วางแผนไว้-ซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตรงสามแยกใกล้ที่พักมาทำกินเอง เปลี่ยนกะทันหัน เมื่อเดินผ่านร้านอาหาร

ตามเคย-เมนูรัสเซีย ไม่มีภาพประกอบ ใช้มุขเดิม-สมัยสั่งสลัด ฉันสั่งปลาโอมุล คราวนี้ได้สเต๊กปลาโอมุลทั้งตัว ย่างหอมฉุยร้อนฉ่า โรยเกลือ-พริกไทย เพิ่มรสชาติความสดจากทะเลสาบ-อร่อยล้ำ สลัดผักสด และกรอบ โดยเฉพาะมะเขือเทศเนื้อฉ่ำชิ้นเบิ้ม มีสาวเสิร์ฟสูงวัยวนเวียนรอบโต๊ะ ไม่ได้มาคอยบริการ แต่เร่งให้รีบกิน-รีบอิ่ม

“จะปิดร้านกลับบ้านแล้ว” ทำนองนั้น