หนุ่มเมืองจันท์ : พลัง “จับมือ”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

“พี่ตุ้มน่าไปดูงานจับมือสักครั้ง มันมีพลังมาก”

“ต้อม” จิรัฐ บวรวัฒนะ บอกผมเมื่อวันก่อน

“ต้อม” คือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้เอท ออฟฟิศ

เจ้าของวง BNK48 ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในเมืองไทย

นี่คือปรากฏการณ์ใหม่ของวงการบันเทิง

ผมเคยเขียนเรื่อง BNK48 ในคอลัมน์นี้เมื่อประมาณต้นเดือนกันยายนปีที่แล้ว

ตอนนั้น BNK48 เพิ่งเริ่มมีคนรู้จักไม่มากนัก

เขียนไปก็ “แอร์ดัง” ในคนหลายกลุ่มทีเดียว

ต้องขยายความว่าวงนี้คือใคร มีอะไรที่แตกต่างจากวงอื่นบ้าง

แต่วันนี้ไม่ต้องเลยครับ

ใครๆ ก็รู้จัก BNK48 และเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย

…แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ

ความแรงของวงนี้ไม่ใช่แรงแบบปกติคือค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นเส้นตรง

แต่เป็นความแรงของโลกยุคดิจิตอล

คือ ยิ่งนานยิ่งพุ่งขึ้นแบบทวีคูณ

ไม่แปลกที่ภายในเวลา 1 เดือน ความดังของ BNK48 พุ่งขึ้นจนน่าตกใจ

สินค้าต่างๆ ติดต่อให้สมาชิกวง BNK48 เป็นพรีเซ็นเตอร์กันเยอะมาก

เยอะจน “ต้อม” งง

สัปดาห์ที่ผ่านมาเซ็นกันจนเมื่อยมือเลยครับ

ขออนุญาตไม่บอกว่ากี่ตัว

แต่มากระดับเป็น “ปรากฏการณ์”

เดี๋ยวคงได้เห็นกัน

ย้อนกลับมาเรื่อง “จับมือ”

BNK48 ไม่เหมือนกับศิลปินเพลงทั่วไป เขามีกฎกติกามารยาทที่แตกต่างจากวงดนตรีทั่วไป

เพราะธุรกิจของเขาไม่ใช่ธุรกิจเพลง

แต่เป็นการบริหาร “ไอดอล”

“บัตรจับมือ” ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่แปลกและแตกต่าง

เขาขาย “บัตรจับมือ” พร้อมกับ “ซีดีเพลง”

และคนก็แห่ซื้อ “ซีดี” เพื่อที่จะได้ “บัตรจับมือ” น้องๆ ที่เขาเชียร์กัน

บอกตามตรงว่า แม้จะจับกระแสได้ว่า BNK48 เป็น “ปรากฏการณ์”

แต่ผมไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เท่าไร

เช่นเดียวกับที่ไม่เข้าใจ “ผู้ชาย” ที่เป็น “โอตะ” หรือแฟนคลับของน้องๆ

คือ ตามปกติ “ผู้ชาย” จะไม่ค่อยแสดงออกถึงความคลั่งไคล้ศิลปินมากเท่าไร

ชอบศิลปินชายก็ส่วนใหญ่จะเป็นวงร็อกแบบ “บอดี้สแลม”

แต่ไม่ได้แสดงออกมาก

ผู้ชายจะค่อนข้างรักษาฟอร์ม

ไม่กรี๊ดสนั่นเหมือนสาวๆ ที่ชอบศิลปิน

ยิ่งศิลปินที่เป็นผู้หญิง

ผมไม่เคยเห็นผู้ชายจะแสดงออกถึงความคลั่งไคล้แบบชัดๆ เลย

ทุกคนจะเป็น “ไอ้แอบ”

เก็บความชื่นชมไว้ในใจ

แต่ BNK48 เป็นข้อยกเว้นจริงๆ ครับ

ไม่ว่าจะเป็นที่หน้าเวที หรือกิจกรรมจับมือ

ทุกคนแสดงออกเต็มที่

“บัตรจับมือ” นั้นมีอายุแค่ 8 วินาที

แค่นั้นจริงๆ ครับ

“ต้อม” บอกว่าการจับมือนั้นเหมือนกับเป็นการให้กำลังใจน้องๆ

และเป็นช่วงเวลาที่น้องๆ จะได้ขอบคุณแฟนคลับ

ผมก็ยังไม่เข้าใจ

นั่นคือเหตุผลที่ “ต้อม” บอกว่าผมต้องไปดูสักครั้ง

เขาบอกว่าพลังของการจับมือ 8 วินาทีมีผลต่อการสนับสนุนน้องๆ มาก

เป็นเหมือนการยืนยันว่าเขาจะสนับสนุนน้องคนนี้ต่อไป

ครับ ในทางการตลาด นี่คือกลยุทธ์สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแฟนคลับกับ BNK48

ลึกซึ้งกว่าแฟนเพลงทั่วไป

“การจับมือ” นั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในแวดวงต่างๆ มานานแล้ว

ถ้าใครทำธุรกิจขายตรงจะรู้ว่า “การจับมือ” คือวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่มีพลัง

ผมเคยไปบรรยายให้บริษัทต่างๆ หลายแห่ง

รวมทั้งแอมเวย์ หรือบริษัทประกันต่างๆ

หลังจบการบรรยายก็จะมีคนมาทักทายหรือถ่ายรูป

ที่อื่นคนฟังส่วนใหญ่จะยกมือไหว้กันก่อนหรือหลังถ่ายรูป

คุยกันนิดหน่อย

แต่ที่แอมเวย์หรือบริษัทประกัน

ทุกคนจะขอจับมือ

ผมรู้สึกเลยว่าการยกมือไหว้แล้วขอบคุณ

กับการจับมือแล้วขอบคุณ

พลังต่างกันเยอะมาก

เช่นเดียวกับในแวดวงการเมือง

“โจ้” ธนา เธียรอัจฉริยะ เคยเล่าให้ผมฟังถึงกลยุทธ์หนึ่งของ “ซิกเว่ เบรกเก้” อดีตบอสใหญ่ของ “ดีแทค”

“ซิกเว่” เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของนอร์เวย์

เขาบอกว่ากลยุทธ์การหาเสียงของนักการเมืองจะไม่ใช้การโบกมือทักทาย

แต่จะพยายามเดินจับมือคนให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้

โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง

ตอนที่ “โจ้” เสนอให้ “ดีแทค” ใช้กลยุทธ์ “ม็อบ”

ระดมพนักงานเดินสายหาลูกค้าแบบถึงตัว

“ซิกเว่” จึงสนับสนุนเต็มที่

เพราะตรงกับความเชื่อของนักการเมือง

ลองนึกดูสิครับ ระหว่างที่เราเห็นนักการเมืองยกมือไหว้ หรือโบกมือให้

เทียบกับนักการเมืองคนนั้นเดินมาหา จับมือ สบตาแล้วขอให้เราช่วยลงคะแนนให้

อะไรมีพลังกว่ากัน

ผมเชื่อว่า “การจับมือ” มีพลังกว่า

มันเป็นเรื่อง “ความรู้สึก” ครับ

ได้สัมผัสมือกัน สบตากัน คุยกัน

มันเหมือนเราได้เซ็นสัญญาเอ็มโอยูกับเขาแล้ว

เวลาที่ “ความรู้สึก” มาแรง

“เหตุผล” ก็หายวับไปกับตา

“ความรู้สึก” กลายเป็น “เหตุผล” อย่างหนึ่ง

ผมเชื่อว่า BNK48 ก็เช่นกัน

เหล่าโอตะทั้งหลายได้จับมือกับน้องๆ ที่เขาชื่นชอบ

สบตากัน

คุยกัน

แม้จะมีเวลาแค่ 8 วินาที

แต่แค่นั้นก็ละลายแล้ว

ครับ ที่เขียนมาทั้งหมดก็เพื่อบอกว่า ถ้าเห็นผมในงานจับมือ BNK48 เมื่อไร

ขอให้เข้าใจว่า “ต้อม” ชวน

ผู้บริหาร BNK48 เชิญไปสังเกตการณ์ครับ

เขาอยากให้ดู “ปรากฏการณ์” ที่ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง

เป็นการไปดูงานแบบ “นักข่าว”

…แค่นั้นเอง

จริ๊ง…