กลุ่มก่อการร้าย ‘ไอซิส-เค’ เครือข่ายลับถล่มรัสเซีย

ไม่ว่าจะพิจารณาจากแง่มุมใด เหตุการณ์การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตในโครคัส ซิตี้ ฮอลล์ ชานกรุงมอสโก ก็จัดได้ว่าเป็นการก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดและทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบหลายสิบปีของรัสเซีย

นอกเหนือจากจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงถึง 137 รายแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกนับร้อย แถมยังเกิดขึ้นเพียงไม่ถึงสัปดาห์ หลังจาก วลาดิมีร์ ปูติน ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปอีกสมัยด้วยอีกต่างหาก

ถือเป็นการตบหน้ากันฉาดใหญ่แบบกระจะ กระจะ อีกด้วย

กลุ่มก่อการร้ายที่เรียกตัวเองว่า ไอซิส-เค ออกมาอ้างความรับผิดชอบ และถึงแม้ว่าทางฝ่ายรัสเซียจะพยายามบิดเบือนเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่สำหรับโลกตะวันตกแล้วข้อเท็จจริงทุกอย่างดูจะยืนยันไปในทิศทางนี้

คำถามก็คือ ไอซิส-เค คือใคร?

 

ย้อนหลังไปเมื่อ 5 ปีก่อน กองกำลังติดอาวุธเคิร์ดและกองกำลังอื่นๆ ที่สหรัฐอเมริกาหนุนหลังอยู่ในเวลานั้น ผลักดันขับไล่กองกำลังรัฐอิสลาม (ไอซิส หรือไอเอส) ออกจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตะวันออกของซีเรีย อันเป็นที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มก่อการร้ายที่เคยสถาปนา “รัฐกาหลิบอิสลาม” ขึ้นในดินแดนอิรักและซีเรีย

ไอซิส แตกกระจัดกระจายออกเป็นกลุ่มก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้าง ซุกตัวเป็นเครือข่ายขนาดเล็กอยู่ในหลายพื้นที่ ตั้งแต่แอฟริกาตะวันตกเรื่อยไปจนถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังแสดงพิษสงอยู่เป็นครั้งคราวด้วยวิธีการก่อการร้ายแบบกองโจรบ้าง วางระเบิดบ้าง และบางครั้งใช้วิธีการลอบสังหาร

แต่กลุ่มที่ได้ชื่อว่า “แอ๊กทีฟ” ที่สุด เป็นกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามที่ฝังตัวอยู่ในที่ราบสูงด้านตะวันออกของอิหร่านที่เชื่อมต่อกับเอเชียกลาง ซึ่งรู้จักกันในชื่อที่ราบสูงโคราซาน

กลุ่มก่อการร้ายนี้เรียกตัวเองว่า ไอซิส-เค หรือ ไอซิสแห่งโคราซาน

 

พื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่มนี้อยู่ในอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอิหร่าน เป็นหลัก แต่เป้าหมายหลักในการก่อการร้ายกลับเป็นภาคพื้นยุโรปและอื่นๆ

ปฏิบัติการหลังสุดก่อนหน้าการโจมตีที่โครคัส ฮอลล์ ก็คือการวางระเบิดคู่ขนานในอิหร่าน ระหว่างงานรำลึกถึงวันเสียชีวิตของอดีตนายพลคนสำคัญของอิหร่านอย่าง คัสซิม สุไลมานี ที่ถูกฝ่ายอเมริกันสังหารด้วยโดรนโจมตีเมื่อ 4 ปีก่อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยราย

พล.อ.ไมเคิล อี. คูริลลา ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลาง กองทัพสหรัฐเข้าให้ปากคำต่อกรรมาธิการการทหารหลังการโจมตีที่มอสโกว่า ไอซิส-เค ยังคงขีดความสามารถและยังคงเจตนารมณ์ในการโจมตีผลประโยชน์ของชาติตะวันตกรวมทั้งสหรัฐอเมริกาในสถานที่ต่างๆ ได้ภายใน 6 เดือนข้างหน้า โดยไม่จำเป็นต้องเตือนล่วงหน้า

ในขณะที่บรูซ ฮอฟฟ์แมน นักวิชาการด้านการก่อการร้ายประจำสภาวิเทศสัมพันธ์ องค์กรวิชาการอิสระของสหรัฐอเมริกาชี้ว่า รูปแบบการก่ออาชญากรรมที่โครคัส ฮอลล์ เป็นรูปแบบที่ถนัดและเป็นแบบฉบับ “คลาสสิค” ของไอซิสโดยแท้

ทำนองเดียวกับการโจมตีที่บาตาคลง ในปารีสในปี 2015 และการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายในคอนเสิร์ตของ อาเรียนา กรานเด ที่แมนเชสเตอร์ อารีนา ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2017

 

ไอซิส-เค ก่อตั้งโดยสมาชิกกองกำลังรัฐอิสลามชาวปากีสถานที่เป็นสมาชิกของขบวนการทาลิบัน และเริ่มเป็นที่รู้จักกันในระดับนานาชาติ หลังจากทาลิบันได้อำนาจในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2021 เมื่อเป็นตัวการสำคัญที่ลงมือโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายที่ท่าอากาศยานคาบูล อัฟกานิสถานเมื่อเดือนสิงหาคมปีนั้น ทำให้ทหารอเมริกันที่กำลังถอนทัพกลับบ้านเสียชีวิต 13 นาย พลเรือนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกมากถึง 170 ราย

ผลจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ไอซิส-เค ตกเป็นเป้าไล่ล่าของทาลิบันมาจนถึงทุกวันนี้

แต่ที่มั่นหลักของไอซิส-เค ไม่ได้อยู่ในอัฟกานิสถาน โคราซานเป็นที่ราบสูงที่ครอบคลุมพื้นที่หลายประเทศ ตั้งแต่ตะวันออกของอิหร่าน ไปจนถึงบางส่วนในเอเชียกลางอย่างทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถานและอุซเบกิสถาน ไอซิส-เคไม่เพียงไม่ถูกปราบปราม แต่ยังเติบใหญ่ขยายตัวและวางแผนก่อการร้ายในยุโรปเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ทางการเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ประสานงานกันจับกุมชายชาวทาจิก, เติร์กเมน และคีร์กิซ รวม 7 คน ฐานมีส่วนเชื่อมโยงกับไอซิส-เคและต้องสงสัยว่ากำลังวางแผนก่อการร้ายในเยอรมนี 3 คน

ในจำนวนนี้ถูกจับขณะเตรียมการโจมตีโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองโคโลนจ์ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2024 อีก 4 คนเป็นกลุ่มสนับสนุน

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้ายชี้ว่า ปฏิบัติการในช่วงแรกของไอซิส-เค มักอาศัยสมาชิกในระดับล่าง ไร้ประสบการณ์ แผนการล้วนไม่ละเอียดรอบคอบ มักถูกตรวจสอบพบและจัดการได้อย่างรวดเร็วก่อนหน้าเกิดเหตุอยู่บ่อยครั้ง

แต่ยิ่งนับวัน กลุ่มก่อการร้ายนี้ยิ่งเรียนรู้จากความผิดพลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ เมื่อลงมือโดยใช้กลุ่มก่อการร้ายสวมหน้ากากถืออาวุธบุกโจมตีโบสถ์โรมันคาทอลิกในนครอิสตันบูล เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 1 รายได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ทางการตุรกีกวาดจับผู้ต้องสงสัยรวมทั้งสิ้น 47 รายแทบทั้งหมดมีเชื้อสายเอเชียกลาง ต่อด้วยการก่อการร้ายที่ประสบความสำเร็จสูงในอิหร่านในเดือนเดียวกัน

การก่อการร้ายในอิหร่านและในมอสโกครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถที่ยกระดับขึ้นของกลุ่มไอซิส-เค ทั้งในแง่ของการวางแผนและการใช้เครือข่ายในท้องถิ่นเป็นเครื่องมือ

คอลลิน พี. คลาร์ก นักวิเคราะห์ด้านการต่อต้านการก่อการร้ายชี้ว่า ไอซิส-เค จับตารัสเซียมาไม่ต่ำกว่าสองปีแล้ว มักวิจารณ์โจมตีปูตินอยู่บ่อยครั้ง กล่าวหาทางการรัสเซียว่า มือเปื้อนเลือดมุสลิม จากการเข้าแทรกแซงทั้งในอัฟกานิสถาน เชชเนียและซีเรีย

คลาร์กระบุว่า การที่สมาชิกส่วนใหญ่ของไอซิส-เค มาจากกลุ่มประเทศเอเชียกลางที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ทำให้ไอซิส-เค สามารถใช้ชาวเอเชียกลางที่ใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในรัสเซียเป็นเครื่องมือได้โดยง่าย ทั้งให้ช่วยสนับสนุน หรือซุกซ่อนกักตุนอาวุธ

เอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยว่าเมื่อต้นเดือนมีนาคม สหรัฐอเมริกาเคยแจ้งเตือนต่อรัสเซียว่ากำลังมีการวางแผนโจมตีด้วยการก่อการร้ายในมอสโก

น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ทางการรัสเซีย อาจไม่ถือคำเตือนนั้นเป็นเรื่องจริงจัง ร้ายแรง หรือไม่ก็อาจกำลังถูกปัญหาท้าทายอื่นๆ มัดไม้มัดมืออยู่

สุดท้ายเลยมีผู้คนสังเวยชีวิตนับร้อยอย่างที่เห็นกันนั่นเอง