ศึกพิพาทแรงงานปินส์-คูเวต

เพิ่งผ่านวันแรงงานไปหมาดๆ ที่เรายังคงได้เห็นการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องปกป้องสิทธิของกลุ่มผู้ใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกเหมือนทุกปี

ที่ข้อเรียกร้องมีครอบคลุมตั้งแต่การให้รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน

ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานให้ดีขึ้น

ไปจนถึงการปฏิรูปกฎหมายแรงงานและปรับปรุงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของผู้ใช้แรงงาน

ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีกลุ่มผู้ใช้แรงงานออกมาชุมนุมเรียกร้องปกป้องสิทธิจำนวนมากในวันดังกล่าว

ในช่วงเวลาที่มีประเด็นร้อนเกี่ยวกับแรงงานฟิลิปปินส์ที่เดินทางไปทำงานหาเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศคูเวตที่มีแรงงานฟิลิปปินส์อยู่ราว 262,000 คน

ในจำนวนนี้เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นแรงงานสาวใช้หรือคนทำงานบ้าน ซึ่งกำลังมีกรณีพิพาทรุนแรงกันอยู่

และเสี่ยงที่จะฉุดรั้งความสัมพันธ์ของสองชาติให้เสื่อมทรามลงไปอย่างหนัก

ล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ ถึงกับประกาศมาตรการกร้าวห้ามแรงงานฟิลิปปินส์ไปทำงานในประเทศคูเวตเป็นการถาวร

จากที่ก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการออกคำสั่งห้ามไปขายแรงงานในคูเวตเป็นการชั่วคราวเท่านั้น

 

ต้นเหตุที่นำมาสู่การแสดงท่าทีแข็งกร้าวในเรื่องนี้ของผู้นำฟิลิปปินส์ เป็นผลมาจากที่ผ่านมาเกิดกรณีแรงงานชาวฟิลิปปินส์ที่ไปทำงานในต่างประเทศมักได้รับการปฏิบัติจากนายจ้างอย่างเลวร้ายไร้มนุษยธรรมเกิดขึ้นบ่อยครั้งหลายกรณี

โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานหญิงที่ไปทำงานเป็นคนทำงานบ้าน

ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานสวัสดิการแรงงานโพ้นทะเลของฟิลิปปินส์ระบุว่า นับจากปี 2559 มีแรงงานชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตในคูเวตจำนวน 196 ราย

ในจำนวนนี้เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์มีสาเหตุการเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกาย

ขณะที่ในปี 2560 สถานทูตฟิลิปปินส์ประจำคูเวตได้รับข้อมูลรายงานว่ามีแรงงานชาวฟิลิปปินส์ในคูเวตที่ถูกทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศและถูกข่มขืนกระทำชำเรามากถึง 6,000 ราย

ที่เป็นชนวนเหตุเลวร้าย จนทำให้รัฐบาลดูแตร์เตออกมาตรการตอบโต้ที่แข็งกร้าวต่อคูเวต เป็นกรณีของโจแอนนา ดีมาเฟลิส แรงงานหญิงฟิลิปปินส์ที่ถูกพบเป็นศพยัดตู้แช่แข็งภายในอพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งในประเทศคูเวตมานานมากกว่า 1 ปี

โดยศพของเธอเพิ่งถูกพบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

แม้ทางการคูเวตจะสอบสวนพบในภายหลังว่าสามี-ภรรยาคู่หนึ่งที่สามีเป็นชาวเลบานอน ส่วนภรรยาเป็นชาวซีเรียซึ่งเป็นนายจ้างได้เป็นผู้ลงมือร่วมกันฆ่าโหดลูกจ้างหญิงชาวฟิลิปปินส์รายนี้ก็ตาม

แต่เหตุฆาตกรรมก็เกิดขึ้นในดินแดนของคูเวต

หลังเกิดกรณีสุดสลดนี้ ประธานาธิบดีดูแตร์เตได้ออกคำสั่งห้ามแรงงานฟิลิปปินส์ไปทำงานในประเทศคูเวตเป็นการชั่วคราว

และในระหว่างนั้นรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายยังทำการเจรจาเพื่อแสวงแนวทางให้ฝ่ายคูเวตปรับปรุงมาตรการปกป้องดูแลคุ้มครองแรงงานฟิลิปปินส์ให้ดียิ่งขึ้น

โดยเฉพาะการปฏิรูปกฎหมายเพื่อให้แรงงานฟิลิปปินส์ได้รับการปฏิบัติที่ดีและเป็นธรรมจากนายจ้าง

และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเลวร้ายขึ้นซ้ำอีก

 

ทว่าสถานการณ์ยังพัฒนาไปในทางที่ดี ตรงกันข้าม ยิ่งทำให้บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์และคูเวตยิ่งร้าวหนัก เมื่อปรากฏคลิปวิดีโอ 2 คลิป แพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เมื่ออาทิตย์ก่อน เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ของสถานทูตฟิลิปปินส์ในคูเวตแอบไปช่วยเหลือแรงงานฟิลิปปินส์หลบหนีออกมาจากบ้านพักหลังหนึ่งเนื่องจากกล่าวอ้างว่าถูกนายจ้างทำร้าย

การกระทำโดยพลการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่สถานทูตฟิลิปปินส์ จุดความโกรธเกรี้ยวให้กับรัฐบาลคูเวตอย่างหนัก ที่ประณามว่าเป็นการละเมิดกฎหมายของคูเวตและระเบียบปฏิบัติทางการทูตที่ไม่อาจยอมรับได้

ส่งผลให้รัฐบาลคูเวตตอบโต้ด้วยการจับกุมชาวฟิลิปปินส์ 4 รายที่เป็นลูกจ้างของสถานทูตฟิลิปปินส์และยังออกหมายจับเจ้าหน้าที่ทูตของฟิลิปปินส์อีก 3 คน

ที่หนักกว่านั้น กระทรวงต่างประเทศคูเวตได้ประกาศให้เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำคูเวตเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” และสั่งขับออกนอกประเทศ

 

ส่วนรัฐบาลฟิลิปปินส์แม้จะออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็อ้างว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เนื่องจากเป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือแรงงานฟิลิปปินส์ที่ตกอยู่ในอันตราย

พร้อมทั้งยังแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลคูเวตสั่งขับเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ออกนอกประเทศด้วย

การกระทบกระทั่งครั้งนี้ดูจะลุกลามบานปลายไปมากยิ่งขึ้น ถ้าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไม่หันหน้าเข้าเจรจากัน

แต่หากพิจารณาถึงการกระทำของฟิลิปปินส์ที่ลักลอบปฏิบัติการช่วยเหลือพลเมืองของตนเองในลักษณะนั้นในดินแดนอธิปไตยของประเทศอื่น ก็ดูจะผิดเต็มประตู ผิดทั้งมารยาททางการทูต ละเมิดกฎหมายของคูเวต กฎหมายระหว่างประเทศ และยังเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของคูเวตอย่างร้ายแรง ในส่วนนี้ฟิลิปปินส์ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ

ขณะที่อีกฝ่ายนั้นก็จะต้องปรับปรุงหามาตรการปกป้องคุ้มครองแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานช่วยแบ่งเบาภาระของคนในประเทศตนเองให้ดีและรัดกุมยิ่งขึ้น

เพราะถึงอย่างไรต่างฝ่ายต่างยังต้องพึ่งพากัน