ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 เมษายน 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
โลกหลังความตายสมัยดึกดำบรรพ์ เชื่อว่าหมานำทางส่งขวัญชนชั้นนำที่ตายถาวรแล้ว ออกเดินทางไกลไปทางน้ำ ขึ้นฟ้า เพื่อสิงสู่อยู่รวมพลังกับขวัญบรรพชนที่มาถึงก่อนนานแล้ว
ทำโดยฆ่าหมาฝังไปกับศพ ให้ผีขวัญหมานำทางผีขวัญคน จึงพบโครงกระดูกหมา
ในหลุมศพหลายแห่ง เช่น บ้านโนนวัด (ต.พลสงคราม อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา), บ้านเชียง (อ.หนองหาน จ.อุดรธานี)
และมีรูปหมาในภาพเขียนบนเพิงผาและผนังถ้ำแสดงผีขวัญบรรพชน เช่น ภูปลาร้า (อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี), ถ้ำผาลายแทง (อ.ภูกระดึง จ.เลย), เขาจันทน์งาม (อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา)
มากกว่า 2,500 ปีมาแล้ว คนเชื่อว่าหมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ให้กำเนิดคน และมีอำนาจพิเศษนำทาง ขณะเดียวกันหมาก็นำพันธุ์ข้าวจากฟ้าให้คนปลูกกิน ฯลฯ
[มีรายละเอียดอีกมากในบทความเรื่อง “บทบาทของหมาในตำนาน และพิธีกรรมของชาติพันธุ์ต่างๆ ในอุษาคเนย์” โดย ปฐม หงษ์สุวรรณ พิมพ์ในวารสาร อักษรศาสตร์ ฉบับนิทาน ตำนาน จินตนาการ ความจริง (โดย ศิราพร ณ ถลาง บรรณาธิการประจำฉบับ) ปีที่ 35 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2549) หน้า 213-241]
คำบอกเล่ามีเพิ่มเติมว่าหมานำทางผีขวัญขึ้นฟ้า แล้วขากลับนำพันธุ์ข้าวจากฟ้าลงมาให้มนุษย์ปลูกกินเป็นอาหารในชีวิตประจำวัน
หมา 9 หาง แต่ก่อนคนเรากินเผือกกินมัน เพราะไม่รู้จักกินข้าว และไม่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก
ครั้งนั้นหมาตัวหนึ่งมี 9 หาง ได้ขึ้นไปบนสวรรค์ แล้วเอาหางจุ่มลงไปในกองข้าวจะขโมยพันธุ์ข้าวของสวรรค์ที่ติดหางทั้ง 9 ของหมาลงมาให้มนุษย์
เทวดาใช้เทพวุธฟาดหางขาด 8 หาง ทำให้หมาเหลือหางเดียวพร้อมพันธุ์ข้าวติดมาให้มนุษย์ปลูกกิน นับตั้งแต่นั้นมนุษย์ก็รู้จักปลูกข้าวกิน
ความใกล้ชิดกับผีขวัญทำให้หมาคุ้นเคยและรู้ความเคลื่อนไหวของผี จึงทำให้คนต่อมาเชื่อว่าหมาหอนเมื่อพระสงฆ์ตีระฆังในวัด เพราะเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปว่าขณะนั้นหมาเห็นผี
หมาถูกทำให้ตาย
พิธีฝังศพในอุษาคเนย์หลายพันปีมาแล้ว คนในบางชุมชนต้องทำหมาให้ตายแล้วฝังรวมกับศพ เพราะเชื่อว่าหมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์รู้ทางขึ้นฟ้า ผีขวัญของหมาจะพาผีขวัญของคนตายเดินทางไกลไปทางบก-ทางน้ำ แล้วขึ้นฟ้าสิงสู่อยู่รวมกับผีขวัญบรรพชนที่ตายไปก่อน เพื่อเป็นพลังปกป้องคุ้มครองคนที่มีชีวิตอยู่ในชุมชน
นักโบราณคดีขุดค้นหลายแห่งพบโครงกระดูกหมาฝังรวมกับศพคนที่บ้านเชียง (จ.อุดรธานี), ที่บ้านโนนวัด (จ.นครราชสีมา) และที่อื่นๆ นอกจากนั้น ยังพบรูปหมาเป็นภาพเขียนบนเพิงผาและผนังถ้ำในที่ต่างๆ ตั้งแต่มณฑลกวางสี (ทางใต้ของจีน) ถึงไทย เช่น เขาจันทน์งาม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
สัตว์นำทาง
ต้นเหตุที่คนสมัยเริ่มแรกหลายพันปีมาแล้ว ยกย่องหมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ใกล้ชิดผี แล้วนำทางผีขึ้นฟ้าได้สำเร็จ เพราะหมาเป็นสัตว์นำทางให้คนยุคแรกเริ่มแสวงหาอาหารด้วยการล่าสัตว์และอื่นๆ หมาจึงใกล้ชิดคนเป็นพิเศษกว่าสัตว์อื่นๆ พบในวิถีของชาวลัวะภาคเหนือ [จากหนังสือ ลัวะ เมืองน่าน ของ ชลธิรา สัตยาวัฒนา สำนักพิมพ์เมืองโบราณ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2530 หน้า 188] จะขอคัดบางตอนมาดังนี้
ชาวลัวะเชื่อกันว่าหมาเป็นสัตว์พิเศษ มีนัยน์ตาที่สามารถมองเห็น “ผี” ได้ ชาวลัวะจึงนิยมเลี้ยงหมาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับคนมากที่สุด คือ ให้กินและนอนบนเรือนได้ อาหารที่ให้ก็เหมือนคนกิน เวลาไปไหนต่อไหนก็จะให้หมาตามไปด้วย โดยเฉพาะเวลาเข้าป่าหายิงสัตว์ หมาจะเห็นผีอยู่ในป่าได้รวดเร็วและชัดเจน
“มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยากจะรู้เห็นได้ดีเหมือนหมา จึงลงทุนควักนัยน์ตาตัวเองออก แล้วก็กลายเป็นตาบอดคลำทางไปเรื่อยๆ หมาก็เห่าเอาๆ จนในที่สุดหมาสงสาร ลงทุนควักนัยน์ตาตัวเองออกมาใส่ให้นาย จากนั้นก็กลายเป็นเรื่องดีไป คือ เห็นผีได้ดีทั้งหมาและคน
เพื่อนบ้านคนหนึ่งเห็นเข้าก็ชอบใจ อยากจะเห็นผีได้ดีเช่นนั้นบ้าง ถามได้ความว่า ต้องควักนัยน์ตาตนเองออกมา แกเลยทำตามอย่างบ้าง ครั้นหมาเห่า ก็โมโห ตีหมาจนเจ็บ หมาก็เลยไม่ควักนัยน์ตาให้เหมือนรายแรก เพื่อนบ้านคนนั้นก็เลยต้องตาบอดไปโดยไม่ได้ตาหมาตอบแทน”
ในชีวิตประจำวันของชาวลัวะ การเลี้ยงหมาไว้ในบ้าน กินนอนในบ้านนั้น ไปไหนก็ไปด้วยกัน ชาวลัวะจะรู้สึกเหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เพราะเชื่อว่าหมาสื่อความกับผีได้รู้เรื่อง หมาจึงคุ้มครองตนให้ปลอดภัยได้
ความเชื่อเรื่องหมาเช่นนี้ อาจเป็นที่มาของพิธีกรรมก่อนสมโภชขึ้นครองเมือง ให้ลัวะจูงหมาพาแซก (นำหน้า) ไปก่อน เท่ากับให้หมาเป็นผู้นำทาง คุ้มครองความปลอดภัย กันผีที่จะมาทำร้ายได้ •
| สุจิตต์ วงษ์เทศ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022