แฟ้มข่าวเศรษฐกิจ : ธปท.รับมือธนาคารแห่ปิดสาขา / “ตรุษจีน” นี้ซื้อทองไม่คึกคัก / ผุดรถไฟฟ้า 2 เส้น 1.9 แสนล้าน

รฟม.ผุดรถไฟฟ้า 2 เส้น 1.9 แสนล้าน

นายรณชิต แย้มสอาด รักษาการรองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ปีนี้จะประกวดราคาเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าอีก 2 สาย คือสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร (ก.ม.) วงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท และสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-บางขุนนนท์ ระยะทาง 12.9 ก.ม. วงเงินประมาณ 9 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ต้นปี 2562

ส่วนรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างว่า มีความคืบหน้ามาก ทั้งสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี และสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ส่วนสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่กระทรวงการคลังและกรุงเทพมหานคร (กทม.) อยู่ระหว่างหาข้อสรุปและวิธีการโอนทรัพย์สินทั้งหมดของรถไฟฟ้าสายนี้ให้ กทม. ดูแลแทน คาดจะเปิดให้บริการได้ปลายปีนี้ ส่วนสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค การก่อสร้างคืบหน้าตาม ซึ่งบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ได้สั่งซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มเติมแล้ว 35 ขบวน ระยะแรกจะเปิดให้บริการได้ในเดือนกันยายน 2562 และเปิดให้บริการได้ครบทั้งหมดในเดือนเมษายน 2563

“ตรุษจีน” นี้ซื้อทองไม่คึกคัก

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาทองคำยังมีความผันผวน ที่ปรับขึ้นมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า แต่เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาทองคำปรับลดลง ทั้งนี้ มองว่าราคาทองคำปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับฐาน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาปรับขึ้นมามากจากประมาณ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็น 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และคาดว่าแนวโน้มระยะยาวมีโอกาสขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นทรัพย์สินที่นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินดอลลาร์

ส่วนบรรยากาศการซื้อขายทองในประเทศมองว่ายังไม่คึกคัก เนื่องจากราคาขึ้นๆ ลงๆ ไม่ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร และช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้คาดว่าจะไม่คึกคักเพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคและรายได้ของเกษตรกรไม่ค่อยดี

ธปท.รับมือธนาคารแห่ปิดสาขา

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวตอนหนึ่งในงานสัมมนา Capital Market Outlook เศรษฐกิจไทยขยับ เตรียมรับเทคโนโลยีเปลี่ยน จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ว่า การปรับตัวของธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มการปิดสาขาเพิ่มขึ้น และลดจำนวนพนักงานลง ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสถาบันการเงินหลายแห่งปรับตัวไปสู่ดิจิตอล และปัจจุบันมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการทำธุรกิจการเงินมากขึ้น ทำให้การปรับตัวของธนาคารพาณิชย์เร็วขึ้นด้วย เมื่อต้นทุนถูกลงทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินถูกลงด้วย ทั้งนี้ ขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นการจัดทำเกณฑ์อนุญาตแต่งตั้งผู้ให้บริการธนาคารพาณิชย์ (แบงกิ้ง เอเย่นต์) โดยคาดว่าจะประกาศและมีผลบังคับใช้ภายในไตรมาส 1 นี้ เพื่อรองรับการปิดสาขาของธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล และเพื่อลดต้นทุนของธนาคารพาณิชย์ ส่วนการแข็งค่าของเงินบาทเป็นหน้าที่ของ ธปท. ต้องเข้าไปดูแลค่าเงิน ไม่ให้ความผันผวนแรงจนเกินไปและกระทบกับผู้ประกอบการ

ดัชนีอุตฯ พุ่งสูงสุดรอบ 3 ปี

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือนธันวาคม 2560 อยู่ที่ระดับ 89.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ระดับ 87.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 35 เดือน นับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ที่ระดับ 91.1 เนื่องจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมยังส่งสัญญาณดี โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2560 รวมทั้งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ ยอมรับว่าการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่เน้นการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ ประกอบกับความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 102.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ระดับ 102.0

ชงคลังลดภาษีนำเข้ารถหรู 300%

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีนำเข้ารถยนต์หรูเพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้ารถยนต์หรู และจากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีการนำเข้ารถหรูเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้มีรถยนต์หรูที่นำเข้ามาและยังไม่มีการตรวจปล่อย ตามด่านศุลกากรต่างๆ จำนวน 958 คัน ขณะนี้กรมได้ออกเกณฑ์ในการตรวจปล่อยเพิ่มเติม โดยอิงกับมาตรา 317 ของกฎหมายศุลกากร ในการตรวจปล่อยรถยนต์นำเข้า ซึ่งเกณฑ์ใหม่นี้ จะช่วยให้รถยนต์ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้องได้รับการตรวจปล่อยประมาณกว่า 500 คัน ยังมีการตกลงกันว่าถ้าเป็นกรณีที่ไม่ใช่ 4 ยี่ห้อรถยนต์หรู คือ เฟอร์รารี่ มาเซราติ ลัมโบร์กีนี และปอร์เช่ ให้ด่านศุลกากรที่มีรถนำเข้ามาพิจารณา โดยวิเคราะห์ราคาเบื้องต้นจากเว็บไซต์ ราคาตลาด และออปชั่นต่างๆ มาเทียบกับราคาที่สำแดง หากราคาที่สำแดงต่ำกว่ากรอบที่กำหนด จะเปิดโอกาสให้ผู้นำเข้าชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าเจ้าหน้าที่เชื่อถือ และสอดคล้องกับราคาผู้นำเข้าอื่น ก็จะปล่อยรถไป

แต่หากไม่เป็นไปตามเกณฑ์ และผู้สำแดงนำเข้ารถหรูประสงค์นำรถออกไปก่อน ต้องวางประกันตามกรอบ 317 และให้ผู้นำเข้าจัดทำหนังสือรับรองตัวเองว่า เป็นราคาซื้อขายจริง แต่ถ้าสำแดงราคาต่ำถือว่าผิดตามกฎหมายศุลกากร