ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 มีนาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | อาชญากรรม |
เผยแพร่ |
ควันจากเหตุการณ์ ‘ฝรั่งเตะหมอ’ ยังไม่ทันจางดี
ชาวภูเก็ตก็ต้องเอือมระอากับพฤติกรรมของ 2 ชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย
แต่กลับไม่ให้เกียรติเจ้าของประเทศ
ที่ร้ายกว่านั้น แม้นจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบก็หาได้อยู่ในสายตาของทั้งคู่

2 ฝรั่งเหิมล็อกคอแย่งปืน ตร.
ย้อนไปเมื่อเวลาประมาณ 15.50 น. วันที่ 16 มีนาคม ขณะที่ ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ จร. สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต กำลังออกปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่ประชาชนบริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หน้า สภ.ฉลอง พบชายต่างชาติขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน ขับขี่รถไม่ชิดขอบทางด้านช้ายและใช้ความเร็วสูงในเขตชุมชนจึงเรียกให้หยุดรถ
แต่ปรากฏว่าแทนที่ทั้งสองจะหยุดรถจักรยานยนต์ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียก ทั้งคู่กลับเร่งเครื่องรถขี่หลบหนี ด.ต.สมศักดิ์จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปจนทันบริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต
เมื่อฝรั่งทั้งคู่จอดจักรยานยนต์ ก็ได้แสดงอาการโวยวายไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด.ต.สมศักดิ์จึงได้ทำการถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
พอทั้งคู่ถูกถ่ายคลิปก็ทำให้ฝรั่งทั้ง 2 คนไม่พอใจมากขึ้น ได้ตรงเข้ามาปัดโทรศัพท์ขณะถ่ายคลิป และทั้ง 2 คนได้เข้ารุมทำร้ายและใช้แขนและน้ำหนักตัวล็อกกดตัว ด.ต.สมศักดิ์ลงกับพื้น พร้อมได้ยื้อแย่งอาวุธปืนประจำตัวของ ด.ต.สมศักดิ์ไปเป็นเหตุให้ปืนลั่นจำนวน 2 นัด

โชคดีที่ไม่ถูกใคร
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ที่รับทราบเหตุเข้าช่วยเหลือเหตุการณ์ดังกล่าวและควบคุมตัวฝรั่ง 2 รายส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ส่วน ด.ต.สมศักดิ์ได้รับบาดเจ็บบริเวณนิ้วมือและขา ถูกนำส่งโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต
จากการสอบสวนทราบว่าทั้งคู่เป็นชาวนิวซีแลนด์ ทราบชื่อต่อมามี MR. HAMISH DAY อายุ 36 ปี และ MR.OSCAR MATTSON DAY อายุ 38 ปี ทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน
โดยถูกแจ้าข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ร่วมกันพยายามให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจ ให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ” โดยให้การปฏิเสธ
ด้าน น.ส.จุฑารัตน์ จีนนา ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตนทำงานอยู่ร้านขนมปัง พอได้ยินเสียงปืน 2 นัดก็เลยออกมาดู โดยน้องๆ ที่เห็นตอนแรกก็คือมีตำรวจ 1 นาย ฝรั่ง 2 คน ฝรั่งสู้กับตำรวจ จับตำรวจนอนลงกลางพื้นแล้วเกิดการแย่งปืนจนเกิดลั่นขึ้น 2 นัด ทางฝรั่งก็ได้แย่งปืนจากตำรวจเขวี้ยงไปข้างหลัง จากนั้นฝรั่งจะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจก็กระชากแล้วตำรวจก็ล้มไปอีก แล้วฝรั่งก็ชกตำรวจ หลังจากนั้นตำรวจ สภ.ฉลองมาช่วยพอดี
พวกเราโทร.กันหลายคนให้มาช่วย หลังจากตำรวจมาก็ได้ล็อกฝรั่งไปที่ สภ.ฉลอง ฝั่งโน้นถ่ายคลิปแต่ไม่มีใครกล้าไปช่วย เพราะฝรั่งมีปืน ทำได้อย่างเดียวคือโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลองเขาก็รีบมาที่เหตุการณ์
น่ากลัวมากไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย ต่างชาติกับคนไทยอยู่ร่วมกันได้เพียงแค่เคารพกฎซึ่งกันและกัน
ที่เกิดเหตุถ้าฝรั่งขับรถมีใบขับขี่ ตำรวจบอกให้จอดก็จอดไม่มีปัญหา แต่โดยส่วนมากฝรั่งมาอยู่บ้านเราใบขับขี่ไทยไม่มี พอตำรวจบอกให้จอดก็ไม่จอด เราก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่จอด ก็เลยมีการไล่กันมาจนถึงตรงนี้ ตำรวจก็บอกให้จอดเขาก็ไม่จอด ก็เลยมีการปาดหน้าแล้วก็ต่อยกันตรงนี้ ตำรวจบาดเจ็บที่นิ้วน่าจะหัก ฝรั่งก็ตัวใหญ่มาก ตำรวจสู้แรงฝรั่งไม่ไหว

ตำรวจทำงานดีที่สุดแล้ว
ด้านนายสมนึก จันคง อีกหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ฝรั่งชกต่อยตำรวจขี่กันมาทาง 5 แยก แต่ไม่รู้ว่าผิดอะไร แต่พอมาถึงตรงนี้ตำรวจน่าจะขอตรวจดูอะไร ไม่อยากให้เป็นตัวอย่าง อยากให้เขาเคารพกฎหมายของคนไทย ไปเที่ยวบ้านเขาเราก็เคารพกฎหมายบ้านเขา เพราะมาต่อยตีตำรวจเมืองไทยแบบนี้ตำรวจที่ไหนจะมารักษาความปลอดภัยให้เขาได้
เหตุการณ์แบบนี้น่ากลัว ใจก็อยากช่วยตำรวจแต่เขามีอาวุธก็เลยไม่กล้าเข้า อยากให้ตำรวจสู้ๆ รักษาความดีเข้าไว้ ให้นักท่องเที่ยวสบายใจว่ามาเที่ยวเมืองไทยปลอดภัย อยากให้ตำรวจรักษาตัว รักษาความดีสู้ๆ ต่อไป
ภายหลังเหตุการณ์ สื่อโซเชียลในภูเก็ตต่างนำภาพเหตุการณ์โพสต์เรื่องราว แชร์ต่อๆ กันสร้างกระแสความไม่พอใจไปทั่วเกาะภูเก็ต โดยโลกโซเชียลยังได้ขุดคุ้ยข้อมูลของทั้งคู่มาแชร์กันอีกว่า ทั้งคู่เป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้แบบผสม (mixed martial arts หรือ MMA) และปัจจุบันทำงานเป็นโค้ชในประเทศนิวซีแลนด์

แจ้ง 5 ข้อหา-ค้านประกัน
ขณะที่ทาง สภ.ฉลอง ก็ได้โพสต์ชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวระบุว่า ตามที่ได้มีนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ 2 นายก่อเหตุชิงทรัพย์และทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ในพื้นที่ สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2567 หลังทราบเหตุ พ.ต.อ.เอกรัตน์ พลายด้วง ผกก.สภ.ฉลอง ได้สั่งการให้จับกุมและควบคุมตัวชายชาวต่างชาติทั้งสองคน แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากนั้นจึงได้ร่วมกับผู้บังคับบัญชา เข้าเยี่ยมอาการของ ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ. (หมู่) จราจร ผู้ประสบเหตุพร้อมสอบถามเหตุการณ์ ให้กำลังใจ ซึ่ง ด.ต.สมศักดิ์มีขวัญและกำลังใจดีเยี่ยม
จากการสอบถามแพทย์ผู้รักษาอาการ แจ้งให้ทราบว่าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ต่อมาได้อนุญาตให้เดินทางกลับไปพักฟื้นที่บ้านพัก และได้ดำเนินการจัดการดูแลสวัสดิการสิทธิประโยชน์เจ้าพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ตามสิทธิให้ครบถ้วน

ต่อมาวันที่ 17 มีนาคม ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการดำเนินคดีกับสองพี่น้องชาวนิวซีแลนด์
โดยทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต บอกว่า หลังจากสามารถควบคุมตัวนักท่องเที่ยวทั้งสองได้ ทางพนักงานสอบสวนได้มีการดำเนินคดีทั้งสองใน 5 ความผิด ฐานร่วมกันชิงทรัพย์ ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ร่วมทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ร่วมกันพยายามให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจ ให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ และขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ
ทั้งสองรายยังให้การปฏิเสธ และขณะนี้ทั้งสองยังถูกฝากขังอยู่ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต นอกจากนั้น ทางพนักงานสอบสวนยังได้ดำเนินการประสานไปยังกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 ภูเก็ต เพื่อขอถอนวีซ่านักท่องเที่ยวทั้งสองแล้ว รวมทั้งคัดค้านการประกันตัว
ล่าสุดทาง ตม.6 ได้เพิกถอนวีซ่านักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ทั้งสองคนไปเรียบร้อยแล้ว โดยเดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ได้วีซ่านักท่องเที่ยวปกติ สามารถอยู่ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 9 เมษายน และในขณะนี้ไม่ได้รับสิทธินี้อีกต่อไป หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามข้อกล่าวหาทั้งหมดด้วย
ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง คุมตัวทั้ง 2 รายไปฝากขังที่ศาลจังหวัดภูเก็ต โดยมีทนายของผู้ต้องหายื่นขอประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทำให้ทั้ง 2 รายถูกนำตัวไปควบคุมตัวในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต
ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือคนไทย ก็มีทั้งดีทั้งร้าย ต้องแยกแยะอย่าเหมารวม ใครทำผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022