อุรุดา โควินท์ / ความทรงจำ : วาเลนไทน์ของสาวฮ็อต

ช่วงเรียนมัธยมปลาย ทุกวาเลนไทน์จะมีหนุ่มๆ มาที่บ้านไม่ต่ำกว่าห้าคน

บางคนมาก่อนฉันตื่น (จะรีบไปไหน) ต่างมาในชุดหล่อพร้อมช็อกโกแลต ขนม ตุ๊กตา

บางคนมามือเปล่า (ไปหาเอาข้างหน้า) ทุกคนมีรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม, รอยยิ้มซึ่งถูกแต้มด้วยความรัก

มอเตอร์ไซค์คันแรกจอดหน้าบ้าน น้องสาวเป็นต้องแซว “ว่าไงล่ะ เนื้อหอมปีละวัน”

บ้านของเราใกล้โรงเรียน มีเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้อง เอามอเตอร์ไซค์มาจอด แล้วเดินไปโรงเรียน ประตูรั้วของเราจึงเปิดอยู่เสมอ เช่นเดียวกับประตูบ้าน

เพื่อนๆ ชอบนั่งโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน รอเวลาไปโรงเรียน กินขนมก่อนแยกย้ายกลับบ้านหลังเลิกเรียน

รวมทั้งรอคอยฉันในวันแห่งความรัก

มองจากระเบียงห้องนอน ฉันยังไม่ลงไป จนกว่าจะเห็นหัวเกรียนๆ ครบถ้วนตามนัดหมาย

เป็นสาวเนื้อหอม ต้องเล่นตัวหน่อย

หรืออีกนัยหนึ่งอยากจัดการให้เสร็จในคราวเดียว พร้อมหน้าพร้อมตา

 

คุณอาจจินตนาการ…ฉันเดินออกจากบ้านในชุดน่ารัก หน้าตาสดใส และรอยยิ้มหวานฉ่ำ ค่ะ! ฉันขอบคุณมาก

แต่ความจริงก็คือ ฉันออกจากห้องนอนทั้งยังไม่อาบน้ำ เดินลงบันไดในกางเกงยีนส์ขาบานเก่าๆ กับเสื้อยืดคอย้วย หอบสมบัติบ้าจำพวก…ตะกร้าหวาย ผ้าฝ้ายลายน่ารัก ดอกไม้ ริบบิ้นผ้า รวมทั้งการ์ด ซึ่งร่างถ้อยคำไว้เสร็จสรรพ

ฉันไม่ไปไหน และของขวัญวันวาเลนไทน์ที่พวกเขาเตรียมมา ก็แค่…ผ่านมือฉันไป เพื่อสร้างความประทับใจแก่สาวผู้ที่เพื่อนหมายตา

แต่ไหนแต่ไร ฉันไม่เก่งเรื่องเรียน เก่งแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง

ฉันมีถ้อยคำบอกรักเก๋ๆ แจกจ่ายแก่เพื่อน พวกเขาแค่ลอกมันลงในการ์ด ซึ่งฉันอีกนั่นล่ะ ไปเลือกซื้อให้ การ์ดต้องไม่เหมือนกัน คำก็ต้องไม่ซ้ำกัน

ฉันจัดตะกร้าของขวัญเก่งอีกด้วย ของคนนี้จัดเป็นตะกร้าปิกนิก ซ่อนของขวัญไว้ใต้ผ้า ของอีกคนเป็นตะกร้าดอกไม้ แล้วของคนนู้นล่ะ…

เพื่อนมีความรัก ฉันมีไอเดียและมีเวลา เพราะวาเลนไทน์ฉันว่างมาก ว่างทั้งตัวทั้งหัวใจ

จัดของขวัญครบคน เราก็หิว วัยรุ่นหิวทุกสามชั่วโมง ข้อนี้แม่เข้าใจดี แรกๆ ถ้ารู้ว่ามีเพื่อนมา แม่จะเตรียมอาหารเผื่อเพื่อนๆ เป็นอาหารจานเดียวอย่างก๋วยเตี๋ยวราดหน้า หรือไม่ก็ขนมจีน

ครั้นฉันกับน้องสาวขยันชวนเพื่อนบ่อยเข้า แม่ว่า ถึงเวลาที่เราต้องดูแลแขกของตัวเอง

“โตๆ กันแล้ว…” แม่มักเริ่มแบบนี้เมื่อต้องการให้เราทำอะไรสักอย่าง “แม่ออกเงินให้ ไปจ่ายตลาดเอง ทำกินเอง หรือไม่ก็สั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำหน้าบ้านมากิน” แม่ว่า

ฉันแอบเห็นยิ้มที่มุมปากแม่

 

แม่รู้-ฉันหน้าใหญ่ใจโต เพื่อนมาถึงบ้านต้องได้กินอาหารของบ้านเรา ข้าวกับไข่เจียวก็ยังดี แต่วาเลนไทน์เชียวนะ ไข่เจียวเหรอ ไม่ได้หรอก ยังมีเวลา ก่อนจะไปล่าความรัก เพื่อนต้องอิ่มอร่อย

ฉันกับน้องช่วยกันทำก๋วยเตี๋ยวผัดแบบที่ขายตามงานวัด ใช้เงินไม่มาก (แม่คงไม่ว่า) ทำไม่ยาก ถ้าเราเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ แป๊บเดียวก็ได้กิน

เส้นก๋วยเตี๋ยวของเชียงรายคือเส้นใหญ่ที่หั่นกว้างราวครึ่งเซนติเมตร

เราใช้เส้นนี้กินกับน้ำเงี้ยว บางร้านใช้เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ แต่จานโปรดของเราคือก๋วยเตี๋ยวผัด มันเหมาะกับวัยรุ่นกินจุ อิ่มได้หลายคนในงบประมาณไม่เกินร้อย

กระทั่งถึงวันนี้ เมื่อเจอเส้นใหญ่ดีๆ จานที่ฉันคิดถึง ไม่ใช่ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว หรือคั่วไก่ แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวผัดแบบบ้านๆ นัวๆ เหมือนครั้งที่ทำให้เพื่อนกินในวันวาเลนไทน์

“ทำตอนอายุมากขึ้น ไม่ใช่สาวจี๋ ต้องทรงเครื่องเรื่องมากหน่อย” ฉันบอกเขา หลังเล่าเรื่องสาวฮ็อตปีละวันให้ฟัง

เขาหัวเราะหึ หึ

หน็อย…บังอาจขำ เปิดเตาให้คั่วถั่วลิสงซะเลย

 

เชื่อเถอะค่ะ ถั่วสิสงคั่วเองอร่อยกว่า คั่วแค่พอใช้ เปิดไฟอ่อน คนไปเรื่อยๆ กระทั่งเปลือกเป็นสีน้ำตาลเข้ม ลองชิมดู ถ้ามันสุก เราก็ปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น กำถั่วด้วยสองมือ ถูให้เปลือกหลุด เดินถือชามออกไปนอกบ้าน เป่าแรงๆ สองสามครั้ง เปลือกก็ปลิว

เอาถั่วลงครก ออกแรงบุบนิดหน่อย มันจะกลายเป็นถั่วคั่วพร้อมใช้งาน (ง่ายจะตาย และง่ายที่สุด-ถ้าส่งตะหลิวให้คนข้างตัวจัดการ)

ไหนๆ คั่วถั่วแล้ว เขาควรคั่วพริกด้วย กับพริกใช้เวลาน้อยกว่า ใช้ไฟแรงขึ้นได้ พอมันกรอบ เราก็ปิดไฟ มาจบที่ครกเหมือนกัน

ปล่อยให้เขาอยู่กับเตา ฉันเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวมาคลี่ออก แล้วเทน้ำปรุงรสลงไป คลุกให้ทั่วถึง

น้ำปรุงรสประกอบด้วยเต้าเจี้ยว ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย เกลือนิดหน่อย และน้ำตาลน้ำอ้อย คนให้น้ำตาลละลาย แล้วจึงคลุกกับเส้น

อืม…ต้องระวังซีอิ๊วดำสักนิด เราอยากได้เส้นสีน้ำตาลอ่อน ถ้าเผลอหนักมือ เส้นจะสีเข้มไม่น่ากิน และกลิ่นซีอิ๊วดำจะเด่นเกินหน้า

ฉันมักปรุงรสอ่อนๆ ใครอยากเน้นรสใดเป็นพิเศษค่อยเติมเอง หยิบก๋วยเตี๋ยวชิมก่อนลงกระทะเลยก็สะดวกดี

อร่อยแล้ว…พักเส้นก๋วยเตี๋ยวไว้นิ่งๆ ฉันหันมาทำไข่กรอก กินสองคน และไม่ใช่วัยรุ่น ไข่ฟองเดียวก็พอ

 

ตีไข่เหมือนจะเจียว ใช้กระทะเทฟลอนใบใหญ่สุด ทาน้ำมันให้ทั่ว เทไข่ลงไปตอนกระทะร้อน แต่ไม่ร้อนจัด เอียงกระทะให้ไข่แผ่เป็นแผ่นบางเต็มกระทะ

พอด้านล่างสุกก็พลิกทอดอีกด้าน นับหนึ่งถึงสิบห้า บรรจงช้อนไข่มาวางบนเขียง รอให้เย็นลงหน่อย ฉันจึงม้วนไข่ ก่อนตัดให้เป็นเส้นยาว

หยิบกระทะจีนแบบมีก้นออกมา ก๋วยเตี๋ยวมีน้ำมันเคลือบเส้นอยู่ ใส่น้ำมันนิดหน่อยพอ ถ้าเยอะไปจะเลี่ยน ไม่อร่อยเอาเลย

พอน้ำมันร้อน ฉันใส่กระเทียม ตามด้วยหมูสับ (บางครั้งก็ไม่ใส่)

รอหมูสุก ค่อยเทเส้นที่คลุกน้ำปรุงลงไป คนเบาๆ ให้เส้นร้อนก็ปิดเตา ไม่ต้องรอเส้นเกรียมเหมือนผัดซีอิ๊วหรือราดหน้า

ตักใส่จานสโตนแวร์ วางถั่วงอกสดด้านหนึ่ง เหลืองไข่กรอกจัดไว้ใกล้กัน โรยต้นหอมซอยสีเขียว กับสีแดงพริกจินดาซอย ตามด้วยกระเทียมเจียว ตักพริกป่นครึ่งช้อนชากองไว้ข้างๆ ถั่วตำ

แถมมะนาวสักซีก เผื่อนึกอยากเปรี้ยว

 

ฉันวางจานตรงหน้าเขา “อ่ะ เอามาสิบบาท สมมุติว่าขายในงานวัด”

“ห้าสิบบาทก็จ่ายนะจานนี้”

“ร้อยหนึ่งได้ป่ะ”

“ไหนโม้ว่าทำให้เพื่อนกินฟรีทีละสามกิโล จะขายจานละร้อยเลยเหรอ”

ฉันยักไหล่ โปรดพิจารณา หน้าตาดีแบบนี้ ทั้งอาหารทั้งคนทำ และนี่ไม่ใช่กระทะแรก คือกระทะที่เท่าไร ไม่ได้นับ

“ประสบการณ์และความสวยก็มีมูลค่านะคะ” ฉันตอบ