ช่วงนี้ การหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่าง ฮิลลารี คลินตัน และ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเข้มข้น ดุเดือด เพราะเหลือเวลาเพียงเดือนเศษๆ ก็จะถึงวันเลือกตั้ง 8 พฤศจิกายน

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสองสมัยที่ผ่านมา ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แสดงใบรับรองจากแพทย์ประจำตัวว่า ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีเพื่อให้ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมั่นใจว่าหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีจะไม่มีปัญหาสุขภาพมารบกวนจนมีผลกระทบต่อการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ หรือมีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่

เพราะหากสุขภาพย่ำแย่ เจ็บออดๆ แอดๆ หรือเสียชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่งก็จะเป็นปัญหาใหญ่

ดังนั้น คลิปหน้ามืดเข่าอ่อนเป็นลมของ ฮิลลารี คลินตัน ขณะยืนรอรถตู้มารับตอนที่เธอขอตัวออกจากงาน รำลึก 9/11 กลางคัน พร้อมกับการที่แพทย์ประจำตัวของเธอเพิ่งออกมาเผยว่า เธอมีอาการปอดบวมก่อนหน้านี้ ทำให้ประเด็นเรื่องของสุขภาพของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่พูดกันอยู่ในตอนนี้ว่าทำไมต้องปิดเรื่องอาการเจ็บป่วยเป็นความลับ และจะส่งผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่หากไม่โปร่งใสอย่างนี้

https://youtu.be/FVDyciOQCak

แม้จะแน่นอนอยู่แล้วว่า แพทย์ประจำตัวของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจะเขียนใบรับรองสุขภาพถึงสุขภาพเบื้องต้นว่าแข็งแรงมากพร้อมที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

บอกข้อมูลคร่าวๆ เช่น ระดับคอเลสเตอรอล โดยไม่ลงรายละเอียดลึกซึ้งว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

แต่ก็ยังเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาวิจารณ์และกลายเป็นเป้าให้ผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามโจมตี

อย่างกรณีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่นายแพทย์แฮโรลด์ บอร์นสตีน (Harold Bornstein) แพทย์ประจำตัวที่ดูแลกันมานาน 36 ปีเขียนใบรับรองสุขภาพของ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว และเพิ่งเผยให้สื่อมวลชนดูเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นใบรับรองสุขภาพที่มีเนื้อหาประหลาดมาก

โดยนายแพทย์แฮโรลด์ บอกว่า ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ น้ำหนักลดไปอย่างน้อย 15 ปอนด์ หรือ 7 กิโลกรัม ทานยาแอสไพริน ขนาด 81 มิลลิกรัมทุกวัน สุขภาพและความแข็งแกร่งของร่างกายนั้นสุดยอด ไม่เป็นมะเร็ง ไม่เคยผ่าตัดเข่า ไหล่ หรือสะโพก เคยแต่ผ่าไส้ติ่งตอนอายุ 10 ขวบ การทำงานของหัวใจเยี่ยม ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่

แล้วเขียนสรุปตอนท้ายว่า หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ตัวเขาไม่สงสัยเลยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นคนที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่แข็งแรงที่สุดตั้งแต่มีการเลือกตั้งมา!

ก่อนหน้าที่จะมีคลิปของ ฮิลลารี คลินตัน เข่าอ่อนหน้ามืด โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เคยออกมาโจมตีว่า ดูแล้ว ฮิลลารี คลินตัน ไม่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงพอที่จะเป็นประธานาธิบดี ร่างกายและจิตใจไม่พร้อมที่จะต่อสู้กับ ISIS

ปัจจุบัน ฮิลลารี คลินตัน อายุ 68 ปี ส่วน โดนัลด์ ทรัมป์ อายุ 70 ปี ทั้งสองคนก็ดูดีสมวัย

ฮิลลารี คลินตัน บอกว่าตัวเธอนั้นชอบเล่นโยคะ แต่ก็ออกตัวว่าไม่ได้เล่นเก่งอะไร เธอเล่นโยคะเพื่อช่วยให้มีกำลังและมีความยืดหยุ่น

นอกจากนี้ ยังออกกำลังแอโรบิกส์ในน้ำ หรือ Water Aerobics ที่บ้าน โดยพยายามออกกำลังให้ได้สัปดาห์ละ 3-4 วัน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยมีใครถ่ายภาพของเธอขณะเล่นโยคะ ซึ่งคาดว่าเธอฝึกโยคะส่วนตัวในห้องทำงานหรือที่บ้าน

ส่วน โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งไม่เคยถ่อมตนบอกว่า ตัวเขาเป็นนักกอล์ฟฝีมือดี แฮนดิแคป 3 และได้แชมป์ระดับสโมสรมาหลายครั้ง บอกด้วยว่าตัวเขานั้นรู้ว่าการจะชนะต้องทำอย่างไร

ปัจจุบัน ทรัมป์เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟรวม 17 สนามทั้งในและนอกสหรัฐอเมริกา

หลายคนสงสัยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นนักกอล์ฟประเภทไหน เล่นตรงไปตรงมา หรือตุกติก

เรื่องนี้ ริก ไรรี่ (Rick Reily) คอลัมนิสต์กีฬาชื่อดังของ ESPN ได้เขียนลงหนังสือชื่อ Who”s your caddy? เล่าถึงประสบการณ์การเป็นแคดดี้กิตติมศักดิ์ ให้กับนักกอล์ฟดัง อย่าง แจ็ก นิคลอส, ทอม เลย์แมน, จอห์น เดลีย์ และ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าหากจะพูดถึงระดับความโกงในการเล่นกอล์ฟจากโกงน้อยสุดที่ ระดับ 1 ไปจนถึงโกงมากสุดระดับ 10

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระดับความโกงที่ระดับ 11!

นอกจากกอล์ฟแล้ว กีฬาอีกชนิดที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เล่นคือ เทนนิส

ส่วนการเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย ทรัมป์บอกว่าไม่จำเป็น เพราะการพูดต่อหน้าฝูงชนกว่า 25,000 คน รวมถึงตะโกนเสียงดัง สนุกไปกับฝูงชนก็เป็นการออกกำลังกายอยู่แล้ว

ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ สื่อมวลชนเห็นว่า เรื่องความฟิตทางร่างกายของ ฮิลลารี คลินตัน และ โดนัลด์ ทรัมป์ นั้น ไม่โดดเด่นเห็นชัด เหมือนกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2012 ระหว่างประธานาธิบดี บารัค โอบามา กับ มิตต์ รอมนีย์

สมัยนั้นสื่อมวลชนที่อเมริกายังบอกว่าประธานาธิบดีโอบามาและรอมนีย์เป็นคู่แข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ร่างกายฟิต ดูดีคู่คี่กันที่สุด

นักจิตวิทยาวิเคราะห์ว่ารูปร่างถือเป็นองค์ประกอบสำคัญมากอีกประการหนึ่งของภาพลักษณ์ผู้สมัครประธานาธิบดี เพราะหากปล่อยตัวให้อ้วนฉุ อาจถูกมองว่าเป็นคนขี้เกียจ ไม่มีวินัย ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำประเทศ