เบรก ตำรวจตัดตำรวจ “นกแก้ว-พญาอินทรี-สิงโต” โผล่ท่ามกลางศึก ‘บิ๊กสีกากี’

รุกได้ถอยเป็น สำหรับบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. นรต.รุ่น 47 “นายพลหนุ่ม” ที่ผ่านการกรำศึก สะสมประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน มีทักษะการเอาตัวรอด เข้าทำนอง “รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง”

หลังออกมาดับเครื่องชน “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ปมเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ที่เปิดตัวให้ข่าวในฐานะโฆษกคณะพนักงานสอบสวน มี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าตามคำสั่งแต่งตั้ง ผบ.ตร.

บิ๊กโจ๊กเคลียร์ประเด็นฟังกันชัดๆ ว่า ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้โดนแจ้งข้อกล่าวหาทั้งมาตรา 149 และมาตรา 157 เรื่องอยู่ในขั้นตอนส่งไปกรรมการ ป.ป.ช.เท่านั้น

อธิบายความว่า “สำนวนส่งไป ป.ป.ช.เดือนธันวาคม 2566 เชื่อว่าที่ไม่ส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจ เพราะรู้ว่าเป็นการทะเลาะกัน คงไม่อยากยุ่ง ดังนั้น การแถลงว่าจะขอเอาสำนวนมาให้ตำรวจ อ้างว่าได้ดำเนินการไปมากแล้วนั้น ถือเป็นการกดดัน ดูถูกการทำงาน ป.ป.ช.หรือไม่ ระบบการไต่สวน ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานตรวจสอบทุจริตโดยตรง มีความรอบคอบรัดกุมมากกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจ อีกทั้งตามระเบียบแล้วก็ต้องยึดสำนวนที่ ป.ป.ช.ไต่สวนเป็นหลัก ไม่มีระเบียบที่กำหนดว่าให้ยึดสำนวนของตำรวจเป็นหลัก”

พร้อมชิ่งไปถึง “บีไฮน์ เดอะซีน” ผู้ที่ตัวเองคิดว่าออกมาเปิดประเด็นดิสเครดิตว่า “ขอร้องให้ พล.ต.อ. หรือ พล.ต.ท. ออกมาให้ข้อมูลบ้าง อย่าเป็นอีแอบ ปอดแหกให้ลูกน้องออกมาตายอย่างเดียว เบอร์ใหญ่ออกมาชี้แจงบ้าง”

 

ปรากฏว่า 2 วัน ที่ “พล.ต.อ.” กับ “พล.ต.ต.” วิวาทะตีปิงปองสาวไส้กันนั้นได้ยึดพื้นที่ทุกสื่อ

ท่ามกลางสายตากังวลรุ่นใหญ่และคนทั่วไปว่าองค์กรตำรวจมีแต่พังกับพัง

ปรากฏว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ออกมาให้ข่าวว่าจะหย่าศึกด้วยการเชิญ “บิ๊กโจ๊ก” และ “บิ๊กเต่า” มาเคลียร์กัน

แต่ปรากฏว่า ทั้งสองนายพลตำรวจไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าของรหัส “พิทักษ์ 1” เลย

แถมบิ๊กโจ๊กบอกด้วยว่า “พร้อมพูดคุย ตามผู้บังคับบัญชาสั่งการ แต่ต้องเป็นการพูดคุยกันด้วยดี ไม่ใช่การเล่นกล เพราะการเล่นกลต้องยกให้เป็นหน้าที่นักมายากล ไม่ใช่หน้าที่ตำรวจ”

ระหว่างนั้น “เบอร์ 1” มีหนังสือบันทึกข้อความด่วนที่สุด ที่ 0001(ผบ)/48 กำชับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน ถึง รอง ผบ.ตร., จเรตำรวจแห่งชาติ, ผู้ช่วย ผบ.ตร., รองจเรตำรวจ, ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า และ ผบก. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ที่ทำให้กระทบภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะต้องให้ข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากโฆษกของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย หากฝ่าฝืนเข้าข่ายกระทำความผิดทางวินัย หรืออาญา เจอโทษเด็ดขาด

ตามด้วยคำสั่งลงนามโดย ผบ.ตร. ย้ายขาด 8 ตำรวจลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” เข้ากรุ ศปก.ตร.แบบถาวร อ้างเหตุอัยการสูงสุดร้องเรียนว่า พนักงานอัยการ 2 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นถึงอธิบดีอัยการ ที่ให้คำชี้แนะคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ถูกนายตำรวจกลุ่มนี้คุกคามตามถ่ายรูป

 

ต่อมา “บิ๊กต่อ” ได้เฉลยเหตุผลถึงสาเหตุที่ไม่ได้เรียกทั้ง “2 บิ๊ก” มาคุยกันตามที่ให้ข่าวไว้ว่า เพราะต้องการให้ทั้งสองอารมรณ์เย็นก่อน ไม่อยากให้มาคุยกันในช่วงที่มีกระแสข่าวร้อนแรง

ผบ.ต่อศักดิ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้ให้คนกลางเข้าไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกับทั้ง “บิ๊กเต่า” และ “บิ๊กโจ๊ก” แล้ว โดยขอให้หยุดสัมภาษณ์ในประเด็นที่จะทำให้เกิดความไม่สบายใจซึ่งกันและกัน ปรากฏทั้งสองก็พร้อมที่จะทำตามข้อตกลง

ส่วนจะเรียกทั้งสองนายตำรวจมาเจรจากันเพื่อปรับความเข้าใจกันอีกหรือไม่ ผบ.ตร.บอกว่าคงยังไม่สามารถตอบได้ แต่ยืนยันว่าถ้าจะทำอะไรต้องมีความชัดเจนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในเรื่องคดีก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน หากมีความผิดก็ไปต่อสู้กระบวนการในชั้นศาลตามหลักกฎหมาย

อีกทั้งยังเอ่ยปากถึงบันทึกข้อความด่วนที่สุด ที่ 0001(ผบ)/48 เรื่องกำชับการให้ข่าวว่า ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง พยายามทำให้ทุกฝ่ายรักใคร่สามัคคีกัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ให้สัมภาษณ์ไม่ได้เตรียมข้อมูลมาอย่างดีก่อนให้สัมภาษณ์ ทำให้เมื่อถูกสัมภาษณ์กะทันหัน การสื่อสารออกไปอาจสับสน ดังนั้น ผู้ที่จะให้สัมภาษณ์ได้จะต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมมากกว่านี้

“เรื่องที่เกิดขึ้นต้องให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ที่ผ่านมาได้พูดคุยทำความเข้าใจกับทั้งสองฝ่ายแล้ว จึงทำให้เหตุการณ์สงบลงใน 3 วัน”

“พิทักษ์ 1” ยังบอกด้วยว่า ได้ส่งข้อความและรูปภาพ “นกแก้ว” ที่มีสัญลักษณ์พูดเก่ง แต่ต้องอยู่ในกรง รูปภาพ “นกอินทรี” ไม่พูด แต่เป็นยอดนักล่า รูปภาพ “สิงโต” คำราม นานๆ คำรามที แต่เป็นเจ้าป่า ซึ่งสอนให้เราพูดให้น้อย ทำให้เยอะ ไปถึงผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย

 

สําหรับความเคลื่อนไหว “บิ๊กโจ๊ก” เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาพร้อมภรรยาและคุณแม่ตระเวนทำบุญ

ปรากฏตัวที่เกาะคำชะโนด บ้านโนนเมือง ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ได้จัดโต๊ะบวงสรวงชุดใหญ่พญานาค 9 เศียร ทำพิธีบวงสรวงและขอพรจากพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าประทุมมา

และกลับออกมาไปวัดศิริสุทโธทำบุญและกรวดน้ำแก่เจ้ากรรมนายเวร และเวียนเทียนที่วัดจอมศรี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นวัดที่รอง ผบ.ตร.ให้ความศรัทธา และไปถวายผ้าป่าที่วัดป่าอินทร์ด้วย

ตลอดทริปทำบุญมีประชาชนและบรรดาเอฟซีเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยรอยยิ้มอย่างอบอุ่น หลายคนมอบกำลังใจให้ต่อสู้เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไปและอย่าท้อถอย

 

นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก “สุรเชษฐ์ หักพาล” ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กลับมาอีกครั้ง หลังไม่มีความเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2562 สมัยเป็น ผบช.สตม.

โดยข้อความบนหน้าปกระบุว่า “ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ซื่อตรงต่อประชาชน ยึดประโยชน์ของประชาชนและชาติเป็นที่ตั้ง PROFESSIONAL POLICE”

เพจดังกล่าวนี้มีคนกดไลก์ 308,000 ราย ผู้ติดตาม 324,000 ราย พร้อมคอมเมนต์ให้กำลังใจเต็มที่

สะท้อนภาพลักษณ์นายตำรวจขวัญใจมวลชน

ถึงแม้คาดการณ์กันว่าทางเดินข้างหน้า “บิ๊กโจ๊ก” มีขวากหนามที่พยายามสกัดไม่ให้นั่งเก้าอี้ “ผบ.ตร.คนที่ 15”

จับคำพูดจาก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายคนสนิท ที่ยังหนักใจแทนนายพลหนุ่ม ถึงขนาดปาดเหงื่อ “ปม” ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษคดีเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์มินนี่

แต่สำหรับ “บิ๊กโจ๊ก” ยังมีแฟนคลับที่เข้มแข็งเป็นหลังพิงให้เสมอ ติดตามต่อว่าจะสมญานาม “แมว 9 ชีวิต” หรือไม่