กาละแมร์ พัชรศรี : มองย้อนไป วัย 40 ให้อะไรเราบ้าง

ยังคงชื่นชอบเมื่อตัวเองขึ้นเลข 4 อย่างต่อเนื่องค่ะ!!

คุณผู้อ่านที่ติดตามบทความของฉันผ่านทางมติชนสุดฯ ก็คงได้เห็นว่า ฉันได้ค้นพบอะไรหลายอย่างในวัยที่เพิ่มมากขึ้น และมันมีเรื่องสนุก ตื่นเต้น ท้าทาย เติบโต งดงามมากมายขนาดไหน

ถ้าให้สรุปเป็นข้อไล่เรียงไปก็ทำได้ดังนี้

 

– เราสามารถค้นพบตัวเองได้เสมอในทุกๆ วัยของชีวิต

จะช้าจะเร็วไม่เป็นไร แต่ขอให้เจอ เพราะมันสำคัญกับทิศทางการใช้ชีวิตมาก มันจะได้ไม่เสียเวลา

เคล็ดลับการค้นหาตัวเองให้เจอคือ คุณต้องสื่อสารกับตัวเองเสมอ ทุกวัน ทุกขณะ เพราะในทุกๆ นาทีมีเรื่องที่คุณได้ค้นพบเสมอ

เช่น คุณชอบ ไม่ชอบอะไร สิ่งไหน

เหตุการณ์ใดที่ทำให้คุณใจเต้น หัวใจพองโต

ทำกิจกรรมใดแล้วคุณสนุก เหมือนได้เล่นในวัยเด็กเพราะนั่นกำลังเป็นคำตอบให้คุณว่า คุณถนัดทำอะไร ทำอะไรแล้วมีความสุข

ที่สำคัญคือคุณต้องลงมือทำ อย่ามโนคิดไปเองว่า ฉันชอบทำแบบนี้หรือเปล่า ทำแบบนี้แล้วมันจะเป็นอย่างไรนะ มันจะผลดีไม่ดี จะคุ้มไม่คุ้ม จะชอบไม่ชอบ มันไม่มีทางรู้เลยตราบใดที่คุณยังไม่ลงมือทำ

การแค่ฟังจากคนอื่น มันก็ไม่เหมือนกับที่คุณลงมือทำด้วยตัวของคุณเอง เพราะแต่ละคนก็เล่าตามประสบการณ์ ความชอบของตัวเอง เหมือนเวลาเดินทางไปที่หนึ่ง คนหนึ่งอาจชอบมาก อีกคนอาจไม่ชอบเลย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้เป็นคุณอยู่ดี

คุณจึงต้องเดินทางด้วยตัวของคุณเอง

– อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไป

อย่าเพิ่งเริ่มคิดว่าทำไม่ได้ ทำไม่ไหว ปัญหามันเยอะ อุปสรรคมันแยะ เมื่อเริ่มคิดแบบนี้มันก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี แค่เริ่มก็ดันคิดถึงความเป็นไปไม่ได้แล้ว

แต่ถ้ากลับกัน เรามองความเป็นไปได้ มองเห็นภาพดีๆ เราจะมีกำลังใจทำมัน และที่สำคัญคือ ทำอะไรทำให้จริง ไม่เหยาะแหยะ มันล้มกลิ้งอะไรง่ายๆ ไม่เอะอะทิ้งตัว เลิกกลางคัน เจอเรื่องยากหน่อย เหนื่อยหน่อย มีปัญหาก็เลิกแล้ว หรือไม่ก็ทำไม่นานก็เลิก

ตราบใดที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย เราไม่เลิกง่ายๆ อย่าเพิ่งรีบตาย รอความสำเร็จนิดนึง

– เปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต

อย่ายึดติดกับสิ่งเดิมๆ หรือทำอะไรเดิมๆ จนชิน อยู่ใน comfort zone จนสบายไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไร มันยาก มันต้องเริ่มต้น ไม่เคย ไม่ชิน โอ้ยยไม่ทำหรอก

เทคโนโลยีมา เราก็เรียนรู้ มีอะไรแปลกใหม่เราก็แสวงหา คิดเสียว่า ดีออกได้กลับไปเรียนเหมือนตอนเป็นเด็กอีกครั้ง ได้ความรู้ใหม่ ได้ทำอะไรใหม่ๆ สนุก ตื่นเต้นจะตาย แล้วเราก็ก้าวไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนไป ไม่ต้องโดนทิ้งไว้

สุดท้ายเราก็จะค่อนขอดโลก คน สังคมว่าทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว ไม่มีใครทิ้งคุณ เพียงแต่คุณไม่ยอมลุกขึ้นเดินไปด้วยกันต่างหาก

– เปิดใจรู้จักคนใหม่ๆ เพื่อนฝูง คนร่วมงาน บริวาร หรือคนรู้จักใหม่ๆ

อย่าไปตัดสินคนแต่แรกเห็น ว่าหน้าแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ เขาต้องมีนิสัยแบบนี้แน่ๆ บางทีคุณอาจต้องรู้สึกไปอีกนานที่ไปตัดสินเขา หรือไม่ คุณก็ได้เสียโอกาสที่จะได้รู้จักคนเจ๋งๆ หรือคนที่เขาอาจจะช่วยเหลือคุณได้ในอนาคต

หรือเขาอาจจะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีในภายภาคหน้าต่อไป

เปิดใจยอมรับความต่าง เพื่อเปิดโลกให้กว้าง ใจกว้างๆ ว่าไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องคิด พูด ทำเหมือนเราไปเสียทุกอย่าง

เราอาจได้อะไรดีๆ จากคนแปลกหน้าก็ได้

– การมีวินัยทางการเงิน

สำคัญมากเมื่อชีวิตเดินทางมาถึงจุดนี้ เพราะเราจะมีโอกาสในการเลือกใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระมากขึ้น ไม่ต้องตกเป็นทาสใครถ้าเราไม่เต็มใจ ไม่ต้องก้มหน้าทำงานงกๆๆ แบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่มีเวลาทำสิ่งที่สนุก ได้อยู่กับคนที่เรารัก และต้องใช้ชีวิตแบบลากสังขารไปวันๆ เมื่อเราเก็บเงิน อดออม รู้จักลงทุนตั้งแต่เราอายุน้อย และทำมันอย่างสม่ำเสมอ

มาถึงวันนี้คุณจะขอบคุณตัวเองที่วางแผนการเงินตัวเองอย่างดีและมีวินัย

เราจะไม่เหนื่อยโฮก เราจะสบายใจที่จะไปทำอะไรที่สนุกๆ ได้ โดยวันๆ ไม่ต้องคิดถึงแต่เงินๆๆ

เราได้เลี้ยงดูพ่อแม่ ครอบครัวได้อย่างสบายใจ ไปในที่ที่ชอบ ทำในสิ่งที่ใช่ อย่างที่เราต้องการ

– หาเรื่องทำสิ่งท้าทายตัวเองเสมอ

อะไรที่คิดว่าทำยาก ทำมันก่อนตายสักครั้ง ลดความอ้วนให้ได้ ดูแลสุขภาพให้ดี ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ เรียนรู้พุทธศาสนาก่อนที่ตายไปแล้วเสียดายที่ไม่ได้ทำ แบ่งปัน รู้จักให้ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ทำงานให้ตัวเองสนุก มีความสุข และงานนั้นเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ประเทศชาติด้วย แล้วคุณจะตื่นมาแบบมีเป้าหมาย มีแรง มีพลังที่อยากตื่นมาทุกวัน

– เรียนรู้การปล่อยวางหรือ “ช่างแมร่ง” บ้าง

อะไรที่ไร้สาระ บ้าบอคอแตก ที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น หรือแม้แต่ความรู้สึก เศร้า เสียใจ น้อยใจ อิจฉา ริษยา โกรธเคือง เจ็บแค้น อาฆาต มันไม่เคยทำให้เราดีขึ้นเลย ปล่อยมัน ช่างมัน บอกตัวเองว่า อะไรไม่ดี อะไรไม่ได้ทำให้เรามีความสุข ไม่ทำให้เรายิ้ม ขออำลา โบกมือทิ้งมันไป

ชีวิตมีสิ่งที่มีสาระและสนุกๆ รอให้ทำอยู่อีกมากมาย

เชื่อฉันสิ…