เครื่องเคียงข้างจอ วัชระ แวววุฒนันท์ / เรื่องดีๆ

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒนันท์

เรื่องดีๆ

ในช่วงใกล้สิ้นปีที่กำลังจะข้ามไปสู่ปีใหม่

ผู้คนมักมีคำกล่าวไปในทำนองที่ว่า ทิ้งปีเก่าที่ร้ายๆ หันไปต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะเข้ามา หรือปีเก่าผ่านไป มายิ้มรับปีใหม่กันดีกว่า พร้อมกับควาดหวังว่าปีใหม่ต้องดีกว่าปีเก่าแน่นอน ฟันธง คอนเฟิร์ม

สำหรับปี 2561 นี้ ได้ผ่านมาจะครบหนึ่งเดือนแล้ว ก็คงจะพอรู้กันบ้างแล้วล่ะว่า ตกลงมันดีกว่าปีเก่ากันไหม

อย่างไรก็ดี อาจจะเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่าปีนี้ดีหรือแย่กว่าปีที่ผ่านมา

เอาเป็นว่าเพื่อให้มองโลกสวย เพื่อให้มีความหวังต่อไป เรามาไล่เรียงเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเกือบหนึ่งเดือนของเดือนมกราคมนี้กันสักหน่อยดีกว่า

เรื่องดีๆ เรื่องแรก เกี่ยวกับวงการกีฬาไทย เมื่อ “น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์” นักแบดขวัญใจชาวไทย ได้ประเดิมแชมป์แรกของปีในศึก “มาเลเซีย มาสเตอร์” ไปได้อย่างตื่นเต้น ที่สำคัญเป็นชัยชนะเหนือมืออันดับ 1 ของโลก “ไต่ จื้อ อิง” ชาวไต้หวันอีกด้วย

โดยในรอบตัดเชือก รัชนกก็ได้เอาชนะคู่ปรับเก่าชาวญี่ปุ่น “อากาเนะ ยามากูชิ” ที่เคยผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาได้ เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับน้องเมย์ จนสามารถสร้างเรื่องดีๆ ให้คนไทยมีความสุขในช่วงเดือนนี้ได้ดังว่า

ขออวยพรให้ปี 2561 นี้น้องเมย์กลับมาประสบความสำเร็จ และให้เธอมีความสุขในการตีแบดมินตันในทุกรายการ คนไทยขอเอาใจช่วย

นอกจากน้องเมย์แล้ว วงการกีฬาไทยยังมีเรื่องดีๆ ให้ภาคภูมิใจอีก เมื่อนักเตะไทยได้ก้าวไปเล่นกับลีกฟุตบอลในระดับที่สูงกว่าลีกไทยหลายคน หลังจากปีที่ผ่านมา เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้เหมือนตราประทับวีซ่าให้นักเตะคนอื่นก้าวตาม ด้วยการทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีม “คอนซาโดเล ซัปโปโร” ในเจลีก 1 ของญี่ปุ่น

โดยปีนี้ เป็นทีของ 2 ธี คือ “มุ้ย-ธีรศิลป์ แดงดา” กับ “อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน” มุ้ยนั้นไปเล่นให้กับทีม “ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า” ส่วนอุ้มนั้นไปเล่นกับ “วิสเซล โกเบ” ซึ่งอยู่ในเจลีก 1 ทั้งคู่ โอกาสที่ 3 นักเตะอดีตเพื่อนร่วมทีมเอสซีจี เมืองทอง จะได้เจอกันในสนามย่อมมีแน่นอน

เท่านั้นไม่พอ ในศึกเจลีก 3 ก็มีนักเตะไทยไปแสดงฝีเท้าอีกด้วยในปีนี้ นั่นคือ “เชาว์วัฒน์ วีระชาติ” กับทีม “เซเรโซ่ โอซาก้า”

ซึ่งหากทั้งหมดสร้างผลงานได้ดี ความหวังว่านักเตะฝีเท้าดีคนอื่นๆ อาจจะได้สร้างเรื่องดีๆ เช่นนี้ให้เกิดขึ้นอีกก็เป็นไปได้สูง

ไม่หมดเท่านี้ ในลีกของยุโรป ทีม “โอเอช เลอเว่น” ของเบลเยียมก็ได้ซื้อตัว “ตอง-กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์” นายทวารทีมชาติไทยไปเฝ้าเสาไกลที่นั่น ด้วยสัญญายาว 5 ปี แม้จะมีเสียงว่าที่ดีลนี้เกิดก็เพราะเจ้าของทีมเป็นคนไทย คือตระกูลศรีวัฒนประภา เจ้าของเดียวกันกับทีมเลสเตอร์ ในพรีเมียร์ ลีกของอังกฤษก็ตาม

แต่หากฝีมือกวินทร์ไม่ถึงขั้นจริง ดีลนี้ก็ไม่เป็นจริงแน่นอน

จากเรื่องดีๆ ในวงการกีฬา ก็มาถึงเรื่องดีๆ ในแวดวงการเมืองบ้าง

คงจะไม่มีเรื่องไหนดีไปกว่าการประกาศตัวอย่างชัดเจนของ “นายกฯ ตู่” ที่จะโดดลงมาเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว โดยบอกว่าตนเป็น “นักการเมืองที่เป็นอดีตทหาร”

โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองทั้งหลาย ที่รอฟังความชัดเจนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่า “ทั่น” จะเอาไงแน่ เมื่อ “ทั่น” ประกาศออกมาอย่างนี้ก็แสดงถึงการเลือกตั้งกำลังจะใกล้เข้ามา

ยิ่งมีการยืนยันว่าไม่มีใบสั่งให้เลื่อนการเลือกตั้งจากโรดแม็ปที่วางไว้จากท่านนายกฯ เอง ก็ดูจะเป็นเรื่องดีๆ ไม่แต่เฉพาะกับนักการเมืองที่ว่า แต่กับประเทศไทยเลยล่ะ ที่จะก้าวไปข้างหน้าตามวิถีชาวโลก หลังจากสะดุดกันมากว่า 10 ปี

แต่ก็ยังเชื่อใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะได้เลือกตั้งกันเมื่อไรแน่

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีข่าวไม่สู้ดีถึงการก่อการร้ายในระดับประเทศทั่วโลกหลายหน รวมทั้งข่าวการบาดหมางทางความสัมพันธ์ของประเทศยักษ์ใหญ่ และมีอำนาจทั้งหลาย

แต่ก็พอจะมีเรื่องดีดีอยู่บ้าง เมื่อผู้นำเกาหลีเหนือตัดสินใจส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ที่จะจัดขึ้นที่เมืองพยองซัง ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ทำให้บรรยากาศความตึงเครียดระหว่างสองประเทศดีขึ้นทันตา แม้จะมีเบื้องหลังของการกระทำเรื่องดีๆ นี้ว่าเพื่อลดทอนแรงกดดันจากสหรัฐที่มีต่อเกาหลีเหนือก็เถิด

อย่างน้อยก็เป็นเรื่องดีๆ ระหว่างสองเกาหลี และเลยไปถึงประเทศอื่นๆ ที่พลอยใจหายใจคว่ำกับอารมณ์ไบโพลาร์ของผู้นำเกาหลีเหนืออยู่เป็นระยะ ที่เดี๋ยวเอะอะก็ทดลองยิงขีปนาวุธ บ่อยเหมือนดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดก้นยังงั้น

แว่วว่าเจ้าภาพเกาหลีใต้เชิญชวนให้ทั้งสองประเทศร่วมเดินขบวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ลงสู่สนามร่วมกันในวันพิธีเปิดการแข่งขันอีกด้วย หากเกาหลีเหนือตกลงคงเป็นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกของปีนี้ทีเดียวเชียว

เรื่องดีๆ ต่อมา ที่เหมือนจะเป็นเรื่องร้ายๆ ของการจราจรที่ใกล้จลาจลทุกขณะจิต ก็คือการเริ่มเดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ หลังจากเงื้อง่าราคาแพงมานาน ตั้งแต่ต้นปีแล้วที่นักเดินทางชาว กทม. เริ่มมีปัญหากับการเดินทาง เพราะช่องจราจรถูกเบียดไปใช้ในการเตรียมการก่อสร้างรถไฟฟ้าในถนนหลายๆ สาย ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นให้ใช้ได้ก็อีก 3-4 ปีโน่นแน่ะ

ที่ว่าเป็นเรื่องดีดีเพราะระบบการขนส่งระบบรางที่เมืองใหญ่ทั่วโลกใช้กัน กำลังจะเป็นจริง หลังจากวางแผน ประมูล ล้มประมูล ตั้งท่ากันมานาน ก็ถึงแก่การเคาะระฆังเสียที ซึ่งการสร้างสาธารณูปโภคนี้ทำให้เกิดการจ้างงาน และการหมุนเวียนของเม็ดเงิน ช่วยกระจายรายได้และสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ไม่น้อย

แม้คนใช้รถใช้ถนนต้องทนกับการค่อยๆ ขยับกันอีก 2-3 ปี ก็ขอให้อดทนกันหน่อยนะครับ ถนนลาดพร้าวหน้าบ้านผมก็เริ่มปิดตรงเกาะกลางเป็นบางจุดแล้ว ไปไหนทีต้องเผื่อเวลามากขึ้น แม้ว่ากว่าจะได้ใช้ก็อาจจะไม่ได้อยู่ กทม. แล้วก็เป็นได้ ก็ยังเห็นเป็นเรื่องดีๆ ของคนกรุงเรื่องหนึ่ง

เรื่องดีๆ เรื่องสุดท้ายที่จะกล่าวถึง คือเรื่องที่คนไทยเรามีน้ำใจมากขึ้นนั่นเอง

สรุปเอาความได้จากการที่เนื้อข่าวรายงานว่า คนใหญ่คนโตของประเทศที่กำลังตกเป็นเป้ากระสุนตกนั้นท่านมีเพื่อนฝูงดีดีมีน้ำใจงาม อนุญาตให้เพื่อนอย่างท่านหยิบยืมนาฬิกาแพงๆ มาใส่ได้โดยไม่คิดอะไรมาก

นี่หากไม่มีน้ำใจกันจริงๆ คงไม่ยอมให้กันขนาดนี้

เพราะนาฬิกาที่ให้ยืมไม่ใช่เรือนละร้อยสองร้อย แต่เป็นหลักแสนหลักล้าน

อย่างนี้แล้วจะไม่ให้เรียกว่าเป็นเรื่องดีๆ ได้ยังไงล่ะครับท่านผู้อ่าน

ว่าแต่ใครอยากสนับสนุนเรื่องดีๆ โดยการให้ผมยืมนาฬิกาแพงๆ แหวนเพชรหรูๆ บ้างก็ยินดีนะครับ รับรองว่าจะใส่มันยันเข้านอน พร้อมฝันถึงให้อีกต่างหาก เอ้า