เจาะลึก “ครอบครัวน้องเมย” พบกันครั้งแรก “บก.กองทัพไทย” หวิด “วงแตก-วอล์กเอาต์”!!

ครอบครัวของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ “น้องเมย” ที่เสียชีวิต นำโดย นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ คุณพ่อ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ คุณแม่ น.ส.สุพิชชา ตัญกาญจน์ หรือ “พี่เมี่ยง” พี่สาวน้องเมย พร้อมคุณลุงและคุณน้าของน้องเมย เข้าพบ พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของ “น้องเมย” เพื่อฟังผลการสอบสวนจากคณะกรรมการ ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ตอนเวลา 11.00 น. ตามที่ได้มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า

ซึ่งทิ้งระยะเวลา 1 เดือนกว่า หลังคณะกรรมการได้แถลงผลการสอบสวนตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2560

โดยในครั้งนั้นคณะกรรมการได้แถลงผลว่า “น้องเมย” เสียชีวิตจากอาการ “หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน” และไม่ได้ถูกทำร้ายหรือซ่อม

วันนั้น ก่อนการเข้าพบคณะกรรมการ นางสุกัลยา คุณแม่น้องเมย ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย

โดยได้นำรูปภาพน้องเมยสวมชุดนักเรียนเตรียมทหารมา และตั้งไว้ด้านหน้าตนเองขณะสักการะ พร้อมกับนำรูปเข้าไปในห้องที่ฟังการชี้แจงผลการสอบสวนด้วย

โดยคุณแม่น้องเมยเปิดเผยว่า ครอบครัวมาฟังการชี้แจงจากคณะกรรมการ ไม่ได้เตรียมอะไรมาเพิ่มเติม ส่วนยังติดใจประเด็นใดอยู่หรือไม่นั้น ยังติดใจหลายประเด็น

ส่วนจะดำเนินคดีฟ้องร้องกองทัพไทยต่อหรือไม่ ให้ถาม “น้องเมี่ยง” ตัวแทนครอบครัวที่จะเป็นผู้ให้รายละเอียดต่างๆ

ต่อมาเวลา 11.30 น. หลังจากครอบครัวได้เข้าพบคณะกรรมการ โดยใช้เวลาเพียง 30 นาที ซึ่งยังไม่มีการชี้แจงผลสรุปใดๆ เพราะคณะกรรมการไม่อนุญาตให้คุณลุงและน้าของน้องเมยเข้ารับฟัง จึงทำให้ครอบครัวของน้องเมยไม่ขอรับฟังการชี้แจง

ซึ่ง น.ส.สุพิชชาระบุว่า “ไม่เข้าใจทำไมกรรมการที่เปิดเผยข้อเท็จจริง ที่โปร่งใส ทำไมไม่ให้ลุงและน้าเข้าไป เพราะเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เด็กด้วยกัน”

นางสุกัลยากล่าวว่า “ทางญาติที่เดินทางเข้ามาร่วมฟังผลการสอบสวนเป็นคนที่ช่วยกันเลี้ยงน้องเมยมา เมื่อไม่ให้ร่วมฟังกันทั้งหมด ครอบครัวของเราก็ไม่ขอฟัง และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากเรียกมาฟังอีกครั้ง ก็ขอให้ทางญาติได้เข้าร่วมฟังผลการสอบสวนทั้งหมด ไม่ขอเข้าฟังอย่างลับๆ อยากให้การฟังผลการสอบสวนของน้องเมยนั้นเปิดเผยแก่สาธารณชน ต่อจากนี้จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเต็มที่”

นายพิเชษฐ พ่อของน้องเมย ได้สั่งให้ครอบครัวขึ้นรถและให้ยุติการให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยความไม่พอใจ โดยได้ขับรถกระบะออกจากกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อกลับ จ.ชลบุรี ทันที

แต่ออกไปได้ไม่เกิน 10 นาที คุณพ่อน้องเมยได้ขับรถกลับเข้ามาอีกครั้ง หลังคณะกรรมการอนุญาตให้เข้าฟังได้ทุกคน

ด้วยอารมณ์ที่นิ่งขึ้นของทุกคน

ภายหลังการเข้ารับฟังผลการสอบสวนนานกว่า 2 ชั่วโมง 15 นาที ประมาณ 13.50 น.

น.ส.สุพิชชากล่าวเพียงสั้นๆ ระหว่างเดินไปขึ้นรถกลับว่า วันนี้เดินทางมาฟังผลการสอบสวนของคณะกรรมการ ได้เพียงข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น ยังไม่ชัดเจน จึงไม่สามารถตอบคำถามได้

ในส่วนการดำเนินการทางกฎหมาย ยังคงยืนยันว่าจะดำเนินการต่อไป

จากนั้นเวลา 14.30 น. ด้าน พล.อ.อ.ชวรัตน์ ประธานคณะกรรมการสอบสวน เปิดเผยว่า วันนี้ครอบครัวของน้องเมยมาพูดคุยในประเด็นที่คาใจและสงสัย โดยเฉพาะสาเหตุการเสียชีวิต รวมถึงรอยช้ำ

แต่ไม่ได้มีเอกสารหรือหลักฐานใดๆ มามอบให้

บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี ไม่มีการกดดัน

แต่ที่ครอบครัวมีสีหน้าเคร่งเครียด อาจเป็นเพราะเหนื่อย เนื่องจากยังไม่ได้รับประทานข้าว ทั้งนี้ ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีการพูดคุยกันอีกรอบหรือไม่ แต่มีการนัดหมายว่าจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อเปิดช่องทางคุยกันมากขึ้น

พร้อมยืนยันไม่ได้ขอร้องให้ทางครอบครัวงดให้สัมภาษณ์กับสื่อ

อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.ชวรัตน์เปิดเผยว่า ทางครอบครัวแจ้งความประสงค์ขอเอกสารผลการสอบสวน แต่ยังไม่ได้ดูอย่างละเอียดว่าขอในส่วนของโรงเรียนเตรียมทหารหรือส่วนใด หลังจากนี้คณะกรรมการจะมีการพูดคุยถึงผลชันสูตรของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กับความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นเป็นอย่างไร เนื่องจากคณะกรรมการหลายคนยังไม่เห็นข้อมูลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

อีกทั้งต้องการให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยอมรับของทั้ง 2 ฝ่าย โดยไม่ได้ขีดเส้นการตรวจสอบว่าถึงเมื่อใด แต่จะทำโดยเร็วที่สุด ซึ่ง พล.อ.อ.ชวรัตน์ระบุอีกว่า ตนเชื่อว่าทางครอบครัวน่าจะยังติดใจอยู่ แต่สื่อคงต้องไปถามรายละเอียดเอง ขอยืนยันว่าคณะกรรมการชี้แจงในทุกคำถามแล้ว

“ยืนยันว่า เราไม่ได้กดดันอะไรครอบครัว และครอบครัวก็ไม่ได้ยื่นข้อเสนออะไร ผมก็หวังว่าเรื่องนี้จะยุติลงด้วยดี และความเข้าใจบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน” พล.อ.อ.ชวรัตน์กล่าว

สําหรับโปรไฟล์ของ พล.อ.อ.ชวรัตน์นั้น ได้รับการแต่งตั้งจาก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว

โดย พล.อ.อ.ชวรัตน์ เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 17 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ธารไชยยันต์ ด้วย

อีกทั้งเคยเป็น รอง เสธ.ทอ. และหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา กองบัญชาการกองทัพอากาศ ก่อนจะข้ามมาเป็นรองเสนาธิการทหาร ที่กองบัญชาการกองทัพไทย

ด้านครอบครัวของ “น้องเมย” เปิดเผยเพิ่มเติมภายหลังออกจากกองบัญชาการกองทัพไทยว่า วันนี้ได้นำเอกสารและข้อมูลลับที่ทางครอบครัวได้ไปรวบรวมมา เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด, ผลชันสูตรร่างกายจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และรูปภาพรอยฟกช้ำตามร่างกายของน้องเมย ที่เกิดจากการถูกทำร้ายร่างกาย มอบให้กับคณะกรรมการทั้ง 11 คนดู

ซึ่งคณะกรรมการทุกคนได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่เคยเห็นหลักฐานที่ทางครอบครัวได้นำมาให้ดู

โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดและผลจากทางนิติวิทยาศาสตร์

ทางครอบครัว “น้องเมย” ยังเปิดเผยอีกว่า ทางคณะกรรมการไม่สบายใจและจะรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอให้กับทางผู้บัญชาการทหารสูงสุดพิจารณาผลการเสียชีวิตต่อไป

พร้อมกล่าวว่า กองทัพรับรู้ข้อมูลเพียงแค่ฝ่ายเดียวและไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับทางครอบครัวเลย ซึ่งในวันนี้หลักฐานที่ทางครอบครัวได้ให้ดูมีประโยชน์ต่อรูปคดีมาก โดยยืนยันจะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ว่าข้อมูลในส่วนไหนที่ถูกปกปิด

หลังจากที่เห็นภาพถ่ายรอยฟกช้ำซึ่งเกิดจากการถูกทำร้ายนั้น ได้ทราบรายชื่อของกลุ่มที่ทำร้ายร่างกายแล้ว จากการตรวจสอบพบว่ามีประมาณ 30 คน

โดยรายชื่อที่ทางครอบครัวได้นำมามอบให้กับคณะกรรมการ เป็นรายชื่อเดียวกับที่ทางคณะกรรมการมี

แต่ขาดเพียงหลักฐานเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งอย่างละเอียด และคณะกรรมการได้สอบถามครอบครัวว่ามีบุคคลใดที่ต้องการอยากให้สอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งทางครอบครัวก็ได้ให้รายชื่อไป หลังจากนั้นก็จะทำการสอบสวนเพิ่มเติมด้วย

การสืบหา “ข้อเท็จจริง” กรณีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” ยังคงดำเนินต่อไปของทั้ง 2 ฝ่าย ผ่านหลักฐานและกระบวนการตามกฎหมาย ความคืบหน้าครั้งนี้ถือว่า “สำคัญ” เพราะเป็น “ครั้งแรก” ที่ “ครอบครัวตัญกาจน์” และ “บก.กองทัพไทย” ได้พบกันอย่างเป็นทางการ และจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยในอนาคต ทั้งหมดนี้เพื่อให้ “ความยุติธรรม” กับทุกฝ่าย

ขอให้ “ความจริง” กระจ่าง เพื่อคลายความ “สงสัย” ของสังคม