บทจบของ ‘อเล็กซี นาวัลนี’ ผู้เขย่าบัลลังก์ปูติน ไม่เกินคาด แต่ไม่ควรเกิด

AP

เป็นการจบชีวิตของผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียอีกคน สำหรับการตายของ “อเล็กซี นาวัลนี” ผู้นำฝ่ายค้าน และผู้ต่อต้านประธานาธิบดีปูตินมาตลอด

หลังจากนาวัลนีถูกจับกุมตัวเมื่อเดือนมกราคม 2021 ที่สนามบินในกรุงมอสโก ของรัสเซีย หลังเดินทางกลับจากการรักษาตัวที่ประเทศเยอรมนี โดยถูกกล่าวหาว่า ให้การสนับสนุนพวกหัวรุนแรง ที่เชื่อมโยงกับสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐ หรือซีไอเอ

ซึ่งนาวัลนีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาดังกล่าว

ก่อนจะถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลากว่า 30 ปี ให้ไปอยู่ที่เรือนจำโพลาร์โวล์ฟ ที่เมืองคาร์ป เขตปกครองตนเองยามาโล-เนเนตส์ แคว้นตูย์เมน ในภูมิภาคไซบีเรียตะวันตก

ก่อนจะมีข่าวว่า นาวัลนีได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์ของเรือนจำ ระบุว่า นาวัลนีมีอาการไม่สบายขณะเดินอยู่ภายในบริเวณเรือนจำ ก่อนที่จะล้มหมดสติไป และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

แต่สาเหตุที่แท้จริง ก็คงยากจะที่จะรู้ได้ ขณะที่หลายฝ่ายระบุว่า เรือนจำแห่งนี้ ถือว่าเป็นเรือนจำที่มีความเข้มงวดสูงสุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย และมีสภาพอากาศที่เลวร้ายในช่วงฤดูหนาว

 

นาวัลนีเป็นนักเคลื่อนไหว ที่ต่อต้านการคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐ และเคยเป็นแกนนำในการจัดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลรัสเซียครั้งใหญ่ อีกทั้งยังเคยถูกจับเข้าคุกหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็รอดออกมาได้

กระทั่งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2020 นาวัลนีเกิดอาการหมดสติขณะอยู่บนเครื่องบิน ระหว่างเดินทางจากเมืองทอมสก์ ไปยังกรุงมอสโก ครั้งนั้น ทีมงานของนาวัลนี คาดว่าน่าจะเกิดจากการถูกลอบวางยาในน้ำชาที่คาเฟ่แห่งหนึ่งที่สนามบิน

โดยนาวัลนีถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ก่อนที่รัสเซียจะอนุญาตให้ส่งตัวนาวัลนีไปรักษาตัวที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และแม้จะทำให้มีอาการโคม่า แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้

ครั้งนั้น รัฐบาลเยอรมนีระบุว่า จากการตรวจสอบพบหลักฐานที่ชัดเจนของสารเคมีที่ทำลายระบบประสาทในกลุ่มโนวีชอก ที่ปกติแล้วจะถูกนำไปใช้เป็นอาวุธเคมี

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียยืนยันว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว

และนาวัลนีก็รอดชีวิตมาได้ และได้เดินทางกลับมารัสเซียในต้นปี 2021 จนถูกควบคุมตัว ดำเนินคดีในที่สุด ก่อนที่จะจบชีวิตในเรือนจำ

 

แม้จะเป็นเรื่องที่หลายคนคาดไว้แล้วว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมาย แต่ก็ถือเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ และไม่ควรเกิดขึ้น กับผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับปูติน จะต้องมาจบชีวิตในเรือนจำอย่างปริศนาเช่นนี้

การเสียชีวิตของนาวัลนี ทำให้บรรดาผู้นำชาติตะวันตก ต่างพากันออกมาเคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจ

อย่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ระบุว่า ไม่รู้สึกประหลาดใจ แต่รู้สึกโกรธกับการเสียชีวิตของผู้นำที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลรัสเซีย และรัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณามาตรการลงโทษต่อรัสเซีย จากการเสียชีวิตของนาวัลนี

ขณะที่ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า นาวาลนีได้แสดงความกล้าหาญด้วยชีวิตของเขาแล้ว

 

ด้านครอบครัวของนาวัลนี ได้รับแจ้งว่า ศพของนาวัลนีจะไม่ถูกส่งคืนให้กับครอบครัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยคิรา ยาร์มิช โฆษกของนาวัลนี กล่าวว่า ลิวมิลา มารดาของนาวัลนี ที่ตระเวนตามหาร่างของบุตรชายหลังได้รับแจ้งเหตุการเสียชีวิต บอกว่า เธอเพิ่งได้รับแจ้งว่า ทางการจะเก็บร่างของนาวัลนีเอาไว้ก็เพื่อการวิเคราะห์ทางเคมี และยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าขณะนี้ศพของเขาถูกเก็บไว้ที่ใด

แต่ยาร์มิซ ไม่เชื่อ และโพสต์บนเอ็กซ์ว่า “พวกเขาโกหก ซื้อเวลาให้กับตัวเอง และยังพยายามที่จะซ่อนมันเอาไว้”

ด้านยูเลีย นาวัลนายา ภรรยาของนาวัลนี ได้กล่าวหาประธานาธิบดีปูติน ว่าเป็นผู้ฆ่าสามีของเธอ โดยใช้สารโนวีชอก และเธอเชื่อว่า ร่างของนาวัลนีจะถูกทางการรัสเซียเก็บเอาไว้ จนกว่าจะแน่ใจว่าร่องรอยของสารโนวีชอกจะหายไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปิดบังความจริง

นาวัลนายาให้คำมั่นว่า เธอจะสานต่องานของสามีที่ต่อสู้เพื่อรัสเซียที่เป็นอิสระ พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวรัสเซียทุกคนยืนเคียงข้างเธอ และแบ่งปันความโกรธและความเกลียดชังต่อผู้ที่กล้าฆ่าอนาคตของพวกเรา

“สิ่งสำคัญที่เราทุกคนทำได้เพื่ออเล็กซีและเพื่อตัวเราเองคือการสู้ต่อไป เราทุกคนต้องรวมตัวกันด้วยความแข็งแกร่งและโจมตีระบอบการปกครองที่บ้าคลั่ง ด้วยการสังหารอเล็กซี ปูตินได้ฆ่าฉันไปแล้วครึ่งหนึ่ง ครึ่งหนึ่งของหัวใจและครึ่งหนึ่งของจิตวิญญาณ แต่ฉันยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง และมันบอกกับฉันว่าฉันไม่มีสิทธิที่จะยอมแพ้ และฉันจะสานต่องานของเขาต่อไป” นาวัลนายากล่าว