ระบอบทักษิณรีเทิร์น และผีก้าวไกล ในสายตา “รสนา” ถ้าคุณยุบเขาจะยิ่งโต ปชช.ไม่เอาด้วย

“ถ้าคุณจะกำจัดก้าวไกลนะ วิธีเดียวที่คุณจะทำได้คือคุณต้องทำตัวให้ดีกว่าเขา” รสนา โตสิตระกูล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ และอดีต ส.ว.กทม. มองสถานการณ์การเมืองในปี 2567 ที่น่าจับตาหลายเรื่อง

รสนามองว่าจะชนะก้าวไกลได้ คุณต้องไม่แบ่งแยกแล้วปกครอง คุณจะต้องไม่รวบอำนาจมาให้กับกลุ่มทุน คุณจะต้องทำให้เกิดการเฉลี่ยแบ่งปันอยู่ภายใต้กฎหมาย

คุณทำได้หรือไม่?

ถ้าคุณทำได้คุณจะปราบก้าวไกลได้ แต่ถ้าคุณยังทำแบบนี้ก็ยาก ในวันที่คนรุ่นใหม่ก็เกิดขึ้นมา

ส่วนเราคนรุ่นเก่า เราควรจะทำยังไงที่จะให้คนรุ่นใหม่เข้ามาแบบผสมผสานกัน ในแง่รักษาสิ่งดีของบ้านเมืองเอาไว้ด้วย ในขณะเดียวกันก็ทำให้บ้านเมืองก้าวหน้า ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า คุณจะทำได้หรือไม่ ถ้าคุณคิดแต่ว่าคุณจะกำจัดก้าวไกลเหมือนที่ทำกับสมัยทักษิณ ชินวัตร เพียงเพราะคุณต้องการขึ้นมาแทน

: หากยุบก้าวไกล อะไรจะเกิดขึ้น?

วิธีการแบบนี้มันก็ไม่ค่อยเวิร์กหรอก ดิฉันนึกถึงกวีบทหนึ่ง ที่กล่าวไว้ว่า ‘They tried to bury us. They didn’t know we were seeds.’ คือเขาพยายามจะฝังพวกเราแต่เขาไม่รู้ว่าเราเป็นเมล็ดพันธุ์ คุณยิ่งฝังเรายิ่งเติบโต ก็เหมือนกับครั้งที่แล้วที่เคยให้สัมภาษณ์กับมติชนสุดสัปดาห์และเคยยกกวีบทหนึ่งไว้ว่า “คุณอาจจะเด็ด-ตัดดอกไม้ทั้งหมดก็ได้ แต่คุณไม่อาจจะห้ามหรือหยุดยั้งฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงได้”

คือมันเป็นธรรมชาติ หรือในไทยก็เปรียบเหมือนปีศาจแห่งกาลเวลา ของเสนีย์ เสาวพงศ์ ถ้าเรามองในแง่ว่าประเทศนี้คุณต้องส่งต่อบ้านเมืองที่ดีให้คนรุ่นถัดไป แต่ถ้าคุณยังคิดในการแย่งชิงอะไรแบบนี้อยู่อย่างเดียว บ้านเมืองมันอยู่ไม่ได้หรอก แล้วถ้าการเมืองมันไปอย่างนี้เรื่อยๆ เราก็มองดูแล้วว่าการเมืองไทยมันก็ย่ำอยู่กับที่!

ในที่สุดคุณก็หยุดยั้งปีศาจแห่งกาลเวลาไม่ได้ เพราะตอนที่คุณกำจัดทักษิณได้ ในที่สุดตอนนี้คุณต้องจับมือกันเพราะคุณต้องการที่จะมีส่วนแบ่งร่วมกัน? แต่ยังคงระบอบของคุณไว้แบบเดิมคือระบอบคณาธิปไตย ที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย

คุณแค่ใช้อำนาจเงิน แล้วก็ถอนทุน ส่วนประชาชนจะเป็นยังไงช่างมัน ประชาชนทำอะไรเราไม่ได้

แบบนี้คิดว่าการเมืองไทยมันก็ไม่ไปไหน

ดิฉันเองยังไม่สามารถจะประเมินได้ว่าก้าวไกลจะเป็น “พรรคการเมือง” จะนำความเปลี่ยนแปลงมาได้หรือไม่ เพราะว่าเรายังไม่เคยเห็นเขาเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร ว่าคนเหล่านี้ถ้ามีอำนาจแล้วจะทำให้เขาเหลิงหรือไม่ แต่คนอื่นๆ พรรคการเมืองอื่นๆ ที่เราเห็นในเวลานี้ เราเห็นไส้เห็นพุงกันมาหมดแล้ว

ดังนั้น คราวนี้ที่คุณคิดจะกำจัดเขา เขาก็จะเติบโตมากขึ้น การกำจัดด้วยวิธีนี้โดยการตัดสิทธิ์-ยุบพรรคเขา ไม่ได้ผล คุณต้องมองว่าประชาชนที่เป็นคนดูไม่ได้เห็นด้วยกับคุณทั้งหมดนะแล้วจะเกิดการตีกลับมันจะทำให้ประชาชนยิ่งไปเลือกมากขึ้น

ส่วนพวกบรรดาพรรคการเมืองเก่าๆ เราเห็นมาหมดแล้วว่าเป็นยังไง

 

: มองทักษิณ+อนุรักษนิยม อย่างไร

กลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่มอนุรักษนิยม และพวกทหาร แล้วก็ทักษิณ จริงๆ พวกเขาเนี่ยก็คือแบบเดียวกัน เขาคือพวกคณาธิปไตย สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการคือการยึดครองอำนาจไว้ในมือตลอดเวลา

ทหารที่เคยเกลียดไม่ชอบคุณทักษิณเมื่อก่อนแล้วพยายามไปลอกเลียนแบบทุกอย่างที่เขาทำ เป็นพวกเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง มีการส่อทุจริตในรูปนโยบาย จนการเมืองไทยมันเหมือนแบ่งกันกิน ผลัดกันกิน เล่นเก้าอี้ดนตรีให้คุณลุกฉันจะนั่ง คุณลุกฉันนั่ง แล้วพวกทหารคุณไม่ได้มาทำอะไรให้กับประชาชนเลย

ที่ฝ่ายทหารจับมือมีดีลกันกับทักษิณก็เพื่อกำจัดก้าวไกลเพราะยังไงคุณต้องการครองอำนาจไว้

ที่มีคนเคยมองว่าทักษิณเป็นอนุรักษนิยมใหม่ แต่ดิฉันคิดว่าอนุรักษนิยมมันมีหลายเฉดหลายระดับ ตั้งแต่ดีกรีระดับขวาตกขอบก็มี ระดับกลางๆ ก็มี

คนมีการศึกษาเขาไม่พอใจหรอกที่บ้านเมืองมันไม่มีหลักนิติธรรมเลย

 

: กลุ่มต้านทักษิณอ่อนกำลังลง?

ต้องบอกว่าที่คนต้านอ่อนกำลังลงไม่ใช่อ่อนกำลังลงเพราะทักษิณ แต่อ่อนกำลังลงเพราะว่ากลุ่มทหารที่ทำรัฐประหาร เนื่องจากในยุค 2 ทศวรรษกว่าที่ผ่านมา “ทหาร” ในการเมืองไทยมันหาช่องตลอดเวลาในการที่จะเข้ามา

คือการเมืองจากการเลือกตั้งจะอยู่ได้ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็ถ้าคุณไม่สุจริต ไม่ได้ปฏิบัติแบบมีธรรมาภิบาล ทหารเขาก็จะอ้างประเด็นการคอร์รัปชั่นเข้ามาเสมอ กรณีของคุณทักษิณจากการที่พันธมิตรฯ ลุกขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนตรวจสอบก็เรื่องนี้

ขณะเดียวกันเราก็จะเห็นว่าทหารพยายามตั้งพรรคการเมืองมาเลือกตั้งแข่งแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา แม้ในยุคของ คสช.เนี่ยอาจจะดูเหมือนว่าคุณสำเร็จ คุณสามารถตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาแข่งได้ แต่มันก็เกิดจากการที่คุณร่างรัฐธรรมนูญที่ให้แต้มต่อตัวเองมาก ซึ่งพรรคทหารที่พยายามมา 2 รอบ คุณแพ้ยับเยินจนคุณต้องกลับไปจับมือกับทักษิณไงเพราะว่ามีผีก้าวไกลขึ้นมาใหม่

ดังนั้น การที่ภาคประชาชนอ่อนแอเพราะว่าทหารที่เป็นพวกกลุ่มอนุรักษนิยม คณาธิปไตย ที่มีเครือข่ายต่างๆ มาปกป้องคุณ ถึงแม้คุณจะทำผิดกฎหมาย การตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัยอะไรพวกนี้ กรณีนาฬิกายืมเพื่อนคุณก็ตรวจสอบไม่ได้ ทั้งหลายทั้งปวงสิ่งที่เกิดขึ้น ดิฉันเองไม่อยากจะโทษประชาชนนะ แต่ว่ากระบวนการของนักการเมืองที่มันขึ้นมาแล้วมันทำให้ในรอบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มันเป็นลักษณะของการเมืองแบบผลัดกันกิน ธาตุแท้เหมือนกัน ไม่ได้มีความต่างกันเลย

เวลานี้ที่บอกว่าภาคประชาชนอ่อนแรงเพราะว่าพรรคทหารที่รัฐประหารเข้ามาไม่ต้องการประชาชนที่มีพละกำลังในการต่อสู้ โดยเฉพาะการตรวจสอบเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น

ชมคลิป