ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 มีนาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
เป็นหนังการ์ตูนที่ภาพสวยมาก ลายเส้น การลงสี การเคลื่อนไหว บทภาพยนตร์ บทสนทนา เพลงและดนตรีประกอบ เนื้อเรื่อง เนื้อหา ข้อคิดที่ได้ ดีไปหมด
ผมเปิดดูโดยไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ใครสร้าง ตอนดูจบอ่านเครดิตท้ายเรื่องก็ไม่รู้จักอยู่ดีว่าเขาเป็นใคร (ทั้งที่เขาดังในวงการ) เก่งมาจากไหน เคยสร้างหนังอะไรมาก่อน แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ประเด็นแล้วนี่ หนังดีในตัวของมันเองอยู่แล้ว
หนังเล่าเรื่องอะไร ตอบยาก คิดเร็วๆ ผมจะตอบว่าหนังเล่าเรื่องนิวยอร์กก่อน
ถ้าจะมีอีกเรื่องก็เรื่องความรัก หนังเล่าเรื่องความรัก โดยจะมีบทพูดน่าประทับใจในตอนท้าย
ตัวละครคนหนึ่งในหนังเป็นคนพูดเอง เขาเป็นอาร์ติสต์จัดงานแสดงศิลปะให้เพื่อนพ้องศิลปินมาโชว์ของ เขาพูดว่านิวยอร์กมักถูกมองแต่ด้านมืดหรือแง่ลบ อันที่จริงนิวยอร์กเต็มไปด้วยสีสัน งานแสดงผลงานศิลปะครั้งนี้จะให้เห็นว่านิวยอร์กเป็นเมืองที่มีสีสันมากมายจริงๆ
ผลก็คือมิใช่แค่นิวยอร์กที่มีสีสัน หนังการ์ตูนเรื่องนี้ทั้งเรื่องเป็นสีสันที่ฝังในตัวเองทุกๆ ฉากจริงๆ ตอนดูแรกๆ ก็แปลกใจว่าเราเคยเห็นลักษณะการขีดเขียนลายเส้นและการลงสีแบบนี้จากที่ไหน ดูๆ ไปก็นึกออก
ใช่แล้ว หนังการ์ตูนทั้งเรื่องเหมือนภาพแกรฟิตี้พ่นสเปรย์ใต้สะพานที่เราเห็นตอนเดินทางไปต่างประเทศ ชัดเจนจัดจ้านแจ่มแจ๋วไม่มีอะไรพร่ามัวหรือปิดบังเลย จริงใจมาก
ฉากกลางวันกลางแจ้งบนถนนในสวนสาธารณะสว่างตา ฉากกลางคืนในห้องพักระเบียงตึกผับบาร์หรือตรอกซอกซอยใต้สะพานก็กระจ่างใจในความมืด
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฉากยามย่ำรุ่งย่ำค่ำที่งดงามตามด้วยฉากพาฝันเมื่อสองหนุ่มสาวล่องลอยขึ้นไปถึงอวกาศและล่วงเลยไปสู่กาแล็กซี่อื่นตามชื่อเรื่อง
ชวนดูมากๆ เลยครับ
พระเอกชื่อจาบารี เป็นชายหนุ่มผิวสี ท่าเดินและการพูดจาเหมือนที่เราเห็นในหนังผิวสีเรื่องอื่นๆ แต่เขามิได้ดูแย่แม้จะมีเพื่อนหลายระดับออกแนวมึงมาพาโวย สูบบุหรี่มวนต่อมวน แม้แต่ตอนแปรงฟันก็ยังคาบบุหรี่ เขาดูเป็นคนมีฐานะ งานการดี รายได้น่าจะดีเพราะเพิ่งย้ายบ้านขึ้นมาบนอพาร์ตเมนต์หรูมีระดับ ตกแต่งภายในอย่างอาร์ต ก็เพราะเขาเป็นอาร์ติสต์นั่นเอง
เขาชอบพ่นแกรฟิตี้ตามกำแพง เขาสร้างตัวละครเป็นนักสืบผิวสีใส่สูทดำชื่อมิสเตอร์เรเกอร์ติดตาท่านผู้ชมตามท้องถนนมีแฟนคลับคอยติดตาม
จนกระทั่งบริษัทคอสมิกคอมิกส์ถึงกับจ้างเขายกระดับมิสเตอร์เรเกอร์ขึ้นเป็นกราฟิกโนเวล
มิใช่จ้างธรรมดาหาออฟฟิศส่วนตัวให้นั่งทำงานในบริษัทเลย
นางเอกเมโดว เป็นคนผิวสีเหมือนกัน เธออยู่ห้องข้างๆ มีเพื่อนฝูงมากมาย มีงานปาร์ตี้เสียงดังในค่ำคืนหนึ่งจึงพรหมลิขิตบันดาลชักพาให้หนุ่มเดินไปต่อว่าสาวกลางดึกแล้วอึกอักพูดไม่ออกเพราะเธอช่างน่าดึงดูด
สองคนนัดกินข้าวกลางวันมื้อธรรมดาๆ ไม่มีพิธีรีตองในร้านธรรมดาๆ แต่นั่นนำไปสู่การพบกันครั้งต่อไปและครั้งต่อๆ ไป
โดยมีรถจักรยานของจาบารีเป็นยานพาหนะและนิวยอร์กอันหอมหวานเป็นฉากหลัง
แน่นอนว่าเพื่อนฝูงทั้งสองฝ่ายแสดงความเห็นกันฟังไม่ทัน ฝ่ายหญิงดูมีระดับกว่าอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็เป็นคนไนซ์มากกับทุกคนที่พบ
เธอเป็นช่างภาพอิสระและอดทึ่งกับแกรฟิตี้มิสเตอร์เรเกอร์ไม่ได้จนคิดจะเอารูปถ่ายจาบารีและมิสเตอร์เรเกอร์ที่เธอถ่ายเก็บไว้ไปออกแสดงในงานแสดงผลงานศิลปะนิวยอร์ก
“ทำไมเธอไม่เคยสนใจผิวขาวเลย” เพื่อนซี้เธอทัก “เฮมสเวิร์ตสักคนก็ได้” พลางเอ่ยชื่อสองพี่น้องเฮมสเวิร์ตสุดหล่อฮอลลีวู้ดเวลานี้
“การกดขี่” เมโดวตอบสั้นๆ oppression!
ตามสูตรหนังรัก แฟนเก่าจาบารีใส่เสื้อยืดของเขาที่ลืมทิ้งไว้แล้วกดเซลฟี่วาบหวิวส่งมาให้จาบารีกลางดึก เมโดวเป็นคนเปิดเห็น ทุกอย่างก็พังนับแต่นั้น
บทสนทนาตอนท้ายๆ มีดีๆ หลายตอน ประมาณนี้
“สถานะเราสองคนไม่ควรส่งรูปทำนองนี้หากันอีกแล้ว” จาบารีบอกแฟนเก่าให้รู้จักขอบเขต ความสัมพันธ์ยุติไปนานแล้ว
“ความรักเป็นเรื่องมหัศจรรย์เมื่อมันบังเอิญเกิดขึ้น แต่จะเป็นจริงได้เมื่อเราต้องลงมือ” เป็นพี่สาวของจาราบีที่เตือนสติเขา ตอบตัวเองให้ได้ว่ารักเขามั้ย ถ้ารักจะมัวแต่ถือดีหรืองอนกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้
“ทำไมดิชั้นชอบถ่ายรูป เพราะดิชั้นต้องการหยุดเวลานั้นไว้ หยุดมันไว้ตลอดกาลมิให้อะไรมาแผ้วพานมันได้อีก” เป็นสปีชของเมโดวเมื่อเธอเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายของเธอที่มีรูปเดี่ยวจาบารีเป็นผลงานเด่น แม้ว่าเขาอาจจะไม่มางานก็ตาม
หนังสร้างโดย Kid Cudi เครดิตด้านดนตรีและเพลงยาวเหยียด เพลงและดนตรีประกอบหนังเรื่องนี้ก็น่าฟังมาก ไพเราะตั้งแต่ฟังครั้งแรก
ชวนดูครับ •
การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022