ยาดมไทย ใครๆ ก็ทำได้

ซอฟต์เพาเวอร์ จะหมายความอย่างไรแน่ยังไม่มีข้อสรุป แต่ก็กำลังเป็นความหวังสร้างเศรษฐกิจไทย

ยาดมไทยนับเป็นซอฟต์เพาเวอร์หรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ต่างชาติหลายภาษามาไทยนิยมซื้อกลับไปใช้และเป็นของฝาก คนไทยเองก็พกพาสูดดมกันทั่วไปทุกภาค

ถ้าว่ากันตามเกณฑ์กระทรวงวัฒนธรรม ที่ประกาศมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมระดับจังหวัดและระดับชาติ ก็ต้องบอกว่า ยาดมไทยยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน มีที่ใกล้เคียงที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้แล้วตั้งแต่ปี 2556 คือ “ยาหม่อง” ในประเภท : การแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้าน

ทางกระทรวงวัฒนธรรมให้ความรู้ไว้ว่า แต่ก่อนที่ผลิตยาหม่องออกมาขายนั้น บรรดานายห้างและร้านค้าได้จ้างลูกจ้างชาวพม่า (ซึ่งแสดงว่าไทยรับเอาแรงงานเพื่อนบ้านมานานแล้ว) ออกมาเดินเร่ขายตามบ้าน ชาวบ้านพากันเรียกยาขี้ผึ้งกันทั่วไปว่า “ยาหม่อง” เรื่อยมา

วิธีการปรุงยาหม่องแต่ดั้งเดิมนั้น จะใช้สมุนไพรหลายชนิดแล้วแต่สูตร แต่ก็มีสรรพคุณได้ทั้งยาทาและยาดม จึงพบสมุนไพรที่ใช้กันส่วนมากเป็นพวกให้น้ำมันหอมระเหยหรือมีกลิ่นหอมเย็น เช่น พิมเสน การบูร เกล็ดสะระแหน่ น้ำมันระกำ น้ำมันกานพลู น้ำมันอบเชย เป็นต้น และนำมาผสมในตัวขี้ผึ้งเพื่อให้เป็นเนื้อยาหม่อง

โดยในอดีตก็มักใช้ขี้ผึ้ง หรือไขสัตว์ต่างๆ ในปัจจุบันก็ใช้ตัวช่วยทันสมัยหาได้ง่ายจำพวกพาราฟินและวาสลีนในการทำยาหม่อง และมีสูตรผสมตามแต่จะต้องการสรรพคุณ เช่น แก้แมลงสัตว์กัดต่อย ใช้นวดแก้ปวดเมื่อย ฯลฯ และยาหม่องยังใช้สูดดมแก้วิงเวียน คัดจมูกได้ด้วย เข้าข่าย 2 in 1 นั่นเอง

 

สําหรับ “ยาดมไทย” มีดีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในมุมยาสมุนไพรยาดมช่วยให้ลมทั่วร่างกายเดินได้สะดวก สูดยาดมที่ไรช่วยให้จมูกโล่ง สมองโล่ง หายใจไม่ติดขัดออกซิเจนในเลือดก็เดินดี ช่วยให้การสูบฉีดโลหิตดีขึ้น ก็ทำให้หทัยวาตะหรือลมเลี้ยงหัวใจเดินคล่อง

ยาดมจึงช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า หายง่วงและมึนงง และช่วยให้มีภูมิต้านทานโรคดีเพราะเลือดลมเดินดีด้วย

ตามภูมิปัญญาไทยเราร่ำรวยสูตรยาดม คนที่สนใจยาดมชื่อโบราณก็น่าจะเคยได้ยินยาดมส้มโอมือ ซึ่งเป็นพันธุ์หนึ่งของส้มมะงั่ว หรือสูตรยาดมผิวส้ม 8 อย่างก็มี

ในครั้งนี้ขอเสนอสูตรยาดมที่ทางมูลนิธิสุขภาพไทยนำสูตรจากการเผยแพร่ของศูนย์ข้อมูล คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำมาปรับประยุกต์และนำไปอบรมให้นักเรียนโรงเรียนประชานิเวศน์แผนกมัธยม และสอนให้เด็กในชุมชนในกรุงเทพฯ 2-3 แห่ง เพื่อทำไว้ให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายใช้พึ่งพาตนเอง

สูตรยาดมทั่วไปแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ประเภทเป็นน้ำหรือของเหลว และที่เป็นสมุนไพรบดใส่ถุงในกระปุกให้สูดดม สูตรยาดมที่ทางมูลนิธินำไปสอนให้ทำเองนั้น เป็นการผสมผสานให้เป็นยาดมที่มาจากสมุนไพรบดผสมกับสารให้กลิ่นหอม จึงได้ยาดมที่มีของเหลวผสมในสมุนไพรแห้งด้วย

ส่วนประกอบที่ใครๆ ก็ทำได้ ให้นํากระวาน 1 ผล โป๊ยกั๊ก 1 ผล กานพลู 5 ดอก อบเชย 1 ช้อนชา ลูกผักชี 1 ช้อนชา พริกไทยดำ 1 ช้อนชา สมุนไพรแห้งเหล่านี้หาซื้อตามร้ายขายวัตถุดิบยาไทย เคล็ดลับคือ ควรตำหรือบดให้เป็นชิ้นเล็กๆ จะดีกว่าไม่บด สมุนไพรที่ละเอียดจะให้กลิ่นหอมหรือกลิ่นเฉพาะตัว หอมนวลเวลาสูดดม สัดส่วนที่กล่าวไว้เมื่อบดหรือตำแล้ว คลุกให้เข้ากัน ใส่ภาชนะไว้ก่อน

ส่วนประกอบจำพวกที่ผสมแล้วจะเป็นของเหลว คือ ใช้การบูรและพิมเสน อย่างละ 1 ช้อนชา ผสมในกระปุกปากกว้างมีฝาปิด คนเข้ากันจะเป็นของเหลว แค่การบูรและพิมเสนก็ใช้ได้แล้ว แต่ถ้ามีทุนทรัพย์ก็สามารถเติมสมุนไพรที่มีราคาแพงขึ้นได้อีก 2 ชนิด จะช่วยกลิ่นดียิ่งขึ้น คือ เติมเมนทอล 2 ช้อนชา ผสมลงไปเป็นของเหลว เมื่อละลายเข้ากันดีแล้ว เติมน้ำมันยูคาลิปตัสสัก 3 ม.ล. ปิดฝาไว้

สูตรสมุนไพรนี้ สามารถแบ่งสมุนไพรแห้งที่บดแล้วลงไปในขวดเล็กขนาด 7 ม.ล. ได้ถึง 3 ขวด จากนั้นก็เทน้ำมันสมุนไพรที่เป็นของเหลวที่เตรียมไว้ลงไปในขวดเล็กๆ ทั้ง 3 ขวด เคล็ดลับอีกประการคือ ให้หาผ้ากอซหรือสำลีเล็กๆ ขนาดพอดีกับปากขวด ปิดไว้จะช่วยให้กลิ่นอยู่นานขึ้น บางคนไม่ชอบกลิ่นพิมเสนการบูรจะไม่ใส่ก็ได้ และสารให้กลิ่นเหล่านี้ไม่ควรสูดดมถี่และมากไป จะทำให้ระคายเคืองจมูกได้ เด็กเล็กไม่ควรใช้

สมุนไพรในยาดมสูตรนี้หาได้ง่ายทั่วไป ทั้งกระวาน กานพลู อบเชย ลูกผักชี พริกไทยดำ แต่คงมีคนสงสัยว่า โป๊ยกั๊ก นี่เป็นสมุนไพรจีนมาได้อย่างไร ก็คงเพราะวัฒนธรรมผสมผสานไทยจีน หมอยาไทยเองก็เรียกว่าจันทน์แปดกลีบ ตามลักษณะรูปดาวแปดแฉก และชื่อ โป๊ยกั๊ก (โป๊ย = แปด, กั๊ก = แฉก) ซึ่งก็มีการนำมาใช้ตามสรรพคุณตำรายาไทยด้วยคือ ผลใช้ขับลม ขับเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย แก้ไอ แก้เกร็ง ต้านเชื้อแบคทีเรีย น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค คลายกล้ามเนื้อเรียบ แก้ปวดท้อง ขับลม แก้ไอ ขับเสมหะ ขับน้ำนม เพิ่มการไหลเวียนโลหิต

และยังมีการใช้น้ำมันหอมระเหยจากจันทร์แปดกลีบนี้ผสมในยาผงชนิดหนึ่งใช้แก้อาการหืดหอบ น้ำมันหอมจากโป๊ยกั๊กจึงมีกลิ่นช่วยระบบทางเดินหายใจได้และช่วยการไหลเวียนเลือด จึงเป็นกลิ่นหอมที่ดีในยาดมนั่นเอง

กิจกรรมครอบครัวทำยาดมไทยติดตัวติดบ้านได้ง่ายๆ แต่สำหรับ “ยาดมไทย” แม้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาชาติ แต่ก็เป็นซอฟต์เพาเวอร์สร้างมูลค่าการตลาดวงการสมุนไพรนับพันล้านแล้ว •

 

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง

มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org