‘แม่นาค-แม่ณุน’ ใครตายทั้งกลม? บนวัฒนธรรม ‘ร่วม’ ไทยเขมร?

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์ | อภิญญา ตะวันออก

 

‘แม่นาค-แม่ณุน’

ใครตายทั้งกลม?

บนวัฒนธรรม ‘ร่วม’ ไทยเขมร?

 

องค์ที่ 1

ตัวละคร : ผีทั้งกลม 1 แม่นาคทุ่งพระโขนง, ผีทั้งกลม 2 แม่ณุน แขนขายาวขอบตาดำ อุ้มทารกในห่อผ้า นุ่งผ้าแถบโจงกระเบน ขยับปากและกรอกตาเวลาพูด, นักข่าว

ฉาก : กรุงเทพฯ ปี 2567 บริเวณหน้าโรงหนังห้างดังที่ฉายหนังเรื่องแม่ณุน ผู้คนโหรงเหรง พลัน เสียงแม่นาคก็ดังขึ้น

แม่นาค : อีนุ่น! (หมายถึงแม่ณุน) หือมึงๆ บอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อะร้าย มาทำเป็นเคลมวัฒนธรรม “ร่วม” ร่วมอะไร? หม้อดิน ผ้ายันต์ ผ้าแถบ มะนาว สาวแขน พี่มากผัวกู มึงบอกมานะ…ใครๆ เขาก็รู้กันดีว่า ทั้งหมดที่ว่ามามันคือ ตำนานของข้าฯ แม่นาคพระโขนง!

แม่ณุน : สะเอ๊ยะเนียงเนียจ (หมายถึงนางนาค) แหง/มึงเนี่ยนะ อัญ/กูได้ยินชื่อแหงมานานแล้ว ตั้งแต่ไหนน่ะรึ? สมัยเสียมปกครองบัตตัมบองมั้ง? ใครจะไปรู้ ก็คนเขมรเขารู้จักทุ่งพระโขนงมาตั้งแต่สมัยที่หลวงเสียมของแหง ตัดคลองแล้วกวาดต้อนเขมรไปเป็นแรงงาน จากนั้นก็ตั้งรกรากพระนครชั้นนอก หรือเขมรจะรู้จักพระโขนงของแหงตอนนั้น? ก็นี่ไงล่ะ วัฒนธรรมร่วมกัน!

แม่นาค : ช่างกล้าพูดนะอีนุ่น นังผีขนุน กูบอกมึงแล้วไง สมัยพระตะบองมีคนไทยไปอยู่ที่นั่นแล้วท้ายสมัยก่อนพวกบารังแย่งไป เขาร่ำลือเรื่องอะไร กูจะรู้มั้ย อีบ้า มีแต่มาดามบุน จันวิมล คนทำหนังของมึงนั่นแหละ ที่เอาเรื่องกูไปแต่งเป็นตุเป็นตะ

แถมตั้งชื่อมาให้พ้องกับชื่อกูไปอีก!

 

นักข่าว : คลับคล้ายคลับคลาว่า พ่อแม่มาดามบุนอพยพมาอยู่ที่พระตะบองจากกัมพูชาใต้ สมัยนั้น มีคณะพาร์ (Phare Ponleu Selpak) เคยเอาแม่นาคไปทำเป็นละครสั้นแสดงแบบกายกรรม แม่นาคเลยโด่งดังที่พระตะบอง

แม่นาค : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง แต่ฟังนะ กูชื่อนาคมีพระโขนงห้อยท้าย มึงก็ยังเรียกเสียมอยู่ได้ ถ้าอยากให้รู้ว่ากูอยู่ทุ่งไหน มึงบอกมา กูจะไปท่านั้น แต่ที่เขมรกูขอท่ากำปงเสียมแล้วกัน ฮา ฮา

แม่ณุน : โถ แม่ขโหมดพระโขนง อัญเขมรไม่มีทุ่งโน้นทุ่งนี้มาเรียกกัน นอกจากชื่อพ่อที่อัญใช้เป็นสิริมงคลตรงนามสกุล แหงคงไม่มีละสิท่า ฮ่า ฮา ฮา

แม่นาค : หน็อย แล้วใครใช้มึงมาเอาคำว่า “ตายทั้งกลม” ของกูไปใช้? หือ? ไม่มีหนทางทำมาหากินล่ะสิท่า อย่างนี้ เขาเรียกอะไรนะอีขโมยหรือนังขโหมด? กูล่ะงงจริงๆ

แม่ณุน : แม่นเฮย “เนียงล่ะงง” ที่แปลว่าโง่ โง่ไปอีก!

แม่นาค : ปั๊ดโธ่ อีณุน! นี่มึงด่ากูว่าโง่รึ? กูจะให้หมอผีไทยที่เก่งนักเก่งหนาจับมึงลงหม้อแล้วถ่วงน้ำ หน็อยออกมาด่าคนเสียมว่าไม่ดูหนัง ก็มึงเล่าเรื่องไม่มีน้ำยา ถ้าทำออกมาก็ไม่สนุก แถมตรรกะวิบัติ เอะอะ อ้างว่า ตายทั้งกลมมีทั้งภูมิภาค กูเนี่ย ร้อนเลย มึงจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย เปิดหน้าเผาป่าซังทำพีเอ็ม 2.5 แล้วบอกเป็นจริตวัฒนธรรมเดียวกัน?

หน็อย นังหัวขมาย จับผีแบบนี้ กูขอตายดีกว่า

 

นักข่าว : ได้เลย แม่นาค ปะทะ แม่ณุน หัวข้อ วัฒนธรรมร่วมตั้งแต่ปีที่แล้ว จำได้ มีเรื่องมวยไทยกับคุนแขมร์ที่ไล่บี้กีฬามวย ลีนี้ก็สงกรานต์ ล่อกันสนุกล่ะ

แม่นาค : สนุกพ่อมึงสินักข่าว ของข้าอยู่ที่ทุ่งพระโขนง มันก็บอกว่ามาจากปราสาทนครธมมีหลักฐานเรื่องเนียงเนียจ อีฉิบหาย แม้แต่ชื่อมันก็ยังลอกไปด้วย

แม่ณุน : อันนี้ อัญไม่รู้ มันอีกโปรดักชั่นหนึ่ง กำลังถ่ายกันอยู่

แม่นาค : ฟังนะ มันยังห่มสไบด้วย บอกมาจากนางนาคตอนแต่งงาน แล้วพระทองต้องจับชายสไบ

แม่ณุน : ก็ใช่สิ นั่นแสดงว่า บรรพบุรุษของอัญ เขาเคยห่มสไบ

แม่นาค : นั่นกูพอจะเข้าใจ แต่ที่ทุ่งพระโขนง กูไม่ห่มสไบทำไมมึงไม่เอาไปใช้บ้างในหนังเนียงเนียจอีกเรื่อง ใจคอ มึงจะไม่ให้กูได้อยู่สุขสบายเลยรึ?

แม่ณุน : แล้วมึงคิดว่าอัญสบายใจนักล่ะสิที่ต้องมาเป็นเพื่อนบ้าน แถมมีชาติพันธุ์คล้ายๆ กัน!

แม่นาค : นั่นสิ กูไม่เคยเห็นพวกมึงชอบกินหมากกินพลู ไม่เห็นปลูกพืชพวกนี้ เห็นแต่เอาไว้ทำพิธีสลาตอนขันหมากแต่งงาน แต่ในหนังฟันมึงงี้ ดำซะ กูยังอาย พ่อคุณนักข่าว คุณเห็นอะไรไหม จะให้เราเปิดใจยอมรับวัฒนธรรม “ร่วม” อะไร? เท่าที่อิฉันคิดได้ คือพระคุณเจ้า มีเรื่องเดียวจริงๆ ที่เอาไว้สวดตอนตาย

นักข่าว : เขาเรียกวัฒนธรรมร่วมสมัยเถรวาท!

แม่นาค : (ตบเข่าฉาดหนึ่ง) มีดีอยู่เรื่องเดียวที่เราไม่เดียดฉันท์กันมายาวนาน อย่างนั้นเจ้าคะ?

นักข่าว : แล้วทำไมยังดราม่ากับหนังแม่ณุนด้วยล่ะครับ

แม่นาค : ก็มันเอาเรื่องฉันไปทำทั้งดุ้น อ้างเป็นของตัวเอง! คิดดูสิเจ้าคะ แค่มันทำเรื่องเดียว ยังขายลิขสิทธิ์ให้พวกแขกอินโดฯ โถ ไทยทำแม่นาคมาตั้งกี่เวอร์ชั่น

ไม่มีเลยค่าน้ำหมากสักหยดเดียว

 

แม่ณุน : เนียงเสียม ลึก เนียงก็ริษยาอัญใช่มั้ย? เพราะสร๊กของอัญมันเก่าแก่น่าพิศวง ไม่งั้น อีหนัง “ธี่หยดภาคสอง” จะมาใช้โลเกชั่นที่ปราสาทตาโสมของอัญทำไม? แทนที่จะไปใช้ปราสาทตาควาย หรือสด๊กก๊กธมในไทยก็มี!

แม่นาค : พ่อนักข่าวเจ้าขา บอกอิฉันมาด่วนๆ เดี๋ยวนี้เขาเลิกนิยมจับผีลงตุ่ม ลงหม้อดินมัดผ้ายันต์กันแล้วหรือคะ?

นักข่าว : จ้ะ เรื่องนางนาคของย่า ตอนนี้มีแต่ที่กัมพูชาที่มลึงมลัง ส่วนของไทยเขาคงหมดแพสชั่นกันแล้วมังครับ

แม่นาค : โถ พ่อ อย่างนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่า “วัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” งั้นสิ? แล้ว ถ้าปล่อยทำแม่ณุน แม่เนียงเนียจ หรือแม่นาคฉบับเขมรไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเรื่องอิฉันเขาก็เอาไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกผีเขมร มียูเนสโกประทับตรา อิฉันก็หมดราคาสิเจ้าคะ?

นักข่าว : อย่าคิดมากเลยแม่นาค ขนาดนโยบายรัฐบาลหรือองค์กรอิสระอย่าง กกต. คจบ.ไทย-เขมรยังแยกกันไม่ออกเลย

แม่นาค : ไม่ได้นะเจ้าคะขนาดมี “ผัว” เรายังไม่ยอมเอาทองเท่าหัวเลย แล้วนี่ยิ่งเป็น “รัฐบาล” ใครจะยอมให้ร่วมผัวเมีย เอามาเป็นวัฒนธรรมร่วม เอะ คนสมัยนี้เขามีจริตพิสดาร สู้เอาฉันไปถ่วงน้ำ สิ้นการรับรู้ยังจะดีกว่า…

แม่ณุน : ฮา ฮ่า ฮา ในที่สุดแม่ก็เข้าใจแล้วสินะเรื่องวัฒนธรรมร่วม! ทีนี้ ก็เลิกแอนตี้อัญได้แล้ว!

 

แม่นาค : โชคดีของมึงอีนุ่น! ที่มึงยอมรับได้ แต่กูไม่อยากเป็นผีร่วมหม้อกับรัฐบาลแบบนี้

แม่ณุน : อะไรกันแม่นาค? ผู้นำนาวารัฐบาลของเราเขา “ดอง” กัน แม่จะมาเดียดฉันท์ วัฒนธรรมเครือญาติไม่ได้

นักข่าว : แม่นาคครับ แบบนี้ภาษาข่าวเขาเรียกทีฮูทีอิตหรือ “ทีแหงทีอัญ” ในภาษาเขมรใช่มั้ยแม่ณุน? พวกเขาก็แค่ “จิ้มก้อง” กันไปมา เอื้อเฟื้อเกี้ยะเซียะกันอย่างคิดมาสิ จำได้มั้ยตอนประชุมบีอาร์ไอ (BRI) ท่านประธานสีขอร้องให้เรารักกัน!

แม่นาค : โถ พ่อนักข่าว พ่ออย่าเอาเรื่องเรื่องลับๆ ในพรรคคอมมิวนิสต์มาลับสติปัญญาของนังผีแก่ตัวนี้เลย อิฉันมันไม่มีวาสนาจะสังฆกรรมวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่โหดร้ายแบบนี้

นักข่าว : ขอรับ อย่างที่เล่ามา นี่ไม่ใช่ปมบังเอิญเรื่องอะไรไทย-เขมร? อยากให้ดูๆ กันไปเหมือนการละครในออนไลน์ของไอโอนั่นไง!

แม่นาค : พ่อคุณ ยิ่งบ้าไปใหญ่ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ โลกคนยุคนี้ อีแม่ณุนบอกผู้นำมึงด้วย อย่าดีแต่เอาความร่ำรวยเข้าตัวเอง ลูกหลานมึงจะลำบาก

แม่ณุน : แมนเฮย แม่นาค ทีนี้ แม่ก็ยอมรับแล้วสินะว่าอัญกับแม่มีวัฒนธรรม “ร่วมกัน” ทั้งผู้นำและผู้ตาม!

แม่นาค : เออ กูเข้าใจทั้งหมดแล้วที่พ่อนักข่าวและมึงพูดมา

นักข่าว : ฮา ฮามันคือวัฒนธรรม “ตายทั้งกลม” ใช่มั้ยครับ?