มุมมุสลิม | จรัญ มะลูลีม

 

ฮามาส-อิสราเอล

ความขัดแย้งครั้งที่ 5 (22)

 

ฉากทัศน์ของสงครามฮามาส-อิสราเอล (ต่อ)

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ว่า อิสราเอลไม่ยอมรับความชอบธรรมของการอภิปรายที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เรียกกรณีนี้ว่าเป็น “ส่วนหนึ่งในความพยายามของชาวปาเลสไตน์ที่จะกำหนดผลของข้อตกลงทางการเมืองโดยไม่มีการเจรจา”

ตัวแทนชาวแอฟริกาใต้ Pieter Andreas Stemmet กล่าวต่อศาลโลกเมื่อวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ว่า ข้อตกลงดังกล่าวได้ขยาย “ลักษณะการยึดครองชั่วคราวไปสู่สถานการณ์การยึดครองอย่างถาวร ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิในการตัดสินใจของชาวปาเลสไตน์”

ข้อโต้แย้งทางกฎหมายของแอฟริกาใต้สะท้อนถึงข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนหน้านี้โดยตัวแทนชาวปาเลสไตน์ ในขณะที่การพิจารณาคดีหกวันเปิดขึ้นต่อหน้าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเนเธอร์แลนด์ หลังจากที่ชาวปาเลสไตน์เปิดการพิจารณาคดีแล้ว มีประเทศทั้งหมด 51 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ 3 องค์กร มีกำหนดที่จะยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการออกความคิดเห็น

ชาวปาเลสไตน์โต้แย้งว่าการยึดครองทางทหารแบบปลายเปิดของอิสราเอลได้ละเมิดข้อห้ามในการพิชิตดินแดนและสิทธิของชาวปาเลสไตน์ในการตัดสินใจด้วยตนเอง และอิสราเอลได้เลือกใช้การเหยียดเชื้อชาติและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

“การยึดครองนี้มีลักษณะเป็นการผนวกดินแดนและใช้อำนาจอย่างที่สุด” มาลิกี รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์ กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ เขาเรียกร้องให้ศาลสนับสนุนสิทธิของชาวปาเลสไตน์ในการตัดสินใจด้วยตนเอง และประกาศว่า “การยึดครองของอิสราเอลนั้นผิดกฎหมายและจะต้องยุติทันที โดยสิ้นเชิงและไม่มีเงื่อนไข”

แอฟริกาใต้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ พรรคคองเกรสแห่งชาติแอฟริกัน ซึ่งเป็นพรรคที่ปกครองอยู่ ได้เปรียบเทียบนโยบายของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์กับประวัติศาสตร์ภายใต้ระบอบการแบ่งแยกสีผิว (Apartheid) ของชนกลุ่มน้อยผิวขาว ซึ่งจำกัดคนผิวดำส่วนใหญ่ให้อยู่แค่ “บ้านเกิด” ก่อนสิ้นสุดการใช้การแบ่งแยกสีผิวนี้ในปี 1994

สิ่งที่เกิดในกาซ่านำไปสู่การที่แอฟริกาใต้เปิดคดีแยกต่างหากที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยกล่าวว่าอิสราเอลกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในการโจมตีฉนวนกาซา ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังเหตุโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทางตอนใต้ของอิสราเอล

ในการพิจารณาคดีเมื่อเดือนมกราคม อิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างเต็มกำลัง ทัล เบกเกอร์ ที่ปรึกษากฎหมายอิสราเอล กล่าวว่า ประเทศนี้กำลังต่อสู้กับ “สงครามที่ตนเองไม่ได้เริ่มต้นและไม่ต้องการ”

คำตัดสินขั้นสุดท้ายในกรณีนี้อาจต้องใช้เวลาหลายปี แต่ศาลได้ออกคำสั่งเบื้องต้นให้อิสราเอลทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันการเสียชีวิต การทำลายล้าง และการกระทำใดๆ ที่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในการรณรงค์ในฉนวนกาซา

 

อิสราเอลสั่งให้มีการอพยพครั้งใหม่

ในฉนวนกาซาตอนเหนือ

UN ระบุว่าเด็ก 1 ในทุก 6 คนขาดสารอาหาร

อิสราเอลมีคำสั่งให้มีการอพยพครั้งใหม่จากหลายพื้นที่ของเมืองกาซา อันเป็นข้อบ่งชี้ว่าอิสราเอลยังคงเผชิญกับการต่อต้านอย่างแข็งขันในพื้นที่ที่ระบุว่าเคลียร์ได้แล้วเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน

อิสราเอลสั่งให้มีการอพยพครั้งใหม่จากบางส่วนของเมืองกาซาเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ จากการศึกษาที่นำโดยหน่วยงานเด็กของสหประชาชาติพบว่า เด็ก 1 ในทุก 6 คนขาดสารอาหารอย่างรุนแรงในพื้นที่ห่างไกลและประสบความเสียหายอยู่ในส่วนใหญ่ของดินแดนซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองนี้

ความทุกข์ยากที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วทั้งดินแดน อันเนื่องมาจากการโจมตีทางอากาศและทางภาคพื้นดินของอิสราเอลเริ่มขึ้นเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่าสามหมื่นคน มีการทำลายล้างพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมด

และทำให้ประชากรมากกว่าร้อยละ 80 ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น

 

ในฉนวนกาซา

แนวโน้มสันติภาพยังห่างไกล

อิสราเอลให้คำมั่นที่จะขยายการรุกคืบไปยังเมืองราฟาห์ทางใต้สุดของฉนวนกาซา ซึ่งประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งในดินแดนนี้จำนวน 2.3 ล้านคน ได้แสวงหาที่หลบภัยจากการสู้รบในที่อื่นๆ หลายคนแห่กันไปในค่ายที่เต็มไปด้วยเต็นท์อันกว้างใหญ่และศูนย์พักพิงที่ดำเนินการโดยสหประชาชาติใกล้ชายแดนอียิปต์

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ ทหารอิสราเอลได้ออกคำสั่งอพยพผู้คนในย่านซัยตูน (Zaytoun) และเตอร์โกมาน (Turkoman) ทางตอนใต้ของเมืองกาซา ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่ากลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ยังคงมีความสามารถในการต่อต้านอย่างแข็งขันในพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซาได้แม้ว่ากองทัพอิสราเอลจะกล่าวมาก่อนหน้านี้เป็นเวลานานแล้วว่าได้มีการกวาดล้างนักรบฮามาสได้แล้วเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม

ชาวบ้านกล่าวว่า มีการโจมตีทางอากาศและการสู้รบภาคพื้นดินอย่างหนักในพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองกาซาในช่วงสองวันในระหว่างวันที่ 19 และ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “สถานการณ์เป็นเรื่องยากมาก” อัยมาน อะบู อะวาด (Ayman Abu Awad) ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตซัยตูนกล่าว “เราถูกขังอยู่ในบ้านของเรา”

จากรายงานของ Global Nutrition Cluster ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านความช่วยเหลือที่นำโดย UNICEF ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบมากกว่าร้อยละ 90 ในฉนวนกาซามีอาหารแค่เพียงน้อยนิดในแต่ละวัน หรือที่เรียกว่าความขาดแคลนด้านอาหารอย่างรุนแรง ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อ โดยร้อยละ 70 มีอาการท้องร่วงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

บ้านเรือนมากกว่าร้อยละ 80 ขาดน้ำที่สะอาดและปลอดภัย ทั้งนี้ ครัวเรือนโดยเฉลี่ยจะมีน้ำ 1 ลิตรต่อคนต่อวัน

ในเมืองราฟาห์ทางใต้สุดของฉนวนกาซา ซึ่งเป็นที่ที่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมส่วนใหญ่เข้ามา อัตราภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลันอยู่ที่ร้อยละ 5 เทียบกับร้อยละ 15 ในฉนวนกาซาตอนเหนือ ซึ่งถูกทหารอิสราเอลโดดเดี่ยวและส่วนใหญ่ถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือเป็นเวลาหลายเดือน

“ฉนวนกาซาพร้อมที่จะเป็นสักขีพยานถึงการพุ่งขึ้นในการเสียชีวิตของเด็กทั้งๆ ที่สามารถป้องกันได้ ซึ่งจะทำให้การเสียชีวิตของเด็กในฉนวนกาซาอยู่ในระดับที่ทนไม่ไหวอยู่แล้ว” เท็ด ไชยบัน เจ้าหน้าที่ของยูนิเซฟ กล่าวในแถลงการณ์

รายงานของสหประชาชาติเมื่อเดือนธันวาคมพบว่าประชากรชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด 2.3 ล้านคนในกาซากำลังตกอยู่ในวิกฤตด้านอาหาร โดยประชากรหนึ่งในสี่เผชิญกับความอดอยาก

อิสราเอลกล่าวว่าไม่ได้จำกัดการนำเข้าสิ่งของเพื่อมนุษยธรรม แต่กลุ่มบรรเทาทุกข์กล่าวว่าการส่งมอบภายในฉนวนกาซาถูกขัดขวางอย่างรุนแรงจากการปิดถนนของอิสราเอล การต่อสู้ที่ดำเนินอยู่ ตลอดจนการละเมิดกฎหมายและความสงบเรียบร้อย ในขณะที่การโจมตีของอิสราเอลมุ่งเป้าไปที่กองกำลังตำรวจที่อยู่ภายใต้การบริหารของฮามาส

หน่วยงานสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นหน่วยงานให้ความช่วยเหลือหลักในฉนวนกาซา กล่าวว่า อิสราเอลได้ยึดเอาอาหารที่สามารถเลี้ยงดูผู้คนได้มากกว่าหนึ่งล้านคนไว้

สงครามที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มฮามาสบุกทะลวงแนวป้องกันชายแดนที่น่าเกรงขามของอิสราเอลทำให้กลุ่มฮามาสยังคงควบคุมตัวเชลยไว้ได้ประมาณ 130 คน โดยประมาณ 1 ใน 4 ของจำนวนนี้เชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว

หลังจากที่ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวในการแลกเปลี่ยนระหว่างตัวประกันของแต่ละฝ่ายเมื่อปีที่แล้ว

อิสราเอลตอบโต้การโจมตีดังกล่าวด้วยปฏิบัติการทางทหารที่อันตรายและทำลายล้างมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้ในเขตชายฝั่งเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การปิดล้อมของอิสราเอลและอียิปต์ นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสยึดอำนาจจากกองกำลังปาเลสไตน์ที่เป็นคู่แข่งกันในปี 2550

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022