เกษียร เตชะพีระ : ทรัมป์กำลังทำให้จีนยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง (การทหาร-ผลสำรวจทั่วโลกการนำของ2มหาอำนาจ)

เกษียร เตชะพีระ

ทรัมป์กำลังทำให้จีนยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง (3)

ย้อนอ่าน ตอน (2)  (1)

ดุลอำนาจโดยภาพรวมปัจจุบัน จีนยังเป็นรองสหรัฐอเมริกาอยู่โข และคงเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายปี

ในแง่การทหาร สหรัฐมีเรือบรรทุกเครื่องบินอย่างน้อย 12 ลำ ขณะที่จีนมีแค่ 2 ลำ, สหรัฐมีสนธิสัญญาร่วมป้องกันกับกว่า 50 ประเทศ แต่จีนมีสนธิสัญญาร่วมป้องกันกับเกาหลีเหนือประเทศเดียว, งบประมาณการทหารของสหรัฐสูงเกือบ 3 เท่าของจีน (611.2 ต่อ 215.7 พันล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ.2016)

ในแง่เศรษฐกิจ หนทางพัฒนาของจีนยังคงยุ่งยากลำบากกับปัญหาคาราคาซังเรื่องหนี้สินหนักหน่วงในประเทศ, รัฐวิสาหกิจที่อุ้ยอ้ายเทอะทะขาดประสิทธิภาพ, ความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มทวีขึ้น, อัตราการเติบโตที่ชะลอตัว, กำลังแรงงานมหาศาลของจีนกำลังย่างเข้าวัยชรา, อากาศ-น้ำ-ดินของจีนมีมลภาวะร้ายแรง

แต่กระนั้น จีนก็กำลังกวดใกล้สหรัฐทางเศรษฐกิจเข้าไปเรื่อยๆ และแซงหน้าไปแล้วในบางด้าน (ดูภาพประกอบด้านบน http://www.scmp.com/news/china/economy/article/2129508/chinas-economy-expands-69pc-2017-ending-six-years-slowing-growth)

ในปี ค.ศ.2000 สหรัฐมีส่วนแบ่ง 31% ในเศรษฐกิจโลก ขณะที่จีนมีแค่ 4% แต่ทุกวันนี้ ส่วนแบ่งของสหรัฐในเศรษฐกิจโลกลดเหลือ 24% ขณะที่จีนเพิ่มขึ้นเป็น 15%

ในแง่อิทธิพลระหว่างประเทศ เมื่อปีที่แล้ว ศูนย์วิจัย Pew ของอเมริกาได้ออกแบบสำรวจสอบถามผู้คนใน 37 ประเทศว่าผู้นำคนใดน่าจะทำสิ่งที่ถูกต้องในด้านกิจการโลก ปรากฏว่าผู้ตอบเลือกสีจิ้นผิง (28%) มากกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ (22%)

ขณะที่การสำรวจความเห็นของ Gallup World Poll เมื่อปีก่อนเช่นกันพบว่าผู้คนทั่วโลกเห็นชอบการนำของจีน (ค่ามัธยฐานที่ 31%) มากกว่าการนำของสหรัฐ (30%) ในทางกลับกันคนทั่วโลกไม่เห็นชอบการนำของจีน (ค่ามัธยฐานที่ 30%) น้อยกว่าไม่เห็นชอบการนำของสหรัฐ (43%) พอสมควร

(www.chinadaily.com.cn/a/201801/19/WS5a6101d3a3106e7dcc135265.html)

บนพื้นฐานเช่นนี้เองที่รัฐ-พรรคจีนจัดวางวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ชาติในอนาคต 30 ปีข้างหน้าไว้อย่างทะเยอทะยานแหลมคม

ดังที่ เหอยี่ถิง (???) รองประธานบริหาร โรงเรียนพรรคส่วนกลาง และสมาชิกคณะกรรมการกลาง แห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน วัย 65 ปี ผู้ช่วยใกล้ชิดของสีจิ้นผิงและอยู่ในทีมร่วมยกร่างคำปราศรัยยาว 3 ชั่วโมงครึ่งของสีต่อที่ประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 เมื่อเดือนตุลาคมศกก่อนด้วยนั้น ได้บรรยายให้สมาชิกสภาญี่ปุ่นฟังที่อาคารรัฐสภาในกรุงโตเกียวเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนศกก่อนว่า : (https://asia.nikkei.com/Features/China-up-close/Communist-China-s-third-era-2012-to-2035)

ประวัติพรรคคอมมิวนิสต์จีนนับแต่ยึดอำนาจรัฐได้แบ่งออกเป็น 3 ยุค :

1) ยุคเหมาเจ๋อตง ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (ค.ศ.1949-1978 รวม 30 ปี) ยุคนี้เริ่มตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนร่วมกับประชาชนจีนลุกฮือปฏิวัติก่อตั้งประเทศ จนเหมาเสียชีวิตไปสองปี

2) ยุคเติ้งเสี่ยวผิง สถาปนิกนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ (ค.ศ.1978-2012 รวม 34 ปี) ยุคนี้เริ่มตั้งแต่เติ้งประกาศนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ แม้เติ้งจะเสียชีวิตในปี ค.ศ.1997 แต่เจียงเจ๋อหมินและหูจิ่นเทาซึ่งเติ้งฟูมฟักไว้ก็รับมอบหมายสืบทอดการนำและนโยบายต่อมา จึงนับรวมสมัยการนำของทั้งเจียงและหูให้อยู่ในยุคนี้ด้วย จนสีขึ้นสู่อำนาจในปี ค.ศ.2012

3) ยุคสีจิ้นผิง (ค.ศ.2012-ปัจจุบัน) ในยุคใหม่นี้ สีมุ่งเสริมสร้างอำนาจของจีนให้เข้มแข็ง พร้อมกับประกันการนำของพรรคที่เข้มงวดโดยรณรงค์แอนตี้คอร์รัปชั่นซึ่งพุ่งเป้าใส่ปรปักษ์ทางการเมืองของตนอย่างดุเดือด รวมทั้งเอากองทัพมาอยู่ใต้การควบคุมของสีเองโดยตรง

วิสัยทัศน์ของสีแบ่งอนาคตการพัฒนาของจีนเป็น 2 ขั้นตอน กล่าวคือ

3.1) สร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองพอสมควรในปี ค.ศ.2020 แล้วบรรลุการทำให้เศรษฐกิจและกองทัพจีนทันสมัยในปี ค.ศ.2035 (เดิมทีตั้งเป้าบรรลุสังคมนิยมทันสมัยในปี ค.ศ.2049 แต่ปรับเปลี่ยนเร่งรัดให้เร็วขึ้นอีก 15 ปี)

เชื่อว่าขนาดเศรษฐกิจจีนจะใหญ่โตทัดเทียมเศรษฐกิจสหรัฐในปี ค.ศ.2035 นี้

กองทัพจีนจะทันสมัยเต็มที่ สร้างบุคลากรที่พร้อมทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ พัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัย เสริมสร้างสมรรถนะปฏิบัติการทางทหาร เพื่อก้าวสู่การเป็นกองทัพระดับโลกในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 21

3.2) เปลี่ยนจีนเป็น “ประเทศสังคมนิยมทันสมัยที่ยิ่งใหญ่” ขึ้นเป็นผู้นำโลกทัดเทียมสหรัฐอเมริกาทั้งในทางเศรษฐกิจและการทหาร ในปี ค.ศ.2049-อันเป็นวาระครบรอบร้อยปีการปฏิวัติจีน

รูปธรรมของโครงการหลักในยุคสี ได้แก่ โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road Initiative) เชื่อมต่อเส้นทางการค้าคมนาคมจีนกับยุโรปและแอฟริกา, โครงการเขตมหานครปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย และโครงการประสาน [อินเตอร์เน็ต+Big Data+ปัญญาประดิษฐ์] เข้ากับเศรษฐกิจจริง, สังคมสีเขียวที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ, พัฒนาเศรษฐกิจแบ่งปัน, สร้างสายโซ่อุปทานสมัยใหม่

เราจึงได้เห็นสีจิ้นผิงในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรค เร่งกระชับอำนาจบังคับบัญชาควบคุมและปฏิรูปปรับปรุงกองทัพปลดแอกประชาชนจีนให้ทันสมัยทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ การฝึกซ้อมพร้อมรบ และความขึ้นตรงเชื่อฟังจงรักภักดีต่อคำสั่งตนเองอย่างสัมบูรณ์ปราศจากเงื่อนไข เพื่อให้สามารถปฏิบัติการแผ่พุ่งอำนาจระยะไกลของจีนในโลกได้

(ดู http://www.scmp.com/news/china/diplomacy-defence/article/2126899/xi-jinping-calls-battle-readiness-troops-stage-massive & http://www.scmp.com/news/china/diplomacy-defence/article/2129471/how-chinas-military-girding-battle-and-what-it-means)

ในทางกลับกัน นายเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เผยเมื่อ 19 มกราคมศกนี้ว่า นโยบายความมั่นคงใหม่ของอเมริกามุ่งระวังภัยจีน-รัสเซีย ไม่เน้นปราบก่อการร้าย โดยระบุว่า :

“เรากำลังเผชิญภัยจากชาติที่มุ่งเปลี่ยนแปลงระเบียบดุลอำนาจโลก ซึ่งประเทศเหล่านี้แตกต่างจากเราอย่างมากอย่างรัสเซียและจีน รวมทั้งชาติอื่นๆ ที่ต้องการสร้างโลกใหม่ตามแบบอย่างระบอบเผด็จการของพวกเขา”

แม้ในปัจจุบันกองทัพสหรัฐจะยังคงแข็งแกร่ง แต่ความสามารถในการแข่งขันทางทหารกลับถดถอยลงในทุกด้าน ทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ รวมทั้งในโลกไซเบอร์และในอวกาศด้วย

ทำให้ความได้เปรียบทางทหารของสหรัฐเหนือจีนและรัสเซียกร่อนเซาะลง

แมตทิสจึงขอเรียกร้องต่อสภาคองเกรสให้อนุมัติงบประมาณแก่กองทัพอย่างเพียงพอ ไม่ตัดทอนงบประมาณของรัฐบาลกลางในส่วนนี้ออกไปโดยอัตโนมัติเหมือนกับงบประมาณในด้านอื่นๆ (http://www.bbc.com/thai/international-42757453)