หนุ่มเมืองจันท์ : หลุมที่ 4

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

คนส่วนใหญ่จะรู้จัก “หนาม” รวิ อิทธิระวิวงศ์ จากข่าวงานวิวาห์ระดับชาติกับ “รัก” วรมาศ ศรีวัฒนประภา”

“รัก” เป็นลูกสาวของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” แห่ง “คิง เพาเวอร์”

ผมรู้จัก “หนาม” ครั้งแรก ตอนที่เขามาเรียน ABC รุ่น 4

เป็นน้องที่นิสัยดีมากคนหนึ่ง

และเป็นคนหนุ่มที่ไม่ธรรมดา

 

ตอนที่เขาเล่าประวัติในช่วง Talk ผมเพิ่งรู้ว่า “หนาม” เป็น “ดีไซเนอร์” ที่มีผลงานระดับโลก

เรื่องของเขาสนุกมาก

แต่ที่เหนือชั้นกว่าคือ การวางโครงเรื่อง

เขาเริ่มต้นด้วยรูปตอนเด็กที่พี่น้อง 3 คนใส่ชุดเหมือนกัน

วันเสาร์เป็นวันกิจกรรมของเด็ก 3 คน

เช้า ตีเทนนิส

บ่าย เล่นเปียโน

“หนาม” มีความสุขกับช่วงเช้ามาก

เขาชอบเล่นเทนนิส

แต่ทุกข์มากตอนบ่าย

เพราะเขาไม่ชอบเล่นเปียโนเลย

“หนาม” บอกว่าในชีวิตของเขาตกหลุมรัก 3 ครั้ง

ครั้งแรกเกิดขึ้นทุกเช้าวันเสาร์

เขาชอบ “ไม้เทนนิส” ยี่ห้อ “วิลสัน” รุ่น “แฮมเมอร์” มาก

ชอบ-ชอบ และชอบ

หลังจากเรียนอยู่เมืองไทยจนถึงอายุ 12 ปี

“หนาม” ไปเรียนต่อนิวซีแลนด์

มีวิชาหนึ่ง เป็นเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์

เขาชอบมาก

ตั้งใจว่าจะต้องเป็น “ดีไซเนอร์” ให้ได้

ช่วงนั้นเองที่เขาตกหลุมรักครั้งที่ 2

รองเท้า “ไนกี้” แอร์แม็กซ์ ปี 1905

ชอบมาก

เรียนอยู่นิวซีแลนด์ได้ 4-5 ปี เขาก็ย้ายไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา

เหตุผลง่ายๆ คือ เขาต้องการเดินทางตามหา “ความฝัน”

“หนาม” ไปเรียนด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์

เจอคอมพิวเตอร์แมคอินทอชรุ่นหนึ่งที่สวยมาก

เขาตกหลุมรักครั้งที่ 3

ปีสุดท้ายก่อนจบ “หนาม” ทำวิทยานิพนธ์เรื่องรองเท้า “ไนกี้”

รุ่นเปลี่ยนพื้นรองเท้าได้

หลังเรียนจบ เขาก็ใช้วิทยานิพนธ์ชิ้นนี้ไปสมัครงานที่ “ไนกี้”

แต่อกหัก

สมัครงานหลายที่ จนได้งานที่บริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์แห่งหนึ่ง

มีแบรนด์ดังๆ เป็นลูกค้ามากมาย

เขาโชว์รายชื่อลูกค้าของบริษัทนี้ให้ดูเต็มจอ

แล้วก็ชี้ให้ดูที่มุมขวาของจอ

“เห็นชื่อแบรนด์นี้ไหมครับ”

…”วิลสัน”

“หนาม” ได้รับงานที่เขาใฝ่ฝันมานาน

ตอนไปเสนองานให้ “วิลสัน” ครั้งแรก

เขาจัดเต็มแบบเกินราคา

“โอกาส” มาถึงแล้ว ต้องทำให้เต็มที่

รับหน้าที่วิจัยและพัฒนาไม้เทนนิส “วิลสัน” อยู่ 3 ปี

เก๋าจนได้ไปประจำการที่ “ยูเอส โอเพ่น”

นักเทนนิสส่วนใหญ่ใช้ไม้ “วิลสัน”

ใส่รองเท้า “ไนกี้”

ทีม “วิลสัน” กับ “ไนกี้” เจอกันแทบทุกวันจนคุ้นเคย

“หนาม” เล่าให้ทีมงาน “ไนกี้” ฟังเรื่องวิทยานิพนธ์ “รองเท้าเปลี่ยนพื้นได้” ของเขา

6 เดือนต่อมา รองเท้ารุ่นนี้ก็ออกสู่ตลาด

“หนาม” ได้เข้าไปทำงานที่ “ไนกี้”

“หลุมรัก” ครั้งที่ 2 ของเขา

ช่วงนี้เองที่ “หนาม” ได้โชว์ผลงานที่เขาภูมิใจมาก

ออกแบบนาฬิกาไนกี้สำหรับผู้หญิง

ตามปกติการออกแบบนาฬิกาผู้หญิงมักจะเน้นแค่สีสัน

แต่ “หนาม” อยากทำมากกว่านี้

เขาบอกว่าหลักคิดหนึ่งที่ได้จากงานนี้คือ “ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง แล้วขอโทษทีหลัง”

“หนาม” แอบประสานกับโรงงานทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบออกมา

เป็นนาฬิกาสีสันฉูดฉาด แต่รูปแบบคล้ายกำไลสวมข้อมือ

“ไนกี้” โอเค

ซื้อ “ไอเดีย”

ประเมินว่าจะขายได้สัก 40,000 เรือน

แต่ปรากฏว่าปีแรกปีเดียว ขายได้ 1,500,000 เรือน

นี่คือผลงานที่ “หนาม” ภูมิใจมาก

เพราะเป็นการพิสูจน์ไอเดียในสนามจริง

เป็นรางวัลจากผู้บริโภค

ไม่ใช่สมาคมนักออกแบบ

“หนาม” ย้ายไปทำงานที่บริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์ชื่อ Bellkin

สินค้าตัวหนึ่งของบริษัทก็คือ ผลิตภัณฑ์ของ “แอปเปิ้ล”

“หลุมรัก” ครั้งที่ 3 ของ “หนาม”

มีสินค้าหลายชิ้นที่ “หนาม” ออกแบบขายอยู่ใน “แอปเปิ้ล สโตร์”

“หนาม” ดูแลผลิตภัณฑ์ที่ป้อนให้ “แอปเปิ้ล สโตร์” 3 ปี

“วิลสัน” ก็ชวนไปอยู่ด้วย

ให้ตำแหน่งใหญ่มาก

“ผู้อำนวยการด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์”

“หนาม” บอกว่าเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิต

เพราะชีวิตของเขาอยู่แต่ในห้องประชุม

ตามตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้น

“หนาม” เริ่มตั้งคำถามว่า “สิ่งที่เราชอบคืออะไร”

และคำตอบก็คือ เขาไม่ได้ชอบประชุม

เขาชอบการออกแบบ

ชอบทดลองผลิตภัณฑ์

ชอบลองผิดลองถูก

“ให้ผมใช้ชีวิตแบบนี้ทุกวัน ผมก็อยู่ได้”

ในขณะเดียวกัน “หนาม” เริ่มรู้สึกว่าการออกแบบให้กับแบรนด์ดังๆ ทั้งหลาย

สุดท้ายก็เป็นของ “แบรนด์”

เขาไม่ได้เป็นเจ้าของงานที่ออกแบบเอง

ในที่สุด “หนาม” ก็ตัดสินใจลาออก

กลับมาตามหา “ความฝัน” ของเขาอีกครั้ง

…ที่เมืองไทย

เมืองที่เขาจากลาไปนานถึง 18 ปี

“หนาม” เริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า “พาสเทล”

สินค้าหลักคือเคสโทรศัพท์สวยๆ ที่ขายดีมาก

“หนาม” ตบท้ายว่า วันนี้ชีวิตของเขาก็ยังคงเดินบนเส้นทางเดิม

เส้นทางแห่ง “ความฝัน”

ผมชอบการวางโครงเรื่องของ “หนาม”

เริ่มต้นด้วยการบอกว่าเขาตกหลุมรัก 3 ครั้ง

กับ 3 แบรนด์

ใครจะไปนึกว่าวันหนึ่งเขาจะมีโอกาสได้ทำตาม “ความฝัน”

ได้ทำงานให้แบรนด์ที่เขารัก

“หนาม” ค่อยๆ เปิดตัวมาทีละนิด-ทีละนิด

เพื่อจะบอกว่าเขาได้ทำงานกับแบรนด์ที่เขาหลงรักครบแล้ว

เป็นการเล่าเรื่องที่คมมาก

แต่จริงๆ ผมว่า “หนาม” เล่าไม่หมด

เขาลืมเล่าถึงตอนที่เดินทางกลับมาเมืองไทย

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ “หนาม” เห็นภาพพรีเซ็นเตอร์ผู้หญิงคนหนึ่งพนมมือไหว้

และมีชื่อแบรนด์หนึ่งอยู่ข้างๆ

“คิง เพาเวอร์”

“หนาม” ตกหลุมรักครั้งที่ 4

ครับ ผู้หญิงคนนั้นก็คือ “รัก”

เขาก็ประสบความสำเร็จอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ “หนาม” ไม่ได้ทำงานกับสิ่งที่เขาหลงรัก

เหมือน 3 ครั้งก่อน

แต่เป็นการได้ใช้ชีวิตกับคนที่เขารัก

พร้อมสิทธิพิเศษ

…ห้ามลาออก