บรู๊ค-ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกเพื่อไทย ในวันที่สังคมจับตา ‘แม้ว-อุ๊งอิ๊ง’ ปรับกลยุทธ์สื่อสาร ให้ทันเลือกตั้งครั้งหน้า

รายงานพิเศษ

 

บรู๊ค-ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกเพื่อไทย

ในวันที่สังคมจับตา ‘แม้ว-อุ๊งอิ๊ง’

ปรับกลยุทธ์สื่อสาร ให้ทันเลือกตั้งครั้งหน้า

 

ทีมมติชนสุดสัปดาห์ มีโอกาสสนทนากับบรู๊ค-ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย

ดนุพรบอกว่า เมื่อได้รับความไว้วางใจจากพรรคให้รับตำแหน่งโฆษกพรรคเพื่อไทยได้มีการปรับทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยซึ่งย่อมมีความคาดหวังทั้งจากพรรค รัฐบาล และที่สำคัญคือประชาชนที่คอยสนับสนุนพรรค

ผมเข้าใจในความคาดหวังของประชาชนที่สนับสนุน หรือประชาชนทั่วไปที่อยากรับรู้ข่าวสารของพรรค

ในขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลประมาณ 9 ปี ในระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาระบบการสื่อสารมีการพัฒนาอย่างมากตามสมัยที่เปลี่ยนไป หลังรัฐประหารปี 2557 ยุคสมัย 9 ปีก่อนตอนที่เราเป็นรัฐบาลกับสมัยนี้ระบบการสื่อสารมันพัฒนาไปไกลมาก

เช่น เรื่องโทรศัพท์ที่เมื่อก่อนแค่ 2 G ตอนนี้ปาไป 5 G แล้ว แพลตฟอร์มต่างๆ แอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่สามารถสื่อสารได้เองก็ไปไกลมาก

ดังนั้น งานโฆษกพรรคจึงไม่สามารถทำงานสื่อสารได้เพียงคนเดียวแล้ว

วันนี้เราต้องรวบรวมคนมากพอสมควรที่จะจัดระบบการสื่อสารของพรรคใหม่ มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านที่เข้ามาช่วยแนะนำ

ปัจจุบันงานด้านโฆษกไม่สามารถทำงานด้านการสื่อสารได้ตัวคนเดียว แต่ต้องทำงานเป็นทีม รวบรวมคนที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ด้านการสื่อสารทั้งด้านกราฟิกดีไซน์ คนติดตามประเด็นทางสังคม หรือมีเรื่องใดบ้างที่ต้องชี้แจงกับพี่น้องประชาชนรับรู้รับทราบ

ซึ่งทีมสื่อสารของพรรคและรองโฆษกมีอีก 4 ท่าน (น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กรรมการบริหารพรรค, น.ส.ชญาภา สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์) จะจัดระบบการสื่อสารของพรรคใหม่ให้เข้ากับยุคที่เปลี่ยนแปลงไป

โดยในการทำงานด้านโฆษกนั้น พรรคมีฝ่ายสื่อสารที่คอย monitor มีเทคโนโลยี social listening ที่เอามาช่วยในการสื่อสารนำมาย่อยเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่าย ที่สำคัญเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากรู้และอยู่ในกระแสของสังคม

: บทเรียนเรื่องการสื่อสารจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด

หลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา สิ่งที่พรรคต้องทำความเข้าใจกับประชาชนคือ การสื่อสารในฐานะเป็นพรรครัฐบาล ในขณะเดียวกันทีมโฆษกพรรคเมื่อครั้งก่อนเป็นรัฐบาลไม่ได้มีจำนวนมาก

เมื่อเราได้เป็นรัฐบาล ทีมโฆษกถูกแบ่งเป็นหลายๆ ส่วน

ส่วนหนึ่งประจำอยู่ที่พรรคเพื่อไทย หลายๆ ท่านที่มากประสบการณ์ มีความคล่องตัวในการสื่อสารและติดต่อกับสื่อและหลายๆ คน ตอนนี้ไปประจำอยู่ทำเนียบรัฐบาลคอยติดตามนายกรัฐมนตรี

อีกส่วนอยู่ที่รัฐสภา ดูแลงานสภาผู้แทนราษฎร

และอีกส่วนอยู่ที่พรรค ซึ่งคนที่อยู่ที่พรรคน้อยลงจากที่เรามีคนอยู่เท่าเดิม แต่ทุกทีมต้องมาประชุมร่วมกันเพื่อทำงานในเชิงลึกในการพูดคุย หารือ และเตรียมงาน ทั้งในส่วนของงานนายกรัฐมนตรี และกฎหมายที่มีความสำคัญ ที่เตรียมบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาและชี้แจงไปยังพี่น้องประชาชน

แต่ต้องยอมรับว่าการสื่อสารในส่วนของพรรคผมไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในบางครั้งอาจจะไม่รวดเร็ว บางเนื้อหาอาจจะไม่ได้รับข้อมูลที่รวดเร็วเท่าสื่อมวลชนหรือสื่อโซเซียล

เพราะฉะนั้น ในการสื่อสารออกไปแต่ละครั้งต้องเป็นข้อมูลเชิงลึกและเป็นข้อเท็จจริง

ในด้านของข้อมูลเรามีทำร่วมกันและประสานการทำงานกับรัฐบาล รัฐมนตรีในสังกัดของพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และโฆษกของแต่ละกระทรวงเพื่อแลกเปลี่ยนและร่วมกันแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ทั้งส่วนของพรรค สภาผู้แทนราษฎร และรัฐบาล เพื่อให้เป็นข้อมูลที่ผ่านการคัดกรองมาอย่างถี่ถ้วน

เนื่องจากไม่อยากให้มีความรู้สึกว่า พรรคเพื่อไทยสร้าง Fake News จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี พรรคจะเสียความน่าเชื่อถือ

เราจะไม่โต้ตอบด้วยอารมณ์ แต่เราใช้วิธีการชี้แจงด้วยเหตุผล

แต่ในอนาคตเราจะปรับเปลี่ยนวิธีการในการสื่อสาร ถ้าเรื่องเร่งด่วนหรือมีประเด็นสำคัญที่เป็นที่ถกเถียงในสังคมเราก็จะชี้แจงสื่อสารออกไปโดยเร็ว

และก็เข้าใจสำหรับผู้สนับสนุนที่มีคำติชมจากทุกฝ่าย เรายินดีรับฟังทุกข้อคิดเห็น และจะมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาการสื่อสารให้รวดเร็วมากขึ้นพร้อมกับความถูกต้องถือว่ามีความสำคัญที่สุด

และต้องขอบคุณนางแบก นายแบกผู้สนับสนุนพรรคทุกคนที่เข้าใจพรรคในการตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาล

เราต้องขอบคุณที่เข้าใจเรา เพราะฉะนั้น เราต้องรักษา voter ที่เข้าใจเราไว้ให้ได้มากที่สุด

 

: บทบาทโฆษกพรรคกับหัวหน้าพรรคที่ชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร”

ผมมองว่าคุณอุ๊งอิ๊ง เป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจเทคโนโลยี จริงจังและรวดเร็ว คอยดูแลสมาชิกพรรค รับฟังปัญหา

คุณอุ๊งอิ๊งได้ปรับรูปแบบการทำงานให้มีความใกล้ชิดและมีความใส่ใจในการรับฟังปัญหาที่ประชาชนที่สะท้อนมายัง ส.ส.ของพรรค

ในการประชุมพรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ คุณอุ๊งอิ๊งได้เข้าร่วมการประชุมกับ ส.ส. แบ่งเป็นภูมิภาค ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมใหญ่ คุณอุ๊งอิ๊งพยายามสอบถามเสมอ ถ้าหากมีปัญหาติดขัดอยากให้มาหารือร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายในพรรคหรือภายนอก

เนื่องจากสิ่งที่พรรคเพื่อไทยพยายามหลีกเลี่ยง คือไม่สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นมาอีกเพราะจะจบด้วยการรัฐประหาร

และที่สำคัญเราได้ลบครหาว่าเป็นกรรมการบริหารพรรคหุ่นเชิด

 

: การชู “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” จะเป็นจุดขายได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า?

ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยมีกลยุทธ์ โดยการชูนโยบายที่แปลกใหม่ อาจจะไม่ได้ชูคุณทักษิณเท่าเมื่อก่อน เพราะท่านก็บอกเองจะกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัว อาจจะต้องมีการคิดนโยบายที่รอบคอบ เพราะบางนโยบายอาจเขียนได้แต่ทำได้ยาก อย่างนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่เราเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดี เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่นโยบายที่แปลกใหม่ ไม่เคยทำมาก่อน อย่างเช่น 30 บาท เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะเกิดขึ้นมาได้

นโยบายที่ไปกระทบชีวิตประชาชนหมู่มาก จึงต้องมีเสียงสะท้อนกลับมาอยู่แล้วรัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องชี้แจง แต่ถ้ามีแรงต้านมากก็พร้อมถอย เราไม่อยากสร้างความขัดแย้งเพิ่มในสังคม แต่ถ้าเราไม่คิดนอกกรอบ ประเทศเราก็จะไม่ไปไหน

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะผลัดใบเข้าสู่เพื่อไทยรุ่นใหม่ เตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า และมีโอกาสกลับมาครองใจประชาชนอีกครั้ง

เพราะถ้าประชาชนไว้ใจในนโยบายที่เราเคยทำ มีประโยชน์ตรงกับความต้องการประชาชน สามารถแก้ปัญหาได้ ผมเชื่อก็เป็นจุดหนึ่งที่จะหันมาเลือกเรา

ไม่ว่าแคนดิเดตนายกฯ จะเป็นใครในอนาคต

 

: ความฝันของ “บรู๊ค ดนุพร”

สุดท้ายอาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพในฝันตั้งแต่เด็กเพราะชอบการเมือง พยายามเป็นนักการเมือง

เป็นความฝันที่ไม่ได้คิดไปไกล ไม่ได้อยากจะเป็นอะไรมากกว่าการเป็น ส.ส. การได้เป็น ส.ส. เป็นนักการเมืองถือว่าประสบความสำเร็จ ในช่วงที่มีการรัฐประหารไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ไปทำธุรกิจ ด้วยวัยอาจจะไม่สามารถอยู่หน้ากล้อง ผมก็ไปอยู่เบื้องหลังเป็นผู้จัด ไปทำรายการท่องเที่ยว

แต่เมื่อการเมืองให้โอกาสเราอีกครั้งเราก็กลับเข้ามา การเมืองเป็นอะไรที่เราชอบ ผมเข้าการเมืองครั้งแรกประมาณปี พ.ศ.2547 ผมก็อยู่ในเส้นทางการเมืองมาเกือบ 20 ปี เป็น ส.ส.มา 3 สมัย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือด เพราะพี่ชาย (พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์) ก็เป็นนักการเมือง ชอบที่จะอยู่รัฐสภาคอยตรวจสอบงบประมาณภาษีของประชาชน

ถ้าเราเป็นฝ่ายค้านเราก็ตรวจสอบฝ่ายบริหาร

ถ้าเราเป็นฝ่ายรัฐบาลก็คอยสนับสนุนท่านนายกฯ คณะรัฐมนตรี ในการทำนโยบายไปสู่พี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด

ผมไม่ได้มีความทะเยอทะยานอยากรับตำแหน่งใหญ่โต ต้องยอมรับว่าการเป็น ส.ส.สมัยนี้ได้รับงานหนักที่สุดตั้งแต่ได้เป็น ส.ส. แต่อาจจะเพราะด้วยวัยวุฒิที่โตขึ้น ได้รับโอกาสจากพรรค รวมถึงเป็นประธานกรรมธิการวิสามัญเรื่องสมรสเท่าเทียม ถือว่าเป็นงานที่สนุกและท้าทาย

ส่วนในอนาคตจะไปเป็นอย่างไร ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า

ชมคลิป