ผู้ว่าฯ ลพบุรี แจงกรณี เจ้าหนี้โหดบุกทำร้ายร่างกายลูกหนี้ขณะเดินซื้อกับข้าวภายในวัดไลย์ บริเวณบ่อเลี้ยงเต่าหน้าพิพิธภัณฑ์ โดยขณะนี้ฝ่ายปกครองบูรณาการร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้าน

ผู้ว่าฯ ลพบุรี แจงกรณี เจ้าหนี้โหดบุกทำร้ายร่างกายลูกหนี้ขณะเดินซื้อกับข้าวภายในวัดไลย์ บริเวณบ่อเลี้ยงเต่าหน้าพิพิธภัณฑ์ โดยขณะนี้ฝ่ายปกครองบูรณาการร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเจ้าหนี้ หากพบหลักฐานเพิ่มเติม จะดำเนินคดีทุกข้อหาอย่างเด็ดขาด ไม่มีละเว้น พร้อมย้ำเตือนประชาชน หากมีเบาะแสการกระทำผิดทุกเรื่อง แจ้งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

วันนี้ (22 พ.ค.67) นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยกรณีปรากฏการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อมวลชนว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายจากการทวงหนี้โหด กรณีเจ้าหนี้โหดบุกทวงหนี้ลูกหนี้ขณะเดินซื้อกับข้าวภายในวัดไลย์ บริเวณบ่อเลี้ยงเต่าหน้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ตนได้สั่งการให้นายอำเภอท่าวุ้งพร้อมด้วยปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ได้นำกำลังปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และ สมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอท่าวุ้งที่ 7 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใต้การนำของพลตำรวจตรี โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พันตำรวจเอก ภูการวิก โชติกเสถียร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าโขลง พร้อมผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

“จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ผู้เสียหาย คือ น.ส. ขวัญใจ (สงวนนามสกุล) และสามี (ลูกหนี้) ถูกคู่กรณี คือ นายทัศน์กรณ์ (สงวนนามสกุล) และนางสุจิตราภา (สงวนนามสกุล) สองสามี-ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณบ่อเลี้ยงเต่าหน้าพิพิธภัณฑ์ วัดไลย์ หมู่ที่ 10 ต.เขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง และต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าโขลงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย” นายอำพล กล่าว

นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลที่ผู้เสียหายได้ให้การกับพนักงานสอบสวนทำให้ทราบว่า เมื่อประมาณกลางปี 2566 ผู้เสียหายได้กู้ยืมเงินจาก นางสุจิตราภา (สงวนนามสกุล) และนายทัศน์กรณ์ (สงวนนามสกุล) เป็นจำนวนเงินรวม 8,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งผู้เสียหายได้ชำระหนี้ไปแล้วเป็น จำนวนเงิน 12,000 บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ย แต่เจ้าหนี้แจ้งว่ายังไม่ครบตามยอด เหลือเงินอีก จำนวน 3,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายยังไม่มีเงินไปชำระหนี้ จนกระทั่งเจ้าหนี้ได้พบผู้เสียหายที่กำลังเดินทางมาเที่ยวงานประจำปีวัดไลย์ จึงได้เข้ามาทวงหนี้และทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหนี้ จำนวน 4 ข้อหา คือ 1. ประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยผิดกฎหมาย 2. เรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด 3. ผิด พ.ร.บ.ทวงหนี้ (การทวงหนี้) และ 4. ทำร้ายร่างกาย และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้เสียหายไม่มีข้อมูลการลงทะเบียนในระบบของกรมการปกครองแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ฝ่ายปกครองได้ร่วมกับกองบังคับการสืบสวนสวนภูธรภาค 1 นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเจ้าหนี้ เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม และป้องกันไม่ให้มีการก่อหนี้นอกระบบหรือกระทำผิดกฎหมายซ้ำอีก

“จังหวัดลพบุรีมุ่งมั่นดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอด โดยบูรณาการกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทำงานมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มุ่งเน้นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของลูกหนี้นอกระบบให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประสานสถาบันทางการเงินเพื่อปล่อยเงินกู้ การพัฒนาทักษะอาชีพ การจัดทำบัญชีครัวเรือน การจัดทำเมนูแก้จน เป็นต้น สำหรับด้านการป้องกันและปราบปรามนั้น ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินหน้าจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการกู้หนี้นอกระบบมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีผลงานที่เห็นอย่างเป็นประจักษ์ ในหลาย ๆ กรณี จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าทางราชการจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างเต็มกำลังความสามารถ และหากพี่น้องประชาชนมีข้อเดือดร้อนหรือต้องการรับความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใด ๆ แจ้งได้ที่ สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข