Entergalactica | นิวยอร์ก ความรัก และแกรฟิตี้

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

เป็นหนังการ์ตูนที่ภาพสวยมาก ลายเส้น การลงสี การเคลื่อนไหว บทภาพยนตร์ บทสนทนา เพลงและดนตรีประกอบ เนื้อเรื่อง เนื้อหา ข้อคิดที่ได้ ดีไปหมด

ผมเปิดดูโดยไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ใครสร้าง ตอนดูจบอ่านเครดิตท้ายเรื่องก็ไม่รู้จักอยู่ดีว่าเขาเป็นใคร (ทั้งที่เขาดังในวงการ) เก่งมาจากไหน เคยสร้างหนังอะไรมาก่อน แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ประเด็นแล้วนี่ หนังดีในตัวของมันเองอยู่แล้ว

หนังเล่าเรื่องอะไร ตอบยาก คิดเร็วๆ ผมจะตอบว่าหนังเล่าเรื่องนิวยอร์กก่อน

ถ้าจะมีอีกเรื่องก็เรื่องความรัก หนังเล่าเรื่องความรัก โดยจะมีบทพูดน่าประทับใจในตอนท้าย

ตัวละครคนหนึ่งในหนังเป็นคนพูดเอง เขาเป็นอาร์ติสต์จัดงานแสดงศิลปะให้เพื่อนพ้องศิลปินมาโชว์ของ เขาพูดว่านิวยอร์กมักถูกมองแต่ด้านมืดหรือแง่ลบ อันที่จริงนิวยอร์กเต็มไปด้วยสีสัน งานแสดงผลงานศิลปะครั้งนี้จะให้เห็นว่านิวยอร์กเป็นเมืองที่มีสีสันมากมายจริงๆ

ผลก็คือมิใช่แค่นิวยอร์กที่มีสีสัน หนังการ์ตูนเรื่องนี้ทั้งเรื่องเป็นสีสันที่ฝังในตัวเองทุกๆ ฉากจริงๆ ตอนดูแรกๆ ก็แปลกใจว่าเราเคยเห็นลักษณะการขีดเขียนลายเส้นและการลงสีแบบนี้จากที่ไหน ดูๆ ไปก็นึกออก

ใช่แล้ว หนังการ์ตูนทั้งเรื่องเหมือนภาพแกรฟิตี้พ่นสเปรย์ใต้สะพานที่เราเห็นตอนเดินทางไปต่างประเทศ ชัดเจนจัดจ้านแจ่มแจ๋วไม่มีอะไรพร่ามัวหรือปิดบังเลย จริงใจมาก

ฉากกลางวันกลางแจ้งบนถนนในสวนสาธารณะสว่างตา ฉากกลางคืนในห้องพักระเบียงตึกผับบาร์หรือตรอกซอกซอยใต้สะพานก็กระจ่างใจในความมืด

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฉากยามย่ำรุ่งย่ำค่ำที่งดงามตามด้วยฉากพาฝันเมื่อสองหนุ่มสาวล่องลอยขึ้นไปถึงอวกาศและล่วงเลยไปสู่กาแล็กซี่อื่นตามชื่อเรื่อง

ชวนดูมากๆ เลยครับ

พระเอกชื่อจาบารี เป็นชายหนุ่มผิวสี ท่าเดินและการพูดจาเหมือนที่เราเห็นในหนังผิวสีเรื่องอื่นๆ แต่เขามิได้ดูแย่แม้จะมีเพื่อนหลายระดับออกแนวมึงมาพาโวย สูบบุหรี่มวนต่อมวน แม้แต่ตอนแปรงฟันก็ยังคาบบุหรี่ เขาดูเป็นคนมีฐานะ งานการดี รายได้น่าจะดีเพราะเพิ่งย้ายบ้านขึ้นมาบนอพาร์ตเมนต์หรูมีระดับ ตกแต่งภายในอย่างอาร์ต ก็เพราะเขาเป็นอาร์ติสต์นั่นเอง

เขาชอบพ่นแกรฟิตี้ตามกำแพง เขาสร้างตัวละครเป็นนักสืบผิวสีใส่สูทดำชื่อมิสเตอร์เรเกอร์ติดตาท่านผู้ชมตามท้องถนนมีแฟนคลับคอยติดตาม

จนกระทั่งบริษัทคอสมิกคอมิกส์ถึงกับจ้างเขายกระดับมิสเตอร์เรเกอร์ขึ้นเป็นกราฟิกโนเวล

มิใช่จ้างธรรมดาหาออฟฟิศส่วนตัวให้นั่งทำงานในบริษัทเลย

นางเอกเมโดว เป็นคนผิวสีเหมือนกัน เธออยู่ห้องข้างๆ มีเพื่อนฝูงมากมาย มีงานปาร์ตี้เสียงดังในค่ำคืนหนึ่งจึงพรหมลิขิตบันดาลชักพาให้หนุ่มเดินไปต่อว่าสาวกลางดึกแล้วอึกอักพูดไม่ออกเพราะเธอช่างน่าดึงดูด

สองคนนัดกินข้าวกลางวันมื้อธรรมดาๆ ไม่มีพิธีรีตองในร้านธรรมดาๆ แต่นั่นนำไปสู่การพบกันครั้งต่อไปและครั้งต่อๆ ไป

โดยมีรถจักรยานของจาบารีเป็นยานพาหนะและนิวยอร์กอันหอมหวานเป็นฉากหลัง

แน่นอนว่าเพื่อนฝูงทั้งสองฝ่ายแสดงความเห็นกันฟังไม่ทัน ฝ่ายหญิงดูมีระดับกว่าอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็เป็นคนไนซ์มากกับทุกคนที่พบ

เธอเป็นช่างภาพอิสระและอดทึ่งกับแกรฟิตี้มิสเตอร์เรเกอร์ไม่ได้จนคิดจะเอารูปถ่ายจาบารีและมิสเตอร์เรเกอร์ที่เธอถ่ายเก็บไว้ไปออกแสดงในงานแสดงผลงานศิลปะนิวยอร์ก

“ทำไมเธอไม่เคยสนใจผิวขาวเลย” เพื่อนซี้เธอทัก “เฮมสเวิร์ตสักคนก็ได้” พลางเอ่ยชื่อสองพี่น้องเฮมสเวิร์ตสุดหล่อฮอลลีวู้ดเวลานี้

“การกดขี่” เมโดวตอบสั้นๆ oppression!

ตามสูตรหนังรัก แฟนเก่าจาบารีใส่เสื้อยืดของเขาที่ลืมทิ้งไว้แล้วกดเซลฟี่วาบหวิวส่งมาให้จาบารีกลางดึก เมโดวเป็นคนเปิดเห็น ทุกอย่างก็พังนับแต่นั้น

บทสนทนาตอนท้ายๆ มีดีๆ หลายตอน ประมาณนี้

“สถานะเราสองคนไม่ควรส่งรูปทำนองนี้หากันอีกแล้ว” จาบารีบอกแฟนเก่าให้รู้จักขอบเขต ความสัมพันธ์ยุติไปนานแล้ว

“ความรักเป็นเรื่องมหัศจรรย์เมื่อมันบังเอิญเกิดขึ้น แต่จะเป็นจริงได้เมื่อเราต้องลงมือ” เป็นพี่สาวของจาราบีที่เตือนสติเขา ตอบตัวเองให้ได้ว่ารักเขามั้ย ถ้ารักจะมัวแต่ถือดีหรืองอนกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้

“ทำไมดิชั้นชอบถ่ายรูป เพราะดิชั้นต้องการหยุดเวลานั้นไว้ หยุดมันไว้ตลอดกาลมิให้อะไรมาแผ้วพานมันได้อีก” เป็นสปีชของเมโดวเมื่อเธอเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายของเธอที่มีรูปเดี่ยวจาบารีเป็นผลงานเด่น แม้ว่าเขาอาจจะไม่มางานก็ตาม

หนังสร้างโดย Kid Cudi เครดิตด้านดนตรีและเพลงยาวเหยียด เพลงและดนตรีประกอบหนังเรื่องนี้ก็น่าฟังมาก ไพเราะตั้งแต่ฟังครั้งแรก

ชวนดูครับ •

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์