อาชญากรรม : ผ่าปมหนุ่มไลฟ์โหด ตื้บแฟนสาวปางตาย รับเสพยาจนหลอน จ่อฟันเพิ่ม-คดีฉ้อโกง

นับเป็นเหตุความรุนแรงในครอบครัวที่ไม่ควรเกิดขึ้น

สำหรับกรณีหนุ่มที่อ้างตัวเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ เปิดสอนคอร์สลงทุนแลกเปลี่ยนเงินตรา

ที่ฉากหน้าทำตัวเนี้ยบแสนดี แต่หลังฉากกลับกระทำความรุนแรงต่อแฟนสาวที่อยู่ด้วยกัน

แถมยังถ่ายทอดไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

แม้สุดท้ายจะอ้างว่าเป็นการกระทำด้วยความรัก กลัวว่าฝ่ายหญิงจะทอดทิ้ง

และโยนความผิดว่าเป็นเพราะเมายาเสพติดที่เสพเข้าไปขนาดหนัก!!

ทั้งที่ไม่ว่าจะใช้ข้ออ้างอะไร ก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายคนอื่นได้

จึงเป็นเรื่องที่ต้องรับโทษตามกฎหมาย

และหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีอาการทางจิต ก็ต้องไปรักษา

ไม่ให้เป็นภัยกับสังคมอีกต่อไป

หนุ่มไลฟ์โหด-ตื้บแฟน

เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยมีเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งแชร์ภาพไลฟ์สดจากเฟซบุ๊กของ “นิต้า” สาวอายุ 21 ปี ในภาพถูกทำร้ายร่างกาย จนใบหน้าบวมปูด เขียวช้ำไปทั้งตัว โดยในการไลฟ์มีผู้ชายที่เป็นแฟนหนุ่ม ถ่ายทอดสดออกมาจากที่พักที่มีรูปแบบคล้ายๆ คอนโดมิเนียม

ชายคนดังกล่าวพูดจาลักษณะวกวนไปมา พร้อมจี้ถามแฟนสาวให้ตอบคำถามต่างๆ แถมยังพูดในเชิงว่าฝ่ายหญิงมีกิ๊ก และจะไปตัดนิ้วของกิ๊กผู้หญิงด้วย!??

พร้อมบังคับให้ฝ่ายหญิงตบหน้าตัวเอง เพื่อเป็นการลงโทษ

หลังจากสตรีมดังกล่าวแพร่ออกไป ชาวเน็ตทั้งหลายก็ช่วยกันสืบค้นเพื่อหาสถานที่ที่ชายดังกล่าวก่อเหตุ เพื่อช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกทำร้าย

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ความพยายามก็สำเร็จ โดยเมื่อเวลา 16.00 น. ร.ต.อ.ศุภกิจ ขันขวา รอง สวป. สน.บึงกุ่ม ก็ได้รับแจ้งเหตุว่าการทำร้ายร่างกายที่ถ่ายทอดสด มาจากห้องพักในคอนโดลุมพินีปาร์ค อาคารบี ชั้น 13 ระหว่างซอยนวมินทร์ 36-38 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.

จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุเป็นอาคารนิติบุคคล ชั้น 13 ห้องเลขที่ 454/234 ประตูห้องปิดล็อก ได้ยินเสียงชายหญิงทะเลาะกันภายใน จึงเกลี้ยกล่อมและขอให้ฝ่ายชายเปิดประตูอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าปฐมพยาบาล

ในที่สุดฝ่ายชายที่ก่อเหตุก็ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไป จากนั้นอีก 2 ชั่วโมง จึงยอมปล่อยตัวหญิงสาวออกมา ในสภาพได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ศีรษะ มือขวา ถูกนำส่งโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี โดยแพทย์ระบุว่ามีอาการหน้าตาบวม ตาปิด คอมีรอยมีดบาดไม่ลึกมาก ข้อมือซ้ายหัก จมูกหัก ตามร่างกายมีรอยช้ำ รอยไหม้

ต้องรักษาอาการประมาณ 4 เดือน

ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชัยชนะ ศิริชาติ หรือเอ็ม อายุ 27 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนที่ สน.บึงกุ่ม โดยพบว่าไอ้เอ็ม เป็นวิทยากรเปิดสอนคอร์สฟอเรกซ์ หรือการลงทุนแลกเปลี่ยนเงิน ที่ผ่านมาเปิดคอร์สรับผู้สมัครเรียนเก็บเงินรายละ 1.5 หมื่นบาท มีคนสมัครเรียนจำนวนมาก รวมเป็นเงินหลายล้านบาท แต่สุดท้ายไม่สามารถเปิดสอนได้ ทำให้ถูกทวงเงิน

จึงอาจเป็นอีก 1 สาเหตุของการลงมือโหดครั้งนี้ด้วย

รับเสพยาบ้าจนหลอน

หลังจากถูกคุมตัวไว้ที่ สน.บึงกุ่ม ตลอดคืน ไอ้เอ็มก็เริ่มได้สติ และสามารถให้การได้ โดยระบุว่า เสียใจที่ทำร้ายแฟนสาว ซึ่งสาเหตุมี 2 ประเด็น คือเครียดเรื่องเงินค่ารับสมัครสอนฟอเรกซ์ 6 ล้านบาท ที่มีแฟนสาวเข้าไปเกี่ยวข้อง

อีกอย่างคือคิดว่าแฟนสาวนอกใจ ทำให้เกิดความกดดันและคับแค้นใจ พยายามให้แฟนสาวพูดความจริง และให้แฟนสาวถ่ายไลฟ์จากห้องพัก ก็เพื่อส่งสัญญาณให้คนที่มายุ่มย่ามกับแฟนตนรู้ว่าเอาจริง จะได้เลิกมายุ่งเกี่ยวกันอีก

“ทุกครั้งที่ทำร้ายแฟน ผมก็รู้สึกเจ็บปวดทั้งน้ำตา อยากจะขอโทษพ่อแม่ของแฟนสาว หากย้อนกลับไปได้ก็จะไม่ทำเช่นนี้อีก ทั้งนี้ ตอนที่ลงมือ ก็เสพยาเสพติดไปด้วย ยืนยันว่ายังรักแฟนจริงๆ ส่วนที่ลงมือไปก็เกิดจากอาการหลอนจากฤทธิ์ยาเสพติด”

ขณะที่ผลการตรวจร่างกายก็พบสารแอมเฟตามีนในร่างกาย

ด้าน พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. และโฆษก ตร. ที่เข้าควบคุมคดีนี้ด้วยตัวเอง เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำทั้งนายชัยชนะ ผู้ต้องหา และน้องนิต้า เหยื่อสาวพบว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายหญิงมีแฟนแล้วเลิกกัน ก่อนมาคบนายชัยชนะได้ 8 เดือน ที่ผ่านมาไม่เคยทำร้ายร่างกาย

จนกระทั่ง 2 เดือนหลัง มีการลงมือทำร้ายร่างกายกันถึง 6 ครั้ง ที่ลงมือครั้งนี้ก็เสพยาจนหลอน รำพึงรำพันว่าตนเองเป็นโจ๊กเกอร์ในภาพยนตร์เรื่องแบตแมน

ส่วนแฟนสาวเป็นแฟนโจ๊กเกอร์ หวาดระแวง จินตนาการว่าแฟนมีคนอื่น แล้วก็ลงโทษแฟนสาวด้วยการทำร้ายร่างกาย แล้วบังคับให้สารภาพ แต่แฟนสาวไม่รู้จะสารภาพเรื่องอะไร จึงถูกทำร้ายหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ช่วงเวลา 6-8 ชั่วโมง นายเอ็มลงมือทำร้ายร่างกายในรูปแบบต่างๆ ใช้ที่หนีบผมความร้อนสูงมาจี้ตามร่างกาย ใช้มีดปาดคอ แต่ไม่เข้า ใช้ขาตั้งกล้องฟาดตามลำตัว ใช้สายไฟชอร์ต มีเจตนาจะควักตาออกทั้ง 2 ข้าง แต่ทำไม่ได้ โดยฝ่ายหญิงระบุว่าที่ทนอยู่ก็เพราะรักมากเช่นกัน”

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย 1.พยายามฆ่าผู้อื่น 2.กักขังหน่วงเหนี่ยว 3.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทำให้ปรากฏภาพผู้อื่นอันจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรืออับอาย และ 4.เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า)

พร้อมส่งฝากขังศาล โดยไม่มีใครมายื่นประกันตัว ส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

จ่อโดนคดีฉ้อโกงอีก

นอกจากคดีทำร้ายร่างกาย นายชัยชนะ ก็ต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง โดยกลุ่มผู้เสียหายจากการสมัครคอร์สเรียนฟอเรกซ์เข้ายื่นเอกสารต่อ พล.ต.อ.วิระชัย ระบุว่า นายชัยชนะเปิดคอร์สสอน คิดค่าเรียนคนละ 15,000 บาท มีคนสมัครเรียน 500 คน คิดเป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท สุดท้ายไม่มีการเรียนการสอนใดๆ

โดย พล.ต.อ.วิระชัย ระบุว่า ตรวจสอบจากการสอบปากคำนายเอ็มและการตรวจสอบบ้านพัก ไม่พบว่านายเอ็มมีทรัพย์สินมูลค่าหลักล้าน มีเพียงหนังสือเอกสารหรือตำราเกี่ยวกับการเทรดหุ้นเท่านั้น ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ หรือจบการศึกษาด้านนี้โดยตรง

เชื่อได้ว่านายเอ็มได้มีพฤติกรรมการหลอกลวงเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อ โดยมีความผิดเข้าข่ายฐานฉ้อโกงประชาชน และเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จลงในโซเชียลมีเดียร์หรือระบบคอมพิวเตอร์

ขอให้ประชาชนผู้เสียหายได้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ หรือพื้นที่ที่ตนได้จ่ายหรือโอนเงินให้นายเอ็มเพื่อการดำเนินคดีต่อไป โดยหากมีผู้เสียหายจำนวนมากและกระจายในหลายจังหวัดทั่วประเทศนั้น ตนก็จะเสนอ ผบ.ตร. เพื่อให้โอนย้ายคดีมายังกองบังคับการปราบปรามในการดำเนินคดี

ขณะที่ตัวแทนผู้เสียหาย ระบุว่า กลุ่มของตนได้สมัครลงคอร์สเรียนกับนายเอ็มในมูลค่า 15,000 บาท ตามเงื่อนไขที่นายเอ็มกำหนดและโฆษณาชวนเชื่อ คือจะส่งคลิปวิดีโอให้ศึกษาและมีการสอนแบบตัวต่อตัวในลักษณะไพรเวต พร้อมจะคอยดูแลแนะนำการเล่นหุ้นในระยะเวลา 1 ปี นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้ร่วมลงทุนโดยให้แบ่งผลกำไรแก่ผู้เสียหาย 70/30

เป็นอีกคดีที่ต้องเผชิญ

แพทย์วิเคราะห์ปมรุนแรง

อย่างไรก็ตาม เรื่องความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจและแก้ไข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวมากขึ้น ทั้งการทำร้ายคนในครอบครัว ลูกทำร้ายพ่อแม่ หรือคนหนุ่มสาวทำร้ายผู้สูงวัย รวมทั้งทำร้ายเด็กเล็ก มีอยู่แล้ว เพียงแต่ขณะนั้นการสื่อสาร หรือสื่อโซเชียลยังไม่มาก

แต่ปัจจุบันปรากฏเป็นข่าวเยอะ มีการเฝ้าระวัง มีความตระหนักในเรื่องนี้ก็ทำให้เห็นข่าวเห็นภาพมากขึ้น เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันเพื่อป้องกันปัญหา ซึ่งต้องดูที่สาเหตุ ซึ่งอาจมาจากการเจ็บป่วยทางกาย ที่ส่งผลต่อการยับยั้งชั่งใจ และปัญหาทางจิตใจ สัมพันธภาพในครอบครัว ทั้งเรื่องการทะเลาะกัน การมีกิ๊ก มีคนอื่น หรือสภาพเศรษฐกิจ เรื่องเงินทอง มรดก ต้องดูสาเหตุและแก้ที่ตรงนั้น

“ความเครียดก็เป็นสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มเรื่องสุขภาพจิต หรือการถูกเลี้ยงดูก็เป็นเรื่องสำคัญ จะเห็นได้ว่าลูกทำร้ายพ่อแม่ อาจเพราะตั้งแต่เด็กเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน พ่อตีแม่ แม่ตีพ่อ หรือการขว้างปาข้าวของ การด่าทอ ทำร้ายกัน ซึ่งเห็นตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นความเคยชิน”

ทางออกคือ ต้องไม่ให้มีความรุนแรงในครอบครัว เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเห็นเรื่องลักษณะนี้ เพราะเขาจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติทำกับใครก็ได้

พ.ต.ต.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือหมอแอร์ จิตแพทย์หญิง กล่าวว่า กรณีนี้ฝ่ายชายน่าจะมีปัญหาทางสุขภาพจิตอยู่แล้ว หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง ในส่วนของผู้หญิงนั้นหลังจากรักษาอาการบาดเจ็บของร่างกายเสร็จแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาจิตใจด้วย

กรณีส่วนใหญ่ของผู้หญิงที่ถูกคนรักทำร้ายร่างกายหลายครั้งแต่ยังทน เนื่องจากต้องการรักษาความรักเอาไว้ หวังว่าผู้ชายจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และอาจเป็นเพราะผู้หญิงกลุ่มนี้ต้องการพึ่งพาบางอย่างจากฝ่ายชาย เช่น เรื่องเงินทอง หรือเรื่องจิตใจ ซึ่งก็เป็นกรณีที่ควรต้องได้รับการรักษาเช่นเดียวกัน

เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ไม่ให้เกิดซ้ำอีก