แมลงวันในไร่ส้ม / สุทธิชัย หยุ่น อำลา ยุติคอลัมน์ใน น.ส.พ. เดินหน้าต่อในนิวมีเดีย

แมลงวันในไร่ส้ม

สุทธิชัย หยุ่น อำลา ยุติคอลัมน์ใน น.ส.พ. เดินหน้าต่อในนิวมีเดีย

ผ่านพ้นปีใหม่ 2561 ความเปลี่ยนแปลงในวงการสื่อยังเป็นประเด็น

มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ค่ายเนชั่น ได้มีการจัดจิบน้ำชา กาแฟยามบ่าย เลี้ยงอำลา “สุทธิชัย หยุ่น” ที่ปรึกษากองบรรณาธิการเครือเนชั่น

นอกจากพนักงานในเครือเข้าร่วมมอบดอกไม้อำลาสุทธิชัยแล้ว ยังมีบรรดาอดีตพนักงานเนชั่นที่ไปทำงานในสำนักข่าวอื่นๆ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ที่น่าสนใจ ได้แก่ ช่วงเวลาที่สุทธิชัยกล่าวเปิดใจกับพนักงานเนชั่น

โดยระบุว่า จะทำงานกับเครือเนชั่นไปจนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2561 ซึ่งตรงกับวันนักข่าว

จากนั้นจะทำงานสื่อต่อไปในพื้นที่ของตนเอง เช่น เฟซบุ๊กไลฟ์

สุทธิชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ริเริ่มงานด้านสื่อไว้กับเนชั่นมากมาย

ขอให้พนักงานเนชั่นทุกคนมุ่งมั่นทำงานต่อไปอย่างสื่อมืออาชีพ โดยให้ยึดธรรมนูญเนชั่น หรือที่ชาวเนชั่นเรียกว่า “The Nation Way ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา” เป็นหลักปฏิบัติต่อไป

ในช่วงที่กล่าว สุทธิชัยได้ชูคู่มือหลักจริยธรรมของคนข่าวเครือเนชั่น หรือที่เรียกว่า Nation Way พร้อมกล่าวว่า

ผมบอกกับทุกคนได้ว่า จงภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของเนชั่น หรือเคยเป็นส่วนหนึ่งของเนชั่น ว่านี่คือสถาบันที่เราตื่นเช้าทุกเช้า แล้วบอกกับตัวเองได้ว่าเราเป็นสื่อมีศักดิ์ศรี

ไม่เคยมีใครสั่งเราให้เขียน หรือไม่เขียน รายงาน หรือไม่รายงานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ตั้งแต่วันแรกของเนชั่นจนถึงวันนี้ ทุกคนที่ผ่านที่นี่มา และที่ยังอยู่จะรู้ว่าสิ่งที่เป็นจิตวิญญาณที่สำคัญที่สุดของความเป็นเนชั่น คือ การที่ไม่มีใครสั่งให้เราทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมได้ ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียว

และทุกครั้งที่เราสูญเสียอิสรภาพในการทำงาน เราฟื้นกลับมาอีกครั้ง และทุกครั้งที่เราฟื้นจากวิกฤต เราจะแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน

อีกตอนหนึ่ง สุทธิชัยกล่าวว่า พลังของการเป็นสื่ออิสระมีค่าอย่างที่จะอธิบายไม่ได้

ทำไมคนเนชั่นต้องทำงานหนัก ต้องเคร่งครัด ทำไมเราต้องมีเล่มเล็กๆ นี้ แล้วทำไมเราถึงต้องประกาศว่า ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา

มีคนบอกว่าเราอหังการ มีคนบอกว่าเราน่าหมั่นไส้ ก็ตอนที่เราออกกติกาว่าด้วยจริยธรรมให้แก่นักข่าวทุกคน บรรณาธิการทุกคน เพราะเป็นพันธกรณีกับสังคม

ถ้าเราผิดจากกติกาข้อไหน กรุณารายงานและลงโทษเราด้วย เราอาจจะเป็นสื่อเดียวในประเทศไทยที่ร่วมกันตั้งขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณของคนข่าว ไม่ใช่นายทุน

ไม่ใช่คนมีเงินคนใดคนหนึ่งอยากจะเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ เจ้าของสื่อ แล้วมาบอกว่า ผมจ้างพวกคุณทำ แล้วแนวหนังสือพิมพ์ต้องเป็นไปตามที่นายทุนต้องการ ไม่มีครับ แล้วเรารักษามันประดุจชีวิตของเราจริงๆ ตลอดเวลา

ผมหวังว่าเราจะมีภูมิต้านทาน ความพร้อมที่จะปรับตัวจากนี้ไป สำหรับทุกคนที่ยังต้องเดินเส้นทางนี้ต่อไป

สุทธิชัยกล่าวด้วยว่า คนทำสื่อในเครือเนชั่นมีความตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าสังคมคาดหวังมาตรฐานจริยธรรมของคนทำข่าวสูงกว่าผู้คนในหลายอาชีพ

และในฐานะที่อาสามาเป็นผู้เสาะแสวงหาข้อมูลข่าวสารมืออาชีพ ถือว่าไม่มีอะไรมีค่ามากกว่าความน่าเชื่อถือของสังคมโดยส่วนรวม

และความน่าเชื่อถือที่มั่นคงถาวรย่อมมาจากการมีหลักปฏิบัติ มีจริยธรรมที่ถือเอาความถูกต้องเที่ยงธรรม ยุติธรรมและความรอบด้านของการทำหน้าที่ของเราอย่างมุ่งมั่น โปร่งใส สอดคล้องกับทำนองคลองธรรมแห่งสื่อมวลชนที่อิสระเสรีและรับผิดชอบ

สุทธิชัยกล่าวว่า จะยุติการทำงานหน้าจอเนชั่นทีวีนับแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ และจะเขียนคอลัมน์ “กาแฟดำ” ชิ้นสุดท้ายในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 จากนั้น จะสื่อสารผ่านทางเฟซบุ๊ก “Suthichai Yoon” แทน

ปฏิกิริยาต่อการอำลาของ สุทธิชัย หยุ่น เป็นไปอย่างหลากหลาย

ฉาย บุนนาค ที่นำทีมเข้าซื้อหุ้นของเนชั่น จนมีการปรับเปลี่ยนการบริหาร โพสต์ข้อความแสดงความอาลัย

แฟนคลับเนชั่น โพสต์แสดงความอาลัย และยกย่องบทบาทที่ผ่านมาของสุทธิชัยว่าเป็นสื่อมืออาชีพที่ซื้อไม่ได้

แต่อีกมุมหนึ่ง คือเสียงวิจารณ์ในเชิงลบ เนื่องจากบทบาทและจุดยืนของสื่อหลายค่าย โดยเฉพาะในห้วงเวลาการชุมนุมชัตดาวน์ขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ลงเอยด้วยการรัฐประหาร

ก่อนจะกลายเป็นบูมเมอแรง ที่ย้อนกลับมาทำร้ายวงการสื่อโดยรวม

“ใบตองแห้ง” คอลัมนิสต์ดัง โพสต์ในเฟซบุ๊ก Atukkit Sawangsuk ตอนหนึ่งว่า

“ฉากสุดท้าย” คงอยากไปอย่างหล่อ อวดอดีตยุคต้านเผด็จการ ต้านทักษิณ แต่แหม ถ้าต้านเผด็จการจริง ไหงไปเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ให้รัฐบาลทหารชุดนี้ (และได้เข้าไปทำช่อง 5 หลังรัฐประหาร 2549)

พอดี๊ๆ Sunida Kitiyakara ผู้ร่วมก่อตั้งเนชั่น มาโพสต์เล่าอดีตสมัย 14 ตุลา ในโพสต์ก่อนของผม ก็เอาไปอ่านเทียบกันนะ

เรื่องตลกสำหรับผมคือ สุทธิชัยคุยฟุ้งถึงอดีต อวดอ้างความเป็นมืออาชีพ เป็นสื่ออิสระ ไม่มีใครสั่งได้ ฯลฯ (อิศรายังยกก้นให้ The Last Journalist)

ทั้งที่ความจริงวันนี้คือ คุณพ่ายแพ้ทางธุรกิจ จนต้องเดินออกจากธุรกิจที่ก่อตั้งมา ซึ่ง 2 เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันเล้ย

หนำซ้ำ ถ้าใครพอรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังการเทกโอเวอร์ ก็จะรู้ว่ารนหาที่เองด้วยซ้ำ คิดว่าตัวเองเจ๋งเรื่องหุ้น เรื่องการเงิน หารู้ไม่ว่าโดนตลบหลัง พอๆ กับการทำธุรกิจ ประมูลทีวีเข้าไปตั้ง 2 ช่อง ซื้อ ม.โยนกมาทำ ม.เนชั่น สอนวิชาสื่อที่กำลังจะตาย พอเจ๊งก็ไปกันใหญ่

สุทธิชัยอาจพอเหลือชื่อในวงการสื่อกับวงการนกหวีด แต่ที่บอกว่าต้านเผด็จการ จบแล้วครับ คนจะจำไปอีกอย่าง ในทางธุรกิจก็ย่อยยับ

สำหรับโพสต์ของ Sunida ผู้ก่อตั้งเนชั่น กล่าวถึงการนำเสนอข่าว 14 ตุลาฯ

ที่ในกอง บ.ก. เกิดความคิดแตกต่างว่าจะเสนอข่าวหรือไม่เสนอข่าว

ก่อนจะลงเอยด้วยการเสนอข่าว

นั่นคือเกร็ดประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม 2516 บางส่วน จากผู้อยู่ในเหตุการณ์

เมื่อวงการสื่อเดินมาถึงจุดที่นิวมีเดีย กำลังเบียดแซงสื่อเก่า

การกล่าวอ้างแบบเดิมๆ การอ้างข้อมูลหรือความเห็นแบบเดิมๆ ทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสื่อสมัยใหม่เปิดโอกาสให้บุคคลต่างๆ เข้ามามีส่วนแสดงความเห็น ทักท้วงหรือสนับสนุนข้อมูลที่นำเสนอได้ตลอดเวลา

การอ้างหลักการแต่มีแนวการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องก็อาจถูกตรวจสอบได้ทันที

ความเสื่อมของสื่อทุกหนแห่งจึงเกิดขึ้นได้ทันที หากไม่มีการปรับตัว

การจากลา หรือฉากสุดท้าย เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้น

อาจหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่จะจากลาอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง