หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ/’ควันไฟ’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
ช้างป่า - ระบัดที่งอกหลังไฟผ่านพ้น คืออาหารของช้างเช่นกัน

หลังเลนส์ในดงลึก
ปริญญากร วรวรรณ

‘ควันไฟ’

หลายปีมานี้ เวลาอยู่ในเมือง ผมมักได้รับข้อความจากเพื่อนๆ ที่เคยทำงานร่วมกันในป่าบ่อยๆ
บางคนทักทายมาจากใต้สุด บางคนมาจากบนดอยทางภาคเหนือ
นอกจากความคิดถึง และถามความเป็นไป มีคำถามหนึ่งที่ทุกคนถามเหมือนๆ กัน นั่นคือ
“เมื่อไหร่จะมา”
สองวันก่อน ขณะเดินทางออกจากป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก มุ่งสู่อำเภออุ้มผาง เลยหมู่บ้านเซปะละ มาราวๆ 2 กิโลเมตร ด้านขวามือมีทางแยกเข้าบ้านแม่ละมุ้งคี นี่เป็นทางเข้าบ้านวราผ่อ ชายหนุ่มผู้เป็น “คู่หู” เมื่อครั้งผมมาทำงานที่นี่
วราผ่อ เป็นผู้ตั้งชื่อให้ผมว่า “จอมู่โคว้หว่า” เขาบอกผมว่า หมายความว่า “พี่ฟ้าขาว”
ถึงวันนี้ วราผ่อลาออกจากการทำงานในป่าทุ่งใหญ่แล้ว
เหตุผลดี คือ เมียให้ออกมาช่วยทำงาน
เมียเป็นแม่ม่ายลูกติดหนึ่งคน
นี่คล้ายเป็นเรื่องปกติของชายหนุ่มแถบนี้ ที่จะมีเมียอายุมากกว่า และมีลูกติด
บนเส้นทางเข้าบ้าน วราผ่อเคยขับรถอีแต๊กพาผมพร้อมสัมภาระคว่ำตรงทางโค้ง ฉิวเฉียดการบาดเจ็บหนักไปได้ด้วยความโชคดี
วราผ่อเป็นอีกคนหนึ่งของคนทำงานในป่าที่ทำให้ผมรู้ว่า คนในป่า สถานภาพลูกจ้างรายวัน ที่ทำงานอย่างเอาจริง เป็นอย่างไร

ฤดูแล้งปีนั้น
ด่านตรวจหน่วยพิทักษ์ป่าทีชอแม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก
ชายหนุ่มผมสั้นเกรียนโผล่ออกจากป้อมยามเล็กๆ เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์
เขาปลดเชือกปล่อยไม้ท่อนยาวยกขึ้นเปิดทาง
ผมเลยด่านเข้ามาสักสองเมตร เปิดประตูรถลงมายืน
“วราผ่อ” ผมทักชายหนุ่ม
“จอมู่โคว้หว่า” เขาทักทายตอบ
“ได้ข่าวว่าจอมู่โคว้หว่าเข้าไปบ้านแม่จันทะหลายวันแล้ว ผมเลยมารออยู่นี่” รูปลักษณ์เขาเปลี่ยนไป จากผมทรงตั้งๆ กลายเป็นผมสกินเฮด
“เป็นอย่างไรบ้าง” ผมถาม ล่าสุดที่พบกัน เขาบอกจะลางานสักพักเพื่อไปทำภารกิจเรื่องหัวใจ
“จบแล้วครับ เลิกกัน”
“ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียว” วราผ่อทำปากแข็ง ค้านกับสีหน้าและแววตาเศร้าๆ
“กลับมาทำงานดีกว่าครับ” วราผ่อพูดภาษาไทยเพราะ ออกเสียง ร.เรือ ชัดเจน
เขากระตือรือร้นกับงานของเราที่รออยู่
ในปีนี้เราวางแผนจะสำรวจร่องรอยสมเสร็จ
วราผ่อช่วยยกเป้ซึ่งฝุ่นจับหนาทึบจากกระบะลงมาปัดๆ เดินนำไปที่กระท่อมที่เขาพักร่วมกับเพื่อนๆ อีก 5 คน
ทีชอแม เป็นหน่วยพิทักษ์ป่าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน จากนี่ หากเดินข้ามภูเขา จะถึงสำนักงานเขตในเวลา 2 วัน แต่ในช่วงฤดูแล้งอย่างนี้ การสัญจรด้วยรถยนต์จากอำเภออุ้มผาง ผ่านมาตามหมู่บ้านต่างๆ ใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง
ผมทักทายคนอื่นๆ ทุกคน เป็นชาวกะเหรี่ยงเช่นเดียวกับวราผ่อ
อากาศร้อนอบอ้าว ท้องฟ้าขมุกขมัว
วราผ่อเดินกลับไปที่ด่าน วันนี้เขาอยู่เวรเฝ้าด่าน ผมมองชายหนุ่มที่นั่งเหม่อ
หลายเรื่องราวจบลง และผ่านไป
แต่จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ดูคล้ายเวลาจะผ่านไปช้ากว่าความเป็นจริง

ฤดูแล้งปีนั้น ทั่วทุกพื้นที่ในภาคเหนือต้องพบเจอกับสภาพอากาศที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน
ในป่า บนภูเขา และทั่วๆ ไป มีไฟติดเป็นรัศมีกว้าง ดวงอาทิตย์มองเห็นเป็นสีส้ม กลางคืนตามยอดเขาสว่างไสว ราวกับไฟเทศกาล
ว่าตามจริง ไฟในป่าเต็งรังมีข้อดีหลายประการ
ภายหลังไฟผ่านพ้น ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ระบัด หรือหญ้าอ่อนเขียวๆ จะแทรกเถ้าดำๆ ขึ้นมา
ระบัด คืออาหารชั้นดีของบรรดาสัตว์กินพืช ไฟไม่ได้ทำลายเปลือกแข็งๆ ของต้นไม้ในป่าเต็งรังมากนัก
ไฟดูรุนแรงเมื่อมีอินทรีวัตถุ เช่น ใบไม้แห้งทับถมจำนวนมาก
“สองปีก่อนไฟไม่แรงครับ ปีนี้จึงค่อนข้างรุนแรง” คนในป่ารอบๆ อุ้มผางพูดคล้ายๆ กัน
ในป่าห้วยขาแข้ง ไฟไหม้รอบๆ ป่า เป็นความกังวลของคนทำงาน เพราะกระทิง วัวแดง จะออกมากินระบัด
อาการแสบตา หายใจไม่สะดวก ไอ คือสภาพที่คนในป่าต้องพบ
เสียงจากวิทยุสื่อสารดังตลอดเวลา
งานหนัก ทั้งการดับไฟ รวมทั้งการปกป้องชีวิตสัตว์ป่า
ชุดดับไฟป่าที่เรียกว่า ชุดเสือไฟ เสื้อแขนยาวสีแดง กางเกงดำ ทยอยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่นำไปส่งตามจุดต่างๆ
พื้นที่ในอุทยานแห่งชาติบางแห่ง ไฟรุนแรงลุกลามไหม้สำนักงานเขต และรถยนต์
ภารกิจการดับไฟนั้นน่าชมเชย มันเป็นงานซึ่งต้องใช้ความอดทนไม่น้อย
เหนื่อย ร้อน หิว ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เป็นวิถีปกติของคนทำงานในป่าช่วงเวลานี้
โดยปกติ หลังจากผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ ฝนจะตกสักระยะหนึ่ง แล้วหยุด และไปเริ่มฤดูฝนจริงจังในเดือนพฤษภาคม
ฝนตก ป่าแห้งๆ กองเถ้าดำ ไม้ไหม้เกรียม แปรสภาพเป็นเขียวชอุ่ม ป่าเปลี่ยนแปลงราวกับก่อนหน้านี้ความทุกข์ยากไม่เคยเกิด
มีสิ่งหนึ่งที่เราเชื่อ
แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไป

ดวงอาทิตย์ลับสันเขา อากาศคลายความอบอ้าว
วราผ่อทำกับข้าว น้ำพริก ใส่มะเขือลูกเล็กๆ ผักต้ม และต้มปลา ที่ผมเอามาจากบ้านแม่จันทะ
นี่คือ “เมนูพิเศษ” ปกติ พวกเขาไม่ค่อยบริโภคเนื้อสัตว์นัก
“เรามีชีวิต สัตว์มีชีวิต ต่างก็รักชีวิต จะไปทำร้ายหรือฆ่ากันทำไม กินผัก กินปลา เราก็แข็งแรงดี”
วันที่ไปนอนบ้านวราผ่อ ผู้เฒ่า พ่อเขา บอกผมอย่างนี้
ตะเกียงกระป๋องไส้ผ้า แช่น้ำมันโซลาร์ ส่องแสงวูบวาบ ควันโขมง
ยาเส้นมวนด้วยใบกระโดนแห้ง ส่งกลิ่นหอม
“ไอ้วาร่าซึมมาหลายวันแล้วครับ คราวนี้อาการหนัก” เจ เพื่อนวราผ่อกระซิบ
ผมลุกขึ้นเดินไปมุมห้อง
ตบไหล่วราผ่อเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นมอง
เมื่อไม่มีสุขในความรัก ดูเหมือนว่าความเศร้าระทมจะมากมายเสมอ
ข้อดีอีกประการหนึ่งของฤดูไฟเช่นนี้
คือ ผู้ชายในป่าสามารถปล่อยให้ดวงตาแดงช้ำได้
โดยบอกกับทุกคนว่า เป็นเพราะ “ควันไฟ”

หลายเรื่องราวจบลง และผ่านพ้นไป
แต่จะมีช่วงเวลาหนึ่ง ที่เวลาดูคล้ายจะผ่านไปช้ากว่าความเป็นจริง…