ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์/THE SHAPE OF WATER ‘คนนอก’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

THE SHAPE OF WATER ‘คนนอก’

กำกับการแสดง  Guillermo del Toro
นำแสดง Sally Hawkins Michael Shannon Richard Jenkins Octavia Spencer Doug Jones
Michael Stuhlbarg

The Shape of Water เป็นผลงานล่าสุดของกีเลร์โม เดล โตโร (Pan’s Labyrinth, Pacific Rim) ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอยู่ขณะนี้ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 13 สาขา ซึ่งจะได้รู้ผลกันต้นเดือนหน้านี้แหละค่ะ
ผลงานจากมันสมองที่เดล โตโร เขียนเอง กำกับฯ เองเรื่องนี้ เล่าเรื่องคล้ายจะเป็นเทพนิยายของความรักความผูกพันที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์
ทำนองเดียวกับโฉมงามกับอสูร หรือจะว่าเป็นเรื่องราวของ E.T. ฉบับของหนุ่มสาวก็ว่าได้
ทว่า “เอเลี่ยน” หรือ “สัตว์ประหลาด” ในหนังไม่ได้มาจากต่างดาว แต่อาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำอเมซอนอันยังคงความลึกลับในทวีปอเมริกาใต้
เป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งบกครึ่งน้ำที่มีรูปร่างใกล้เคียงมนุษย์ เดินตัวตรงเหมือนมนุษย์ มีพลังในการรักษา จนคนพื้นเมืองเคารพบูชาเป็นเทพเจ้า

เหตุเกิดในต้นทศวรรษ 1960 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองไม่ถึงสองทศวรรษ มหาอำนาจสองค่ายชิงความเป็นใหญ่กันอยู่ในที
โลกตกอยู่ในยุคสงครามเย็น โดยที่อเมริกากับโซเวียตกำลังชิงความเป็นเจ้าอวกาศ โซเวียตนำไปก้าวหนึ่งด้วยการส่งมนุษย์ออกโคจรนอกโลกก่อนอเมริกา และสองมหาอำนาจคุมเชิงกันอยู่ในทุกก้าว ด้วยการส่งจารชนเข้าแทรกซึมล้วงข้อมูลลับของกันและกัน
เมื่อพันเอกสตริกแลนด์ (ไมเคิล แชนนอน) แห่งกองทัพสหรัฐ จับตัวสัตว์ประหลาดนี้มาได้จากลุ่มน้ำอเมซอน เขานำสิ่งที่เรียกว่า “ของมีค่า” ที่มีชีวิตชิ้นนี้ เข้ามาสู่ศูนย์วิจัยทางอวกาศ OCCAM ที่ตั้งอยู่ในรัฐบัลติมอร์ ใกล้ๆ ที่ตั้งของศูนย์กลางบริหารประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ซึ่งอาจสร้างความได้เปรียบให้แก่อเมริกาเหนือคู่แข่ง

หนังเปิดเรื่องอย่างสวยงามด้วยภาพโลกที่จมอยู่ใต้น้ำ ดุจดังแอตแลนติสที่เล่าลือกันว่าจมหายไปใต้ทะเล มีเสียงบรรยายของผู้ชายที่ต่อมาเราจะรู้จักในนามว่า ไกล์ส (ริชาร์ด เจนกินส์)
ไกล์สเป็นเพื่อนบ้านและเพื่อนสนิทของเอไลซา เอสโปสิโต (แซลลี ฮอว์กินส์) นางเอกของเรื่อง เขาปรารภอย่างสงสัยถึงความเป็นไปของ “เจ้าหญิงผู้ปราศจากเสียง” ในโลกใต้น้ำที่ก่อรูปจากน้ำที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยไร้รูปทรงที่แน่นอนชัดเจน
ฉากหลังของท้องเรื่องคือ ค.ศ.1962 ในช่วงที่การเหยียดผิวและความเกลียดกลัวพวกไม้ป่าเดียวกันยังคงแพร่สะพัดอย่างออกนอกหน้า พูดโดยรวมคือ ความระแวงใน “คนนอก” หรือ “คนอื่น” ที่ไม่ใช่พวกเดียวกับตน ยังเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคม
ตัวเอกของเรื่องคือ หญิงสาวใบ้ผู้เคยถูกกระทำอย่างรุนแรงในวัยเด็กและโตขึ้นอย่างเด็กกำพร้าผู้โดดเดี่ยวเงียบเหงาในโลกที่เธอได้ยินเสียงทั้งหมด แต่ไม่สามารถเปล่งเสียงพูดสื่อสารกับใครๆ ได้ เพื่อนสนิทเข้าใจเธอได้เพียงจากภาษามือ
เอไลซาใช้ชีวิตอย่างเหงาหงอย มีเพื่อนสนิทเพียงสองคนคือ เพื่อนบ้านวัยกลางคนผู้เป็นเกย์อย่างซ่อนเร้นและเพื่อนร่วมงานผิวดำ เซลดา (ออกเทเวีย สเปนเซอร์) ซึ่งล้วนเป็น “คนนอกสังคม” เช่นเดียวกับเธอ
ด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์อันงดงาม เอไลซาเช่าอพาร์ตเมนต์ชั้นบนของโรงหนัง เธออาศัยอยู่เหนือโลกอันน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สร้างขึ้นจากจินตนาการอย่างที่แทบจะหาไม่ได้ในชีวิตจริง
กิจวัตรประจำวันของเธอคือตื่นขึ้นมา และต้มไข่ระหว่างอาบน้ำและสนองความต้องการทางเพศให้ตัวเอง ก่อนจะไปทำงานในหน้าที่ภารโรงในศูนย์วิจัยลับอ็อกแคม
มี “ของมีค่า” ที่ถูกส่งเข้ามาเก็บไว้ในห้องที่มีระดับความปลอดภัยสูง และเอไลซาได้รับการเรียกตัวให้ไปทำความสะอาด
เธอค้นพบว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างถูกขังอยู่ในแท้งก์น้ำขนาดใหญ่

พันเอกสตริกแลนด์เป็นคนโหดเหี้ยม เขาถือไม้พลองที่มีกระแสไฟฟ้าแบบที่ใช้ช็อกปศุสัตว์ซึ่งเอไลซาพบว่าเปื้อนเลือด และไม่นานเธอก็ถูกเรียกไปทำความสะอาดพื้นที่เลอะเทอะ หลังจากที่สตริกแลนด์บาดเจ็บนิ้วขาดจากสิ่งลึกลับตัวนั้น


สตริกแลนด์ทวีความใจร้ายและกระทำทารุณกรรมแบบซาดิสต์มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เอไลซาสร้างมิตรภาพจากความมีมนุษยธรรมขึ้นระหว่างเธอกับมนุษย์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่หน้าตาเหมือนสัตว์ประหลาดตัวนั้นด้วยการเอาไข่ต้มไปให้กิน และเล่นแผ่นเสียงให้ฟัง
ไม่นาน สตริกแลนด์ก็ได้ไฟเขียวจากผู้มีอำนาจให้จัดการสังหาร “สิ่งมีค่า” นั้นเพื่อผ่าชำแหละประมวลผลสำหรับการทดลองทางวิทยาศาสตร์
มิไยหัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ ดร.โรเบิร์ต ฮอฟฟ์สเตตเลอร์ (ไมเคิล สตุห์ลบาร์ก) จะคัดค้านคอเป็นเอ็นว่าไม่ควรคิดสั้นๆ ด้วยการทำลายชีวิตของสัตว์โลกที่ล้ำค่าเช่นนั้น
ปฏิบัติการช่วยชีวิตเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ที่มีความผิดเพียงเพราะเป็น “คนนอก” จึงเกิดขึ้นจากพวกคนที่ไม่น่าจะคิดทำอะไรเสี่ยงภัยแบบนี้ ในทำนองเดียวกับกลุ่มเด็กๆ ที่ช่วยชีวิตตัวอีทีและส่งกลับคืนสู่นอกโลกที่เป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ต่างดาว ในหนัง E.T. ที่แสนจับใจของสตีเวน สปีลเบิร์ก

นี่คือหนังที่มีเนื้อหาเยี่ยงนิทานหรือเทพนิยาย ที่แพรวพราวด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์และองค์ประกอบที่สวยงาม รวมทั้งแคแร็กเตอร์ที่น่าประทับใจ ซึ่งวางอยู่ท่ามกลางความเป็นจริงของโลกอันโหดร้ายและวิถีทางการเมืองระหว่างประเทศ
ในสังคมที่กระแสหลักพากันชี้นิ้วประณาม “คนนอก” ว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายหรือปีศาจที่น่าหวาดกลัวและพึงขจัดให้หมดสิ้น หรือไม่ยอมรับในตัวตนของพวกเขา คนที่รู้จักตัวว่าเป็นคนนอกเท่านั้นที่จะเข้าใจกันและกัน และยืนหยัดต่อสู้ช่วยเหลือกันและกัน
ในระดับเทพนิยาย หนังจึงมีตอนจบแบบเทพนิยาย สิ่งแปลกปลอมกลับคืนสู่ถิ่นที่อยู่ของตัวเองได้
รูปทรงของน้ำจะแปรเปลี่ยนลื่นไหลไปตามสภาพและรูปทรงของสิ่งที่อยู่ในน้ำ ไม่ได้คงสภาพอยู่โดยไม่แปรเปลี่ยน…
เป็นหนังดีที่ไม่ควรพลาดเรื่องหนึ่งนะคะ