มนัส สัตยารักษ์ : ทุบรถ ทุบหม้อข้าว

นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์บ่นเบื่อและรำคาญความยืดเยื้อไม่จบของเรื่อง “หวย 30 ล้านอลเวง”

แล้วบ่นต่อไปถึงเรื่องว่ารัฐบาลพยายามแก้สารพัดปัญหาของสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จนไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ท้ายสุดต้องมาทะเลาะกันเรื่องหวย 30 ล้านบาทยังไม่เลิก

จากนั้นขู่ว่าทางแก้สุดท้ายคือเลิกทำล็อตเตอรี่

คนระดับหัวหน้ารัฐบาลไม่น่าจะบ่นเรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้ เพราะกล่าวได้ว่ามันเป็น “เรื่องส่วนตัว” เสียยิ่งกว่าเรื่อง “นาฬิกายืมเพื่อน” เป็นไหนๆ เป็นแค่เรื่องแย่งเงินรางวัลล็อตเตอรี่ของคน 2 คน จำนวนเงิน 30 ล้านบาทที่พิพาทกันอยู่แม้มันจะมากมายมหาศาลสำหรับเรา-ชาวบ้านทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่เงินของรัฐหรือเงินจากภาษีของราษฎร

ข้อหาที่จะตั้งแก่ผู้ที่ตำรวจเห็นว่ากระทำผิดก็ไม่ใช่ข้อหาอุกฉกรรจ์มหันตโทษ

ที่สำคัญคือมันไม่ใช่คอร์รัปชั่นที่กระทบกระเทือนต่อสังคมและประเทศชาติเป็นส่วนรวม

ว่ากันอันที่จริง ปรากฏการณ์ “หวยอลเวง” นับได้ว่าเป็นความบันเทิงชนิดที่มี “ทวิสต์เอนดิ้ง” มีข่าวพลิกไปมากันทุกขั้นตอน ทำให้สื่อสามารถนำมาขายได้ทุกวันอีกด้วย การสืบสวนสอบสวนของตำรวจยุค 4.0 ใช้นิติวิทยาศาสตร์ซึ่งจำเป็นต้องรอผลการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญ จะใจเร็วบุ่มบ่ามแบบตำรวจ บช.ภ.7 ไม่ได้

ว่ากันอันที่จริง (อีกที) ประชาชนทั่วไปยังไม่มีใครบ่นเบื่อหรือรำคาญ “เรื่องที่ยังไม่จบ” พวกเขาบ่นเบื่อ “เรื่องที่ยังไม่เริ่ม” ต่างหาก

เรื่องอะไรที่ยังไม่เริ่ม…มันช่างมากมายหลายเรื่องจนยากที่จะนำมาเขียนสาธยายได้หมดในคอลัมน์นี้

ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องซื้อเครื่องบินโรลส์-รอยซ์ เรื่องสร้างโรงพักและแฟลตที่พักตำรวจ ฯลฯ รวมทั้งเรื่องนาฬิกาที่อาจจะจบไปโดยที่ยังไม่ทันได้เริ่ม

เพราะมันเป็นเรื่องคอร์รัปชั่น ความเสียหายเป็นเงินของรัฐ เป็นเงินหลายแสนล้าน

คุยเรื่องใหม่ที่ยังร้อนๆ อยู่ก็ได้…

เรื่อง “ป้าทุบรถ” ที่หน้าบ้าน ซอยศรีนครินทร์ 55 สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ

(แต่ขอบอกไว้ล่วงหน้าก่อนว่า ผม (ผู้เขียน) วางตัวลำเอียงเป็น “ทีมป้า” ตามสมาชิกออนไลน์ที่คอมเมนต์ให้กำลังใจป้าในเฟซบุ๊ก คือเห็นใจและเห็นด้วยกับการใช้ขวานฟันรถยนต์ที่จอดและดึงเบรกมือขวางทางเข้า-ออกบ้าน หากไม่ชอบที่ผมเป็นทีมป้า ก็ขอความกรุณาผ่านไปโดยไม่ต้องอ่านก็แล้วกัน)

ปรากฏการณ์ “ป้าทุบรถ” เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแค่จุดเล็กๆ จุดหนึ่งที่หน้าบ้านของ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ ได้บอกภาพรวมของสังคมไทย หรือ “ลักษณะไทย”

ความเห็นแก่ตัว ความไม่มีสามัญสำนึก ไม่คำนึงถึงสิทธิอันชอบธรรมของผู้อื่น เป็นลักษณะของคนไทยส่วนหนึ่ง

กฎหมายมีจำนวนหลายฉบับมาก แต่การบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ ล้มเหลว

รัฐหรือข้าราชการไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประชาชนต้องช่วยเหลือตัวเองตามยถากรรม การช่วยเหลือตัวเองให้สัมฤทธิผลต้องเสียสละทำสิ่งที่เป็นความผิด

ไทยเป็นประเทศที่มีข้าราชการจำนวนมาก ตั้งงบประมาณจ้างข้าราชการมากที่สุดประเทศหนึ่ง กลายเป็นประเทศยากจนไม่มีเงินเหลือพอจะพัฒนาด้านอื่นที่จำเป็น

ปรากฏการณ์ “ป้าทุบรถ” จึงเป็นเสมือนหนึ่งการประกาศ “สัญลักษณ์ไทย” หรือ “ลักษณะไทยที่แท้จริง”

เมื่อนานมาแล้ว ครั้งที่ “ตลาด” ยังไม่ล้อมกรอบบ้านป้า ผมเคยไปออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์ในสวนหลวง ร.9 เกือบทุกครั้งผมแวะเข้าไปกินอาหารเช้ากับกาแฟที่ร้านค้าภายในรั้วบ้านป้า ผมชอบการตกแต่งและไม้ประดับในร้าน ชอบแลนด์สเคปหน้าบ้าน

ผมแอบฝันเงียบๆ ว่าเกษียณอายุราชการแล้วจะมีร้านกาแฟแบบนี้บ้าง

รู้สึกอิจฉาผู้คนที่ได้ปลูกบ้านอยู่ในบริเวณนั้น ห่างไกลมลภาวะทางเสียงและกลิ่น

แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ทราบความจริงว่า ผู้คนในละแวกนั้นต่างต้องทนทรมานกับสารพัดมลภาวะที่ “ตลาด” สร้างขึ้นมา บ้านป้าถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้น ถูกกล่าวหาว่าค้ามนุษย์ รวมทั้งถูกละเมิดสิทธิ์นานัปการ

เจ้าของบ้านได้ร้องเรียนต่อเขตประเวศเมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว แต่ไม่ได้รับการสนองตอบแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด จึงได้ฟ้องร้องต่อศาล 2 สำนวน แม้ยังไม่มีคำพิพากษาแต่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว…

“…ให้ผู้ว่าฯ กทม. และเขตประเวศ กำกับดูแล ห้ามตลาดสร้างความรำคาญ”

“ให้อำนาจเจ้าของบ้านร้องศาลได้อีก หากเจ้าหน้าที่ละเลย ย่อหย่อน”

ฝ่ายเจ้าของบ้าน (ทั้งบ้านป้าและบ้านอื่นอีกหลายสิบหลัง) ลงทุนทำป้ายห้ามจอดขวางทางเข้าออก รวมทั้งป้ายอ้อนวอนขอความกรุณาอย่าจอด ยอมเสียความสวยงามของประตูรั้วบ้านด้วยการทำป้ายประกาศคำสั่งศาลขนาดใหญ่เตือนผู้ใช้รถ

แต่ไม่ได้ผลตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มิหนำซ้ำป้ายยังทำให้เจ้าของรถคันที่ถูกทุบเข้าใจผิดว่าเป็นบ้านร้าง!

ป้าลงทุนลงแรงทุบรถครั้งนี้ เหมือน “ทุบรถครั้งเดียวกระเทือนถึงดวงดาว”

พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเรื่องร้องเรียนให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ (ตั้งแต่ปี 2554) ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจโดยมิชอบ ปล่อยปละละเลยให้มีการสร้างตลาดในพื้นที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย ป.ป.ช. ตั้งองค์คณะไต่สวนขึ้นมาพิจารณา พบว่ากรณีนี้น่าจะมีมูลการกระทำความผิด คณะเจ้าหน้าที่จะเร่งสรุปสำนวนส่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

ทางด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบตลาด 5 แห่งที่ปิดล้อมบ้านป้า ตลาดไหนที่ไม่ขออนุญาตก็ทุบทิ้งไป ตลาดไหนขออนุญาตสร้าง “อาคารพาณิชย์” ไม่ได้ขอเป็นตลาด จะตรวจสอบการเสียภาษี และที่เปิดเป็นอาคารพาณิชย์ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ เช่น ห้ามขายของสด

และต่อไปจะลุยตรวจสอบตลาดเถื่อนใน กทม. ทั้งหมด

ส่วน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. มีคำสั่งกำชับให้ตำรวจท้องที่ที่ได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์จอดปิดทางเข้าออก ต้องเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 10 นาที

การเสียสละของคุณป้าทุบรถครั้งนี้คุ้มค่ามหาศาล เพราะถ้าป้าไม่ทุบ ประชาชนจะมีโอกาสได้เห็นการเคลื่อนไหวของ ป.ป.ช. กทม. และ บช.น. หรือไม่?

ในฐานะอดีตตำรวจ ผมขอสะกิดเตือนให้ตำรวจ สน.ประเวศ ให้มีสามัญสำนึกถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคุณป้าอย่างเป็นพิเศษ เหมือนกับที่ทัพบกส่งทหารเข้าไปอารักขาหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

เนื่องด้วยการทุบรถครั้งนี้เท่ากับทุบหม้อข้าวของใครต่อใครไปด้วยหลายใบ

หลังเหตุสงบไม่นาน บรรดาเจ้าของตลาดนัดประชุมดำริเข้าหุ้นกันจ้าง รปภ. ดูแลทางเข้าออกบ้านคุณป้า

ผมไม่เชื่อหรอกว่าคนที่เห็นแก่ตัวจะมีสามัญสำนึกถึงความปลอดภัยของผู้ที่ทุบหม้อข้าวของพวกมัน พวกเข้าหุ้นหรือลงขันกันแน่?