ย้อนเวลาเรียบเรียงความทรงจำ ยามย่ำแดนไกลในวัยหนุ่ม ตอนที่ 3

เวลาเดินทางล่วงเลยมากว่า 3 ทศวรรษ จนถึงขณะนี้ยังไม่เชื่อเลยว่า วันหนึ่งได้ไปนั่งตกปลาร่วมกับชาวลาวอพยพยังเมืองดิ มอยน์ มลรัฐไอโอวา สหรัฐ (Des moines Iowa USA)

ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นปลาน้ำจืดเนื่องจากรัฐนี้ไม่ได้อยู่ติดทะเล

เพราะความซอกแซกสอดรู้สอดเห็นช่างเจรจาพาทีของ (สะใภ้) ชาวลาวอพยพชอบจัดแจงซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอุปนิสัย หรือเป็นประเพณีอะไรของคนที่เราชอบเรียกว่าบ้านพี่เมืองน้อง

เธอเป็นคนโหยหาต้องการมีญาติ เมื่อบังเอิญเป็นบุญพาวาสนาส่งให้ได้พบกับแม่สามีซึ่งเขาคิดว่าเป็นคนจรจัดโซซัดโซเซมาได้พบกันเหมือนบุพเพสันนิวาส

จึงดีอกดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่

 

บรรดาญาติโยมเยอะแยะมากมายที่อพยพกันมาจากประเทศลาว ซึ่งทุกวันนี้จะเรียกสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งทราบกันดีว่าในปี พ.ศ. นั้นมีการสู้รบเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองระหว่าง “ลัทธิคอมมิวนิสต์” กับ “ประชาธิปไตย” ซึ่งแน่นอนเหลือเกินว่าสหรัฐ ซึ่งทำตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ มหาอำนาจของโลกย่อมต้องยืนอยู่ข้าง “ประชาธิปไตย”

ฉะนั้น สหรัฐจึงส่งทหารอเมริกันเข้าไปในเอเชียอาคเนย์เกือบทุกประเทศเพื่อต่อต้านการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ทั้งเวียดนาม กัมพูชา และลาว แต่ลาวดูเหมือนจะไม่มากเท่ากับ 2 ประเทศแรก ซึ่งมีการทำสงครามเต็มรูปแบบ เป็นผลให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต พิการ และเป็นเชลยสงครามจำนวนไม่น้อย

ประเทศไทยในฐานะพันธมิตร มีสัญญาอะไรต่อมิอะไรร่วมกันเยอะแยะได้กลายเป็นสถานที่ซึ่งสหรัฐทุ่มงบประมาณเข้ามาสร้างสนามบิน เพื่อใช้ในการนำเอาเครื่องบินทิ้งระเบิดเข้ามาประจำการ ขนระเบิดไปทิ้งในสนามรบ 2-3 ประเทศ ขนส่งอาวุธ และทหารเข้าไปทำการสู้รบในเวียดนาม ในเขมร รวมทั้งทุ่มงบประมาณให้ทหารไทยเข้าไปเป็นกันชนสู้รบในลาว เหมือนทหารรับจ้างด้วยซ้ำไป

สงครามอินโดจีนสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับทหารไทยระดับผู้บังคับบัญชามามากมายนักต่อนักแล้ว แต่สุดท้ายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อเมริกาไม่ได้ชนะสงครามลัทธิดังกล่าวนี้ ยิ่งกว่านั้นยังเสียงบประมาณในการใช้จ่ายเป็นจำนวนมหาศาล

และกลายเป็นผู้ต้องรับกรรมที่ก่อไว้อย่างตรงๆ เต็มๆ ด้วยต้องแบกรับผู้ “อพยพ” หนีสงครามเอามาไว้บนแผ่นดินของตนเอง

 

ตามประสาคนนับถือ “ศาสนาพุทธ” อย่างคนเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทยนั้นเชื่อเรื่อง “เวรกรรม” ใครที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้สุดท้ายก็จะได้รับสิ่งที่ทำไว้กับผู้อื่นในที่สุด

ว่ากันว่าผู้คนผิวสีซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นคนอเมริกันเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในเปอร์เซ็นต์สูงนั้น มันคือเวรกรรม พวกเขาอยู่ในที่ทางของเขาดีๆ คนขาวไปไล่ล่าจับตัวพวกเขาเอามาเป็น “ทาส” กดขี่ข่มเหงทรมาน แบ่งชนชั้น แบ่งแยกสีผิวในเวลาต่อมาจนกระทั่งสุดท้ายจึงเกิดสงคราม เนื่องจาก “ที่ไหนมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมต้องมีการต่อสู้” มันเป็นสัจธรรมเสมอ

ก่อนจะเปลี่ยนแปลงอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้แม้กระทั่งในประเทศยุโรปซึ่งไล่ล่าอาณานิคมด้วยการใช้ความเจริญเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ เข้าปล้นกดขี่ข่มเหงยึดดินแดนเป็นของตนเองอย่างไร้มนุษยธรรม สุดท้ายปัญหาเรื่องผิวสี ปัญหาเรื่องก่อการร้าย สร้างความไม่สงบในประเทศยุโรปก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกระทั่งปัจจุบัน

ผู้อพยพจากลาว เวียดนาม และกัมพูชา ส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งตรงข้ามกับลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงประเทศเรื่องการปกครอง ส่วนใหญ่อพยพโดยได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐนำเข้ามาแวะพักยังประเทศไทยก่อน พร้อมหาที่ทางให้เดินทางเข้าสู่สหรัฐ เหมือนเป็นการรับผิดชอบการกระทำเข้ามารบพุ่งปล้นเมืองเขาจนพังพินาศ

จำได้ว่ากลุ่มนี้เกี่ยวเนื่องเป็นครอบครัวกัน และถูกนำเข้ามาพักเพื่อคัดเลือกยังแคมป์บริเวณสนามบินอู่ตะเภาบ้าง ทางจังหวัดภาคอีสาน และกรุงเทพฯ ของไทยก่อนใช้เครื่องบินขนส่ง (C-130) พาพวกเขาไปไว้ตามรัฐต่างๆ ในอเมริกา ซึ่งเป็นผู้กำหนด

บางส่วน (อาจ) ถูกแยกไปยังยุโรป ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งเศส

 

ผู้อพยพที่ได้พบในสหรัฐชุดนี้เกี่ยวดองผูกพันเป็นญาติพี่น้องกัน ครั้งแรกๆ อาจจะยังรวมตัวกันได้ไม่มากเท่าไร แต่เมื่อรัฐบาลกลางหางานให้ทำ มีเงินจากรัฐบาลช่วยเหลือ ที่สุดได้กลายเป็นชุมชนใหญ่ขึ้น ผู้อพยพจากรัฐใกล้เคียงก็มารวมตัวอยู่ด้วยกันเป็นชุมชนเดียวกันเพราะฝรั่งผิวขาวอพยพหนีไปอยู่ที่อื่น ทำท่าเหมือนรังเกียจประมาณนั้น แต่มันคือความจริง

น้องชายของหุ้นส่วนชีวิตเริ่มต้นไปอาศัยอยู่กับญาติที่เมืองวิกเตอร์ มลรัฐไอโอวา (Victor Iowa) ซึ่งไม่ไกลกับเมืองดิ มอยน์ (Des Moines Iowa) หลังเกิดความขัดแย้งกับญาติจึงระเหเร่ร่อนตกระกำลำบากกระทั่งได้พบกับกลุ่มคนผิวสีเดียวกัน เกิดมีความรักกับสาวชาวลาวผู้อพยพ เกิดผลิตผลเป็นลูกผสม “ไทย-ลาว” ถือกำเนิดในสหรัฐ จึงได้สัญชาติอเมริกัน นับว่าเป็นบุญวาสนาของคนในเจเนอเรชั่น (Generation) ต่อมา

ญาติโยมทั้งหลายทั้งปวงถูกระดมมารวมตัวเพื่อต้อนรับแม่ พี่ของสามีชาวไทยอย่างเต็มที่ ตามธรรมเนียมของคนจากบ้านเกิดมา คนที่ไม่มีแผ่นดินพ่อแผ่นดินแม่อาศัยอยู่อีกต่อไป ความจริงเป็นที่น่าเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างยิ่งถ้าผู้อพยพเหล่านี้จะไม่พูดคุยโอ้อวดเรื่องฐานะว่ามีอดีตร่ำรวยระหว่างอยู่ในประเทศที่ต้องหนีออกมา

ซึ่งมันขัดแย้งกับบุคลิกและสภาพความเป็นจริงที่ได้เห็น

 

ในฐานะผู้นำพาไม่ได้เกี่ยวพันเป็นญาติสนิทโดยตรง ทำได้เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์และกลั่นกรองเรื่องราวเหตุการณ์ที่ผ่านมาขณะเกิดสงครามระหว่างลัทธิการปกครอง บอกกล่าวเล่าขานให้เขาฟัง เพราะพอจะเข้าใจความเป็นมาของผู้อพยพเหล่านี้

เห็นใจในความพลัดพราก เข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่ได้พบหน้าค่าตาพ่อแม่เป็นระยะเวลายาวนาน ขนาดน้องชายแท้ๆ รวมทั้งพ่อผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตลง เขายังไร้ปัญญาจะเดินทางกลับมาร่วมงานศพ พอเข้าใจได้ถึงความเดือดร้อนทุกข์ยาก

แต่มันสวนทางกับราคาคุยของภรรยาชาวลาวอพยพคู่ชีวิตของเขาซึ่งพูดคุยเรื่องญาติโยมว่าสูงส่ง มีฐานะ

เวลานั้นทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าลื่นไหลไปตามสภาพเหตุการณ์ ชวนพูดคุยอะไรก็รับฟัง และอธิบายให้เข้าใจเรื่องเมืองไทยไปตามประสาคนไม่เคยพบกัน

พูดคุยสอบถามหลายคนว่ามาอยู่ที่นี่ทำอาชีพอะไร ได้รับคำตอบว่าส่วนมากทำงานให้กับรัฐบาล มีเวลาว่างจะไปยิงนกตกปลา ล่าสัตว์ไปตามสภาพของบ้านเมืองในรัฐนั้น เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ทำการเกษตร เป็นเมืองที่ผลิตข้าวโพด และการเลี้ยงหมูผลิตเนื้อหมู รวมทั้งน้ำมัน เอทานอล

ไอโอวา (Iowa) ใครเคยดูหนังอเมริกันเกี่ยวกับเรื่อง “อินเดียนแดง” (Idian) คงเคยได้ยินชื่อคุ้นๆ เพราะรัฐ “ไอโอวา” (Iowa) ตั้งชื่อตามชาวอินเดียนแดงเผ่าดังกล่าว สำหรับคนพื้นถิ่นดั้งเดิมซึ่งถือเป็นเจ้าของแผ่นดิน

ต่อมารัฐบาลอเมริกันให้สิทธิ์หลายสิ่งหลายอย่าง

 

ปล่อยให้ญาติโยมที่ไม่ได้พบกันนานๆ ชื่นชมกันให้หายอยาก คนอพยพเรียกหาสิ่งที่ขาดหายไป คนชอบตกปลาจากเมืองไทยจึงรับปากจะไปตกปลากับเพื่อนใหม่ชาวลาวอพยพ ซึ่งเขามักชอบเรียกตัวเองว่าเขาเป็นอเมริกัน (ไม่รู้ทำไม) เพราะชอบพอเรื่องตกปลามาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากมีบ้านติดคลอง และใกล้ทะเล แต่มันไม่ได้ทันสมัยเหมือนการตกปลาทุกวันนี้ซึ่งมีคันเบ็ดอุปกรณ์ต่างๆ ครบครันมาก รวมทั้งส่วนใหญ่จะใช้เหยื่อปลอม

การเดินทางไปตกปลากับเพื่อนใหม่ชาวลาวอพยพต้องออกกันตั้งแต่เช้ามืด และขณะนั้นมีคันเบ็ดทันสมัยแล้ว แต่เหยื่อยังต้องใช้ของจริงเป็นลูกกุ้ง ลูกปลา สำหรับปลาที่จะไปตก ได้แอบเห็นแช่แข็งอยู่ในตู้เย็นบ้านของพวกเขาเสียก่อน ล้วนเป็นปลาชนิดไม่มีเกล็ด (คาวมาก) มีหนวดที่เรียกว่าแคต ฟิช (Cat-Fish)

ถึงเป้าหมายเป็นคลองแบบมีเขื่อนเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ นั่งเรียงรายกันเยอะแยะทั้ง 2 ฝั่ง ใส่เสื้อผ้าแบบกันหนาวพร้อมใส่หมวกคลุมหัวบ้าง แต่ฟ้ายังไม่สว่างจึงไม่เห็นรูปร่างหน้าตาชัดเจน เพื่อนชาวลาวจัดการหยิบยื่นเหยื่อมาเกี่ยวให้หลังจากเหวี่ยงเบ็ดลงไปในคลองแล้วก็นั่งรอ

ฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นจนกระทั่งเห็นหน้าตากันชัดเจน หันซ้ายหันขวาทำไม่ไม่เห็นมีฝรั่งหัวสีทอง สีเหลือง หรือคนผิวสีเลย มีแต่หัวดำๆ เต็มไปหมดทั้ง 2 ฝั่ง

คนเอเชียทั้งนั้น เป็น “ลาวอพยพ” เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมี “คนไทย” ปะปนอยู่เพียงคนเดียว