แม่หวาน ละมุนมัม : ความจำสีรุ้ง บ้านสวนธรรม (45)

คอลัมน์ปรุงในครัวทัวร์นอกบ้าน


ช่วงวันเวลาของการเริ่มชีวิตใหม่สาวน้อยตัวผอมนามอายากะก็ได้ชีวิตใหม่ด้วยเช่นกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่าการศึกษาของไทยไม่ค่อยได้ดังใจหวังมากนัก

ฉันเองแม้ได้เข้าไปเป็นครูสอนอยู่ในโรงเรียนนานาชาติก็ไม่สามารถช่วยเหลือหรือช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรได้

สังคมแบบเดิมพร้อมเสมอที่จะแกล้งหรือเขี่ยสิ่งดีสิ่งใหม่ที่เขารับไม่ได้หรืออธิบายได้ว่าสิ่งที่ทำให้เขาเสียผลประโยชน์เขาก็จะเขี่ยทิ้งทันทีโดยไม่มีเหตุผล แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ล้นเหลือ หรือไม่ก็เล่นเกมสกปรกกันซึ่งๆ หน้าซึ่งอายากะก็โดนมาแล้ว

–ฉันจะให้แบล๊กลิสต์ลูกเธอนะ

–ลูกเธอคงต้องออกจากโรงเรียน

ครูใหญ่ที่โรงเรียนนานาชาติโทร.มาหาฉัน แม่หวานของอายากะ และให้เข้าพบด่วน

–ลูกเธอเอาหัวเพื่อนฟาดโต๊ะปิงปองจนสมองบวม

เดี๋ยวๆ อะไรนะคะ? ฉันถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

–อายากะเธอเอาหัวใครฟาดคะ

–พานลูกแม่กล้วย กรรมการผู้ปกครองของเราไง

อ๋อค่ะ แม่ของพานนะ คนที่เธอช่วยซัพพอร์ตโรงเรียนทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบอะนะ แต่ทำไมต้องเป็นลูกแม่กล้วยด้วยล่ะ? พานตัวโตกว่าอายากะมากเลยนะ อายากะจะไปจับหัวพานฟาดจนบวมได้อย่างไร?

และเด็กสองคนก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางกันเลย

 

ฉันย้อนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาเกี่ยวกับอายากะลูกฉันได้อย่างชัดเจน

อายากะแค่แต่งเพลงได้ แค่เก่งภาษาญี่ปุ่นกว่า แค่ได้คะแนนเยอะกว่า และแค่ภาษาอังกฤษเหนือกว่า ได้รางวัลมากกว่าแค่นั้นเอง

แล้วทำไมเด็กที่เหนือกว่าทุกอย่างต้องเอาหัวเพื่อนที่ไม่ได้แม้แต่ครึ่งของตัวเองฟาดโต๊ะปิงปองในชั่วโมงพละด้วยล่ะ?

แล้วทำไมเพื่อนที่สมองบวมจนนอนไม่หลับ ปวดหัวมาเป็นเดือนจนพ่อแม่ทุกข์ใจ กลุ้มใจหนักมากถึงเพิ่งจะมาฟ้องร้องกับโรงเรียน?

โดยนิสัยของครอบครัวนี้ไม่เคยคอยอะไรได้เลย ยิ่งเรื่องใหญ่อย่างเช่นเรื่องสมองบวมนี่ด้วยแล้ว

คำถามหลากหลายเข้ามาในสมองฉัน บอกตรงๆ ฉันงงกับครูใหญ่ชาวมาเลเซียที่กำลังพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไพเราะอยู่ตรงหน้าฉันมากๆ

–ฉันมีกล้องวงจรปิดนะ ฉันเห็นว่าอายากะทำ

–ฉันมีพยานนะที่สามารถชี้ตัวว่าอายากะเป็นคนทำ

–ฉันขังอายากะในห้องเพื่อให้เธอสารภาพผิดนานหลายชั่วโมงเลยนะจนสุดท้ายเธอก็สารภาพแล้วนะว่าเธอทำ

ฉันเริ่มงงกับการพยายามโกหกคำโตของครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติชาวมาเลเซีย ยิ่งเธอคุย ยิ่งเธอพูดมากก็ยิ่งทำให้ฉันงุนงงมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเธอพูดว่า

–ตามทฤษฎี เด็กที่มีพ่อแม่จบด๊อกเตอร์จะมีเนกาทีฟไซด์หรือมีด้านลบด้านมืดแอบแฝงอยู่ และจะแสดงออกเมื่อห่างสายตาพ่อแม่

เฮ้อ นี่มันสูตรไหนนะ ฉันเกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยิน ลูกใคร ใครก็รัก ฉันเข้าใจนะ แต่การลำดับเหตุการณ์อย่างเป็นกลางและมีเหตุผลน่าจะเป็นหน้าที่ของครูใหญ่ไม่ใช่หรือ?

ถ้าครูใหญ่มาเล่นบทบาทนักเลง โกหกคำโตทั้งที่โรงเรียนไม่มีกล้อง และไม่มีพยานเลยทำไมมาเล่นบทผู้มีอำนาจสั่งใครไล่ใครออกจากโรงเรียนก็ได้เช่นนี้ คือมันไม่เหมาะเลยแม้แต่น้อย

 

ฉันจึงนำเรื่องเสนอเจ้าของโรงเรียนในทันที โชคดีที่เจ้าของเป็นคนมีธรรมะ จบด๊อกเตอร์มาทางด้านการศึกษาโดยตรงและเขาคนนี้ก็รับฟังอย่างมีเหตุผลจึงทำให้อายากะผ่านสถานการณ์มาได้อย่างทรมานและอึดอัด

แต่สิ่งที่น่ายินดีคืออายากะไม่ได้โกรธเกลียดเพื่อนเธอเลย ยังคุยกันได้เป็นปกติจนถึงทุกวันนี้

นี่คือประเทศไทยที่มีการศึกษาสะเปะสะปะ ไม่เป็นระบบ และไร้สาระ

การส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติราคาแพงๆ ของผู้ปกครองไม่เคยได้ผล ไม่เคยมีประสิทธิภาพ

บางคนที่ไม่ได้เลี้ยงลูกให้มีความรักหรือภูมิต้านทานมาก่อน ลูกก็จะพูดหยาบติดเพื่อน

บางคนก็เสียผู้เสียคนตามเพื่อน

บางคนท้องก่อนเรียนจบมัธยม

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองได้รับแทนการได้รับการอบรมมารยาท ปลูกฝังสมองอย่างมีคุณค่า หรือสิ่งดีๆ จากโรงเรียน

การแก้ไขและพัฒนาหาใช่แนวทางของโรงเรียนไม่

แต่การแก้ข่าวปิดข่าวนั่นแหละคือแนวทาง

สังคมภายนอกไม่เคยได้รับรู้ ผู้ปกครองไม่เคยรับทราบ

ครูต่างชาติในโรงเรียนเองก็มั่วกันให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่าง

ในบ้านเมืองเราชีวิตเด็กน้อยเริ่มเข้าสู่การแข่งขันกันตั้งแต่จำความไม่ได้

เด็กบางคนเริ่มใช้โซเชียลมีเดีย เริ่มใช้มือถือ หรือไอแพดเล่นเกมกันตั้งแต่ยังพูดไม่คล่อง เริ่มดูหนังโป๊ตั้งแต่ประจำเดือนยังไม่มา

เริ่มจูงมือแฟนโดยที่พ่อแม่ไม่ห้าม (เพราะพ่อแม่ก็มัวเมาในอำนาจและมัวเมาในกามให้เห็นตั้งแต่เล็กแต่น้อย)

ทั้งหลายทั้งมวลเป็นสิ่งที่แม่หวานรับยากมาก

แน่นอนอายากะจึงกลายเป็นเด็กประหลาดของห้องเพราะเธอมีเมตตา เธอเรียบง่าย เธอสมถะ และเธอเกื้อกูลช่วยเหลือแม้คนที่กลั่นแกล้งเธอ

ที่สำคัญเธอกล้าพูดกล้าทำและกล้าคิด

แม้ครูที่โรงเรียนเองก็พยายามใช้อำนาจครูกดคะแนนเด็ก ด่าเด็กที่กล้าคิดกล้าทำอย่างมีเหตุผลเพราะครูจนปัญญาที่จะสู้กันด้วยเหตุผลกับเด็ก

คะแนนจึงลดลงจนเหลือ F ไปหลายวิชาที่มีครูฟิลิปปินส์ที่เพิ่งออกมาจากเกาะมาเป็นครูสอนโรงเรียนนานาชาติที่เมืองไทยโดยที่เธอไม่เคยเห็น ไม่เคยเข้าใจโลกภายนอก และไม่เคยเข้าใจการศึกษาที่ดีที่พัฒนาแล้วในโลกใบนี้

 

ความคิดเห็นที่ถูกต้องตามหลักธรรม การโต้แย้งอย่างมีหลักการและเหตุผลเป็นสิ่งที่ฉันให้ความสำคัญกับเด็กๆ โดยเฉพาะลูกสาวมายาวนาน

ดังนั้น แม้จะโดนกระทุ้ง กระทบกระทั่ง กลั่นแกล้งจากคนในสังคมไทย แต่เราแม่ลูกก็หาได้ย่อท้อไม่

เพราะเราคิดว่าเรามาถูกทาง ถูกทางเพราะพ่อแม่สอนและอบรมมาอย่างหนักเรื่องคุณธรรม เรื่องศีลห้าและเรื่องขาวดำ

แม้สังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

โซเชียลมีเดียได้เข้ามาช่วยให้ผู้หญิงมีทางเลือกในการขายสารพัดสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งหน้าตาที่ขาวผ่องจมูกที่โด่งงุ้มงอน หรือผิวอวบอิ่มจากการฉีดเติมเสริมแต่ง

พวกเธอใช้ของแบรนด์ราคาสูงลิ่ว ขับเบนซ์โชว์ความเก่งเพราะสามารถคว้าสิ่งที่กระแสสังคมกำหนดมาไว้ในมือได้

พวกเธอไม่มีคุณธรรม ไม่มีศีล ไม่มีสมองในการช่วยเหลือสังคม เธอมีแต่ความเป็นหญิงที่บิดามารดาให้มา ที่ซึ่งพร้อมเสนอให้ชายใดก็ตามที่มีอำนาจเงินตราและตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท

เธอยินดีเสนอเพื่อแลกกับวัตถุดิบตามกระแส เธอลืมไปว่าความไร้สมองนี่เองที่ทำให้เธอตกนรกหมกไหม้

เธอและเขาต่างพากันปีนต้นงิ้ว เขาและเธอไม่เคยรู้ซึ้งถึงสัจธรรมว่าสิ่งที่กำลังพยายามต่อสู้แข่งขันทำกันอยู่นั้นมันถมไม่เคยเต็ม บางครั้ง…กว่าเขาเหล่านั้นจะรู้ตัวชีวิตทั้งชีวิตที่พยายามสร้างมาก็พังยับเยินลงต่อหน้าอย่างน่าเสียดาย

จะให้โทษใครถ้าไม่ใช่จากความรักจากการอบรมบ่มนิสัยของบิดรมารดา

ในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่ง และมีลูกสาววัยรุ่นที่พร้อมโตมาอย่างสมเหตุสมผล ฉันจึงยอมไม่ได้กับการเดินผิดร่องผิดรอยของสาวๆ และคนที่หลงลืมมัวเมาในตัณหาจนลืมทุกอย่างแม้กระทั่งครอบครัวที่อบอุ่น

การเริ่มชีวิตใหม่ของอายากะที่เต็มไปด้วยรอยแผล ณ ดินแดนแห่งเพิร์ต ที่มีท้องฟ้าสดใส ดอกกุหลาบขาวหอมกรุ่นริมรั้วหน้าโรงเรียน วิวแม่น้ำสวอนที่มองลงเนินเขาของโรงเรียนลงไปช่างเป็นเสน่ห์อันงดงาม แม้เสียงระฆังจากหอระฆังสวอนเบลยังแว่วกังวานไพเราะจับใจ จึงเหมือนเธอได้เกิดใหม่

ความเศร้าสร้อยขุ่นมัวในใจเธอดูผ่อนคลายเมื่อเพื่อนรอบข้างเข้ามากอด เข้ามาพูดคุย

อายากะบอกว่า

–แม่จ๋า ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ หนูชอบที่นี่ เพื่อนช่างแตกต่างกับที่หนูเคยผ่านมา คนที่นี่ดูเรียบง่าย ไม่สนใจวัตถุสิ่งของประดับประดาภายนอก

ไม่มีใครก้มหน้าใช้โทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างยังนั่งคุยกันปกติที่โต๊ะอาหาร

และที่หนูชอบคือเพื่อนๆ ไม่ได้มาสอดส่อง มาอิจฉาริษยาเลย ต่างช่วยดูแลกันเท่าที่ทำได้ ต่างสนุกสนานร่าเริง ไม่ได้คิดมากหรือเครียดกับชีวิตดูสบายๆ ผ่อนคลายกันมากค่ะ แม่จ๋าหนูชอบที่นี่นะ

หรือหนูจะเกิดผิดที่คะ

ถ้าหนูผิดที่ แม่ก็คงผิดที่เช่นกันค่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราก็ยังโชคดีที่สุดท้ายเรายังได้พบดินแดนที่ตรงกับใจเรา ดินแดนที่มีความอบอุ่น มีศีลธรรม มีธรรมชาติจรรโลงใจ

ขอให้หนูเรียนรู้กับชีวิตใหม่ให้เต็มที่นะคะ แล้วพบกันค่ะ แม่จะรอคอย แม่จะพยายามผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหมดเพื่อมาอยู่กับหนู มาดูแลหนู และมาสานฝันกับหนูต่อไปในดินแดนแห่งฝันของเราทั้งสอง