จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 19-25 มกราคม 2561

จดหมาย

0 แฟนเก่าร้องเรียน (1)

ดิฉัน แฟนเก่าเก็บ จากลาสเวกัส
มาเมืองไทยอีกครั้ง
ถูกห้ามอย่างเด็ดขาด จากน้องดิฉัน 2 คน ยศนายพลเรือ ห้ามวิจารณ์ใครๆ ทั้งนั้น
เขาบอกว่าเขาเอาจริงนะเจ๊ ขอให้สงบปากสงบคำ
ดิฉันก็ต้องทำตามเขา
เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตนเอง
ไว้ไปบรรเลงเวทีการเมืองของไทยที่อเมริกาโน่น อิสระ เสรี
วันนี้ขอพูดเรื่องเกษตรกรก็แล้วกัน
เมื่อปีก่อนๆ คนรู้จักกันไปเปิดร้านขายไม้ดอกไม้ประดับ ในงานเกษตร จัดโดยมหาวิทยาลัยใหญ่
ได้เห็นอะไรก็เลยมาเล่าสู่กันฟังเพราะดิฉันไปลองช่วยเขาขาย
ชีวิตคนไทยไม่มีทางเลือก เศรษฐกิจไม่ดี
ยอมเสียค่าเช่าร้านปีก่อน 15,000 บาท ต่อ 1 ร้าน ในเวลา 10 วัน
มาปีนี้ เขาก็จัด แต่ค่าเช่าร้านปีนี้ ขึ้นเป็น 17,000 บาท
ถ้าร้านอาหารก็เพิ่มขึ้นอีก 5,000 บาทต่อร้าน
คนขายต้องได้กำไรวันละ 1,700 บาทถึงจะพอค่าใช้จ่าย
ค่ากิน ค่าจ้างคนงาน ขนของ คนขาย ค่าอาหาร ร้านแบ่งเป็นโซน เอ บี ซี มีร้านเป็นร้อยๆ ร้าน
ลองไปดูเถอะ จะได้เห็นกับตา
ของแพงกว่าข้างนอก เพราะค่าเช่าแพง
ไม่ได้เป็นการส่งเสริมการเกษตร พ่อค้าแม่ค้าจะขายได้หรือไม่ได้ เจ้าของสถานที่ไม่สน เก็บค่าเช่าล่วงหน้าเป็นก้อนไปแล้ว หลายล้านบาท
แถมมิหนำซ้ำ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม นิสิต-นักศึกษา เอามาเร่ขาย เปิดร้านแข่งอีก ชมรมต่างๆ เดินถือป้าย ขอบริจาคจากร้านค้า จากประชาชนทุกวัน
คนไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า ต้องไปกู้ยืมเงินมา เผื่อขายไม้ดอกไม้ประดับได้เงินมาบ้าง ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ เขาว่างั้น
ที่ดูเอาเปรียบพ่อค้าแม่ค้าก็คือ ไม่จัดสถานที่บรรเทาทุกข์ให้เลย
ตึกทุกตึก ทุกคณะ เก็บค่าเช่าห้องน้ำ ครั้งละ 3 บาท
คูปอง ใบเสร็จไม่มี ดิฉันถามคนเก็บว่า เอาเงินไปไหน เขาตอบว่า เข้าทรัพย์สิน ไม่รู้ว่าทรัพย์สินของใคร
น้ำ-ไฟของรัฐ แต่เก็บค่าห้องน้ำ 3 บาท ค่ากระดาษชำระต่างหาก
สตง. เคยทราบบ้างไหม
แต่ละร้านมีคนขายประจำอย่างน้อย 2 คน ร้านมีเป็นร้อยๆ ร้าน คนหนึ่งเข้าห้องน้ำ ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม เฉลี่ยเข้าห้องน้ำอย่างน้อยสุด 3 ครั้ง ต่อวัน ต่อคน
ถ้าคนเป็นเบาหวาน ต้องเข้าบ่อยกว่านี้
อย่างนี้จะเรียกว่าอะไร ไม่ได้ส่งเสริมเกษตรกรเท่าไหร่หรอกไปดูได้เลย
ไม่ว่าจะจัดที่มหาวิทยาลัยหรือศูนย์การค้าต่างๆ ก็อีหรอบเดียวกัน แต่ศูนย์การค้าไม่เก็บค่าเข้าห้องน้ำ แต่ค่าเช่าก็แพงเช่นกัน
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ รู้เห็นเหตุการณ์ด้วยตนเอง
ดิฉันอยากให้มติชนสุดสัปดาห์ เป็นสื่อกลางให้คนที่เป็นผู้ใหญ่ได้รับรู้ว่า การจัดงานไม่ได้ส่งเสริมเกษตรกรเท่าใด
กรรณิการ์
LAS VEGAS, USA

ชอบกรรณิการ์ ตรงที่เท้าติดดินนี่แหละ
ไม่มีมาด “สาวเมืองนอก”
กลับบ้านก็มาช่วยเพื่อนทำมาหากิน
ทำให้รู้ข้อมูลดีๆ
ซึ่งก็คงเดาไม่ยากว่า “งานไหน”
หากมหาวิทยาลัยจะมีคำชี้แจงและความจำเป็นอย่างไร ก็เชิญ
โดยเฉพาะเรื่องการช่วย “เกษตรกร”
จะเฉไฉพากรรณิการ์ไป “ตลาดประชารัฐ”
ดูซิจะยังมีอะไร “ท้วง” ไหม
แต่น้องๆ ระดับนายพลเรือก็ห้ามกรรณิการ์ไว้เสียแล้ว (ฮา)

0 แฟนเก่าร้องเรียน (2)

อีตา “ปิยพงศ์” ทำมาหากินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต
ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ มีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง
เก็บฝากธนาคาร เอาดอกเบี้ยมาใช้จ่ายยังชีพประจำวัน
ได้ดอกร้อยละบาทกว่าๆ ต่อปี หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ไม่พอกิน ต้องเหนื่อยหาเงินตอนแก่ประทังชีวิตกันต่อไป
สองสามวันก่อน ไปโอนเงิน จากลำพูนเข้าเชียงใหม่ ชำระหนี้ประจำเดือน 1,000 บาท
ธนาคารคิดค่าธรรมเนียม 50 บาท
กดแป้นคอมพ์ไม่เกิน 60 วินาที แต่รับฝากทั้งปี เอาเงินไปปล่อยกู้เรียกดอกโหดๆ
มิน่า แต่ละไตรมาสถึงล่อกำไรบานเบอะ
นี่ก็ทำมาภิบาน (ทะโรค) เหมือนกัน
บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเมื่อไหร่ เชิญธนาคารต่างๆ มาคุยหน่อยดีกว่า ทั้งเรื่องส่วนต่างดอกเบี้ย เรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ จะเป็นพระเดชพระคุณ
จากนายอ่วม อกโรย
เอ๊ย
จาก
“ปิยพงศ์” (เมืองหละปูน) เจ้าเก่า

อกโรย จนปานนี้
ยังมายึด “หลักการ” กันอีกหรือปี้อ้าย
บอกบ้านเมืองเป็น “ประชาธิปไตย” ก่อน ค่อยทำ
คอยไปเต๊อะ
ลุงตู่ เขาเล่นทุกแง่ทุกง่าม เพื่อจะอยู่ต่อให้ได้
นี่ก็เห็นอธิบายประชาธิปไตยแบบ “ไทยนิยม”
ยาวยืดเป็นคุ้งเป็นแคว
ปี้ปิยพงศ์ รอไหวเร้อ