เหตุใดเมื่อประสบกับคำวินิจฉัยโดยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 31 มกราคม ในข้อกล่าวหาว่าล้มล้างการปกครอง

พรรคก้าวไกลจึงประกาศเปิดรับสมาชิกพรรคเพื่อร่วมสร้างพรรคของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนและตามมาด้วยการเปิดรับ”บริจาค”ผ่านระบบตัดเช็ก

เมื่อผลการบริจาคในห้วงเวลา 48 ชั่วโมงปรากฏว่าได้เงินเป็นจำนวนมากกว่า 7 แสนบาท พรรคก้าวไกลก็ป่าวร้องด้วยความปรีติปราโมทย์เป็นอย่างสูง

ถามว่าแล้วผลการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคดำเนินไปอย่างไร ไม่มีคำตอบจากพรรคก้าวไกล เพียงแต่ยืนยันว่าจำนวน ใกล้หลักแสนเข้าไปทุกขณะ

ทั้งยังเป็นจำนวนที่แม้กระทั่ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ก็ออกมายอมรับว่าจำนวนสมาชิกพรรค ก้าวไกลมีมากกว่าจำนวนสมาชิกพรรคอนาคตใหม่

แม้จำนวนการบริจาคทั้งผ่านระบบภาษี ทั้งผ่านระบบตัดเช็ค จะทรงความหมายยิ่งสำหรับพรรคก้าวไกล

กระนั้น จำนวน”สมาชิกพรรค”ก็มีความสำคัญเป็นอย่างสูง

 

ถามว่าเป้าหมายแท้จริงของความคิดในการยุบพรรคการเมือง ไม่ว่ากรณีพรรคไทยรักไทย กรณีพรรคพลังประชาชน กรณีพรรคอนา คตโดยพื้นฐานแล้วคืออะไร

คำตอบชัดเจนว่าเพื่อสร้างภาวะระส่ำระสาย ตกอยู่ในอาการ ของผึ้งแตกรัง นำไปสู่การแตกและแยกตัวในทางการเมืองการแตกและแยกตัวทางการเมืองอ่านจาก”สมาชิก”

ตัวอย่างก็คือ การเกิดขึ้นของพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคประชาราช พรรคมัชฌิมาธิปไตย เมื่อยุบพรรคไทยรักไทย เกิดพรรคภูมิใจไทยเมื่อยุบพรรคพลังประชาชน

และเกิดโรคระบาดในเรื่อง”งูเห่า”ก่อนและภายหลังการยุบ พรรคอนาคตใหม่ ตรงนี้แหละที่ทำให้เห็นว่าเรื่อง”สมาชิกพรรค”มีความสำคัญ

ต้องถามว่าจำนวนสมาชิกพรรคเพื่อไทยตอนนี้เป็นอย่างไร คำถามนี้ย่อมโยงไปยังกรณีที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบ

 

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ออกมายอมรับว่าการย้ายสมาชิกพรรคจากพรรคที่ถูกยุบไปยังพรรคการเมืองใหม่ทรงความหมาย

นี่คือความยากลำบากจาก”อนาคตใหม่”ไป”ก้าวไกล”

จำนวนสมาชิกพรรคก้าวไกลที่ระบุว่าแตะหลักแสนจะแสดง ท่าทีอย่างไรหากมีการยุบพรรคก้าวไกลเกิดขึ้นจริง การย้ายจาก พรรคก้าวไกลไปยังพรรคใหม่ ยานพาหนะใหม่จึงสำคัญ

นี่ย่อมเป็น”โจทย์”อันแหลมคมยิ่งในทางการเมืองสำหรับอีกรุ่นหนึ่งภายหลังการยุบพรรคก้าวไกล