ผู้ถูกพิชิต | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

ผู้ถูกพิชิต

 

ใน เวทีมติชนฟอรั่ม ‘Thailand 2024 : Surviving Geopolitics’ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ยกคำ 2 คำ มากล่าวถึง

คือ Fear and Anxiety (ความกลัวและกังวล)

ซึ่งGeopolitics ในระดับโลก กำลังมีการกลัวและกังวลที่จะเกิดสงครามในภูมิภาคต่างๆที่อาจลามเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้

ส่วน ภูมิรัฐศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะในภาคการเมือง มีภาวะ Fear and Anxiety เช่นกัน

เป็นภาวะกลัวและกังวลที่เกิดขึ้นในกลุ่มปีกขวาจัด ที่เร่มระแวงว่า “ระบอบทักษิณ” ที่แม้วันนี้ จะเป็นแนวร่วมตั้ง “รัฐบาลพิเศษ”กับฝ่ายขวาแล้ว

แต่กระนั้น ระบอบทักษิณ ดูเหมือนจะ”รุกทางทางการเมือง” ในทุกกระดาน

จนเหมือนจะ”กินรวบ”การเมืองไทยอีกครั้ง

จึงนำไปสู่การเคลื่อนไหวส่งสัญญาณเตือน ไปจนถึงปฏิบัติ “เตะตัดขา”ขึ้น

ที่ชัดเจน คือกรณี 40 ส.ว.ยื่นตีความพฤติกรรมของนายพิชิต ชื่นบานและนายเศรษฐา ทวีสิน

อันนำไปสู่การสั่นไหวทางการเมือง อย่างคาดไม่ถึง

พร้อมกันนั้น กลุ่มปีกขวาจัด ของไทย ที่ยังมีแนวคิด “ล้าหลัง” มากกว่า”ก้าวหน้า”

ได้หวนกลับไปสู่การใช้”ยุทธวิธีเดิมๆ”คือ ปลุกกระแส”รัฐประหาร”ขึ้นมาอีกครั้ง

อาจารย์ สุรชาติ บำรุงสุข ระบุก่อนหน้านี้ในบทความที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2567ในเว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์ ว่า กลุ่มขวาจัดสุดโต่งสร้าง “กระแสรัฐประหาร” โดยไปหยิบเรื่องที่เป็นข้อถกเถียงในสังคนมาเป็นประเด็นในการเคลื่อนไหว

เช่น ปัญหาเงินดิจิทัล ปัญหาความเห็นต่างระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ปัญหาบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร

รวมถึงการหยิบคำพูดของนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีกลาโหม ที่เสนอว่า กองทัพอาจจะซื้อข้าวจากกรณีจำนำข้าวที่ถูกเก็บไว้นับตั้งแต่รัฐประหาร 2557 มาเลี้ยงกำลังพล

เป็นดราม่าในโลกออนไลน์ ทำนองทหารมีหน้าที่ปกป้อง ‘สถาบัน’ ไม่ใช่ปกป้อง รัฐบาลข้าวเน่า‘ เป็นต้น

ทั้งนี้ การปลุกกระแสดังกล่าว ก็เพื่อฝ่ายขวาจัด หวังจะสร้างทัศนะในกองทัพให้มีทิศทางไปในทางเดียวกับฝ่ายตนในการต่อต้านรัฐบาลพลเรือน

และยังหวังที่จะดึงคนกลางๆ ที่อาจไม่พอใจกับนโยบายรัฐบาล ให้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวอีกครั้ง

อย่างน้อยการตั้งเวทีการชุมนุม”คา”ไว้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลตอนนี้คือ คำยืนยันถึงความพยายามในดังกล่าว

ต้องไม่ลืมว่า ข้อเสนอสำคัญหนึ่งของม็อบที่ทำเนียบ อันประกอบด้วย เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม

คือการยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการ(กกต.)ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ นายพิชิต ชื่นบาน

และเรียกร้อง ให้นายเศรษฐา ในฐานะ นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบ ด้วยมีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเสียก่อน

แต่การไม่ตรวจให้ดีและทูลเกล้าฯ รายชื่อผู้ที่มีปัญหาทางจริยธรรมให้ดำรงรัฐมนตรี เท่ากับว่า นายกรัฐมนตรีกระทำผิดมาตราฐานจริยธรรมด้วย

ซึ่งสอดประสานกับการที่ 40 ส.ว. ยื่นเรื่องผ่านประธานรัฐสภา ให้ศาลรัฐธรรมนุญ ตีความ ในประเด็นเดียวกัน

ซึ่งที่สุด “ผล”ก็ออกมา ในทางที่สั่นสะเทือนรัฐบาลรุนแรง อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้

แน่นอนว่า ด้านหนึ่งเป็นการ รุกกลับของฝ่ายปีกขวา ที่กลัวและกังวล ฝ่ายระบอบทักษิณ จะหวนกลับคืนมามีอำนาจอีกครั้ง

แต่กระนั้น อีกด้าน ฝ่ายทักษิณ ฝ่ายเพื่อไทย รวมถึงฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องคิดและทบทวนว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการทางการเมืองอยู่ขณะนี้

เปิดช่อง-เปิดจุดอ่อน-สร้างเงื่อนไข ให้ฝ่ายขวารุกกลับ

จนทำให้เพื่อไทยและรัฐบาล ตกอยู่ในสภาพ “ผู้ถูกพิชิต”อย่างไม่คาดฝันหรือไม่

—————-