ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ล้านนาคำเมือง |
ผู้เขียน | ชมรมฮักตั๋วเมือง สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
เผยแพร่ |
อ่านเป็นภาษาล้านนาว่า “วิหารแบบล้านนาในล้านช้าง”
อาณาจักรล้านนาและล้านช้างมีประวัติความเป็นมาในยุคก่อตั้งที่สัมพันธ์กันด้วยปัจจัยหลักทางด้านการร่วมชาติพันธุ์ในบรรพบุรุษยุคแรก มีการก่อตั้งร่วมศักราชเดียวกัน โดยล้านช้างตั้งหลังล้านนาประมาณ 60 ปี
ศูนย์กลางอารยธรรมล้านนาอยู่ที่เชียงใหม่
ขณะที่ล้านช้างมีศูนย์กลางอารยธรรมแห่งแรกที่เชียงทอง หรือหลวงพระบาง
ความเชื่อมโยงทางชาติพันธุ์และอารยธรรมเริ่มแรก ทำให้วัฒนธรรมต่างๆ มีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งภาษา อาหาร เครื่องแต่งกาย ความเชื่อ ฯลฯ
โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนา ที่เริ่มแรกได้รับมาจากทางทิศตะวันตกของลุ่มน้ำโขงผ่านพุกามมายังดินแดนอาณาจักรสุวรรณโคมคำที่รุ่งเรืองขึ้นเป็นแห่งแรก
หลังจากกลุ่มคนไทได้ขับไล่ขอมออกไป อาณาจักรสุวรรณโคมคำนี่เองที่เป็นต้นกำเนิดอารยธรรมล้านนาและอารยธรรมล้านช้าง
พัฒนาต่อเป็นอาณาจักรโยนก มีเมืองเชียงแสนเจริญรุ่งเรืองเป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมโดดเด่นแผ่อิทธิพลทางพุทธศาสนาและศิลปะไปสู่ดินแดนโดยรอบ
วิหารสกุลช่างเชียงแสนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทางรูปทรงและโครงสร้างที่ลงตัวทั้งเทคนิคการเข้าไม้แบบถอดประกอบได้และมีสัดส่วนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นชัดเจน นับจากอาณาจักรโยนกไปจนถึงสมัยล้านนาจึงพัฒนารูปแบบวิหารอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งแน่นอนว่าได้ส่งอิทธิพลไปสู่ล้านช้างในส่วนหนึ่ง
หลักฐานที่ชัดเจนได้แก่การเกิดขึ้นของวิหาร (สิม) ในเมืองเชียงทอง หลังจากพระเจ้าไชยเชษฐาได้มาครองล้านนาในช่วงเวลาหนึ่งแล้วได้นำเอานักปราชญ์ คัมภีร์ทางพุทธศาสนา และช่างหมวดต่างๆ กลับไปยังล้านช้างหลังจากพุทธศักราช 2091
พระองค์เป็นโอรสของกษัตริย์ล้านช้างและมีพระมารดาคือพระนางยอดคำทิพย์ผู้เป็นธิดาของกษัตริย์ล้านนาผู้มีเชื้อสายตรงสืบต่อจากพญามังรายมหาราชผู้ก่อตั้งราชวงศ์ล้านนา
ขณะที่เวลานั้นไม่มีผู้ใดมีศักดิ์เหมาะสมเท่า ดังนั้นจึงถูกอัญเชิญมาครองล้านนาในช่วงนั้น
วิหารวัดเชียงทองเป็นวัดหลวงแห่งแรกที่สร้างโดยพระไชยเชษฐา ด้วยแบบอย่างวิหารทรงเชียงแสนที่รับแบบอย่างมาจากล้านนา
จึงปรากฏความงามที่รักษาเอกลักษณ์เดิมไว้มากคือ ระบบการวางผัง แบบแปลน โครงสร้าง ที่อ้างอิงสัดส่วนร่างกายมนุษย์ รูปแบบโครงสร้างและสัดส่วนหลังคาที่มีการลดระดับชั้นหลายระดับ
การกำหนดให้ระนาบหลังคาแอ่นโค้งค่อนข้างลาดต่ำ
ส่วนประดับและสัญลักษณ์ที่สะท้อนความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุทั้งวิธีการวางผัง และการทำปราสาทเฟื้องกลางสันหลังคา ช่อฟ้าในรูปแบบโหง่ว หรือช่อฟ้ายองปลี
สัดส่วนของสีหน้า (หน้าจั่ว) และการตกแต่งอาคารด้วยลายคำบนพื้นฮักสูนหาง (ชาดผสมน้ำรัก)
ส่วนประกอบของฮวงผึ้ง (โก่งคิ้ว) ที่โดดเด่นอ่อนช้อยงดงาม
รวมทั้งส่วนประกอบตกแต่งอื่นๆ ของอาคารอีก เช่น แขนนาง (นาคทันต์หรือหูช้าง) นิยมประดับลวดลายต่างๆ เช่น ลายเครือเถา ลายพญานาค ลายดอกไม้สวรรค์ เป็นต้น
รูปแบบวิหารในอิทธิพลไทยวนล้านนาส่งผลต่อวัดยุคแรกๆ ในหลวงพระบาง ปัจจุบันสามารถเยี่ยมชมศึกษาทั้งในและนอกกำแพงเมืองเดิม เฉพาะในเขตกำแพงมีอย่างน้อย 5 วัด
วิหารกลุ่มอื่นๆ ของหลวงพระบางได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมไทลื้อ
และในภายหลังสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ได้ส่งอิทธิพลเข้ามาเริ่มตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 แห่งรัตนโกสินทร์ เกิดกลุ่มวัดที่มีอิทธิพลรัตนโกสินทร์อีกกลุ่ม
และเวลาผ่านไปยังเกิดรูปแบบผสมผสานเป็นกลุ่มใหม่ขึ้นอีกในภายหลังด้วยการสร้างสรรค์ของช่างท้องถิ่น เป็นกลุ่มวัดใหม่ๆ ที่มีอายุการก่อสร้างไม่นานมาก