โล่เงิน : พลิกตาลปัตรล็อตเตอรี่ 30 ล้านอลเวง “บิ๊กแป๊ะ” สั่ง ภ.7 โอนสำนวนกองปราบฯ พิสูจน์เจ้าของตัวจริง “ครูหรืออดีต ตร.”

ใกล้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เข้ามาทุกที สำหรับคดีแย่งชิงสิทธิ์ล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 30 ล้านบาท

ระหว่าง นายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่อ้างว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 หมายเลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ แต่ไม่ได้ขึ้นเงินเพราะล็อตเตอรี่หาย โดยมี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตตำรวจ เป็นผู้ไปขึ้นเงินรางวัล

ต่อมาวันที่ 4 ธันวาคม 2560 นายปรีชาเข้าแจ้งร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ว่า ถูก ร.ต.ท.จรูญขโมยล็อตเตอรี่ไป คดีดังกล่าวมีความคลุมเครืออยู่เป็นระยะเวลายาวนาน จนได้มีการตรวจลายนิ้วมือบนล็อตเตอรี่ใบดังกล่าว

กระทั่งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เผยผลการตรวจดีเอ็นเอล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท สรุปพบรอยนิ้วมือของ ร.ต.ท.จรูญ โดยพบรอยนิ้วมือหัวแม่มือซ้าย และนิ้วก้อยซ้าย โดยส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าของคดี เป็นพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี

จากผลพิสูจน์รอยนิ้วมือ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นสำคัญ ดูเหมือน ร.ต.ท.จรูญ จะเป็นต่อ

เช่นเดียวกับกระแสโซเชียล นักมอนิเตอร์ข่าวให้น้ำหนักไปที่ ร.ต.ท.จรูญ เป็นเจ้าของล็อตเตอรี่เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) แถลงถึงผลการสืบสวนสอบสวนในคดี โดยจะเรียก ร.ต.ท.จรูญมารับทราบข้อกล่าวหา

“จากการสืบสวนพยานตั้งแต่ต้นทางคือยี่ปั๊ว บริเวณแผงสลากกินแบ่งรัฐบาล สนามบินน้ำ จนถึงปลายทางคือตลาดเรดซิตี้ มีพยานบุคคลถึง 40 ปาก ตั้งแต่ต้นทาง รวมทั้งมีการถ่ายภาพล็อตเตอรี่ไว้เป็นหลักฐาน โดยทั้งหมดยืนยันว่าล็อตเตอรี่เป็นของครูปรีชา ส่วนกรณีของ ร.ต.ท.จรูญ นั้นไม่สามารถระบุได้ว่าซื้อมาจากร้านใด รวมทั้งมีพยานบุคคลยืนยันว่าเห็น ร.ต.ท.จรูญก้มเก็บล็อตเตอรี่ได้ ห่างจากแผงล็อตเตอรี่ประมาณ 20 เมตร ส่วนซองนั้นพบว่าถูกหลายฝ่ายจับ รวมถึงตำรวจด้วย จึงใช้เป็นหลักฐานไม่ได้

“หลังจากนี้จะเรียกตัว ร.ต.ท.จรูญมารับทราบข้อกล่าวหา ตามที่ครูปรีชาแจ้งในข้อหายักยอกทรัพย์ อย่างไรก็ตาม พยานบุคคลฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ ที่ระบุว่ามี 3 ปาก ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ ทาง ร.ต.ท.จรูญไม่ได้นำพยานบุคคลมาให้การกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ส่วนทาง ร.ต.ท.จรูญจะให้การอย่างไร หรือมีพยานหลักฐานอะไรมามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ก็จะสอบสวนเพิ่ม รวมถึงพยานอีก 3 ปากที่ ร.ต.ท.จรูญกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ หลังจากวันนี้จะมีการออกหมายเรียก 2 ครั้ง” สาระสำคัญในถ้อยแถลงของ พล.ต.ท.กิตติพงษ์

เป็นคำแถลงที่คล้ายจะค้านกระแสสังคมและสายตาประชาชน!!

อย่างไรก็ดี แม้คำแถลงของ บช.ภ.7 ระบุออกมาเช่นนี้ แต่ทาง ร.ต.ท.จรูญยังคงสู้ต่อและท้าครูปรีชาสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ร.ต.ท.จรูญพาลูกไปสาบานที่ศาลหลักเมืองจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวหน้าศาลว่า หากลักขโมยล็อตเตอรี่ใครมาขอให้วิบัติฉิบหาย

กระทั่งวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ บช.ภ.7 โอนสำนวนคดีการสอบสวนมายังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตอบคำถามสังคมได้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากนั้นวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เพื่อร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับคดีดังกล่าว

โดย ร.ต.ท.จรูญเผยว่า มั่นใจว่าทาง บก.ป. จะสามารถหาความเป็นธรรมให้กับตนได้ จึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ เนื่องจากเกรงว่าตนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมาเกิดความไม่มั่นใจกับชุดทำงานของ บช.ภ.7 ในหลายๆ อย่าง ทั้งจากที่แถลงข่าวมา จะแจ้งข้อกล่าวหาตนอย่างเดียว ในเรื่องของทางกองบังคับการปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้กู้ไฟล์คลิปวิดีโอและแชตไลน์นั้น ตนไม่หนักใจ เนื่องจากสมัครใจให้ทาง ปอท. กู้ข้อมูล และเป็นคนเสนอด้วย

ในส่วนของพยานทั้ง 3 ปากจะนำมาให้ทาง บก.ป. หรือไม่นั้น ให้ทนายความเป็นคนจัดการทั้งหมด

ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร่วมแจมพร้อมบอกว่ามีหลักฐานเด็ด และหมดเวลาของครูแล้ว โดยนำหลักฐานมามอบให้กับตำรวจ บก.ป. ถือเป็นหลักฐานสำคัญ มีทั้งคลิปเสียง ภาพ ไทม์ไลน์ลำดับเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง และพยานปากสำคัญที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โดยคลิปที่นำมานั้นเป็นคลิปเสียงของนายปรีชามีปากเสียงกับแม่ค้าขายล็อตเตอรี่ เป็นคลิปที่เกิดขึ้นหลังจากวันหวยออก

นอกจากนี้ จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ บก.ป. พบคลิปเสียงการสนทนากันระหว่าง นางรัตนาภรณ์ (สงวนนามสกุล) แม่ค้าขายสลากฯ ที่ถูกรางวัล โทรศัพท์ไปหานายปรีชารวม 2 ครั้ง

ครั้งแรก เป็นวันและเวลาหลังจากที่ทราบผลสลากในงวดดังกล่าวแล้ว

โดยในคลิปเสียงมีใจความสำคัญคือ นางรัตนาภรณ์ได้โทร.ไปบอกนายปรีชาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงว่า นายปรีชาถูกรางวัลที่ 1 แต่หลังจากรับโทรศัพท์แล้ว นายปรีชาปฏิเสธว่าไม่ใช่เลขที่ตนซื้อ ตนซื้ออีกหมายเลขหนึ่ง

ในคลิปเสียง นายปรีชายังได้ระบุหมายเลขของตนอย่างชัดเจน

ครั้งที่สองเป็นคลิปเสียงที่นางรัตนาภรณ์ แม่ค้าสลากฯ คนเดิมโทร.หานายปรีชา ใจความสำคัญคือ เป็นการย้ำว่านายปรีชาถูกสลากฯ ดังกล่าว แต่นายปรีชาได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกรางวัลเช่นเดียวกับครั้งแรก พร้อมกับย้ำหมายเลขที่ตนเองเป็นคนซื้อมาด้วย

ทั้งนี้ ทั้งสองคลิปตำรวจกองปราบฯ จะนำเข้าสำนวนการสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี เพราะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ นอกจากนี้ ยังพบพิรุธการลบไลน์ที่มีการสนทนากับแม่ค้าและคำให้การของพยานฝั่งครูปรีชาและครูปรีชามีความไม่สอดคล้องต้องกัน

คล้ายน้ำหนักพยานหลักฐานจะพลิกกลับมาที่ฝ่าย ร.ต.ท.จรูญอีกครั้ง!!

เรื่องราวของหวยอลเวงจะจบลงอย่างไร ครู หรืออดีตข้าราชการตำรวจ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของล็อตเตอรี่ตัวจริง

บทสรุปไม่นานเกินรอ?!!