Sonus faber Suprema | ฉลอง 40 ปี กับชุดลำโพงกว่า 30 ล้าน

เป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์เนื่องในวาระพิเศษของแบรนด์ ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการตั้งแต่ต้นปีระดับ แมกนิจูด x ริกเตอร์ เลยก็ว่าได้ ด้วยผ่านพ้นปีใหม่มาได้ไม่กี่วัน Sonus faber แบรนด์ลำโพงระดับ Ultra Hi-End สัญชาติอิตาลี ได้ประกาศการมาถึงของลำโพงรุ่นพิเศษ เนื่องในวาระ Ruby Anniversary หรือครบรอบ 40 ปี ของการก่อตั้งที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นระบบแบบ 5 ชิ้น/ชุด

โดยทั้งชุดกอปรไปด้วยลำโพงหลัก ซ้าย/ขวา หนึ่งคู่ ลำโพงย่านความถี่ต่ำพิเศษ หรือ Sub-Woofer สองตู้ และอิเล็กทรอนิกส์ ครอสส์โอเวอร์ เน็ตเวิร์ก แบบภายนอกอีกหนึ่งเครื่อง

พร้อมเปิดราคาทั้งซิสเต็มเอาไว้ที่ 695,000 ปอนด์ หรือกว่าสามสิบล้าน (บาท) ดังที่จ่าหัวนั่นแหละครับ

และประกาศว่านี่คือ ‘จุดสุดยอดแห่งเสียง’ หรือ The Pinnacle of Audio อย่างแท้จริง

เมื่อแรกที่ย่างก้าวเข้ามาในยุทธจักรลำโพงนั้น Sonus faber เรียกตัวเองว่าเสมอด้วย ‘ช่างฝีมือแห่งเสียง’ หรือ Artisan of Sound ที่มุ่งมั่นในการให้เกียรติและยกระดับงานฝีมือที่เป็นจิตวิญญาณของชนชาวอิตาลีอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าดนตรีเป็นประสบการณ์ของหลากประสาทสัมผัส ที่มีพลังอย่างเหลือเชื่อในการยกระดับชีวิตของผู้คน

พวกเขาจึงได้เริ่มต้นสร้างมรดกด้วยการรังสรรค์ลำโพงขึ้นมา เพื่อให้ทำหน้าที่เสมอด้วยการทำงานของนานาเครื่องดนตรีอย่างแท้จริง

โดยยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดของทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความหรูหราอันทรงคุณค่า การออกแบบ ตลอดจนในด้านของเทคโนโลยี

งานฝีมือทุกชิ้นของ Sonus faber จะกอปรขึ้นมาจากไม้ชั้นเยี่ยมและวัสดุที่ดีที่สุดเท่านั้น เพื่อให้เป็นงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเพื่อให้ผู้ฟังได้ดื่มด่ำไปกับความสุนทรีย์ของเสียงดนตรี อันถึงพร้อมอย่างเป็นที่สุดในทุกๆ ด้านของแต่ละเส้นเสียงอันลึกซึ้ง

กล่าวโดยรวบรัดก็คือพวกเขามีเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นคือสร้างระบบลำโพงที่มีคุณภาพทางดนตรีอันเหนือกว่า จากวัสดุธรรมชาติและการออกแบบอย่างเป็นสำคัญ

พวกเขาที่ว่าก็คือกลุ่มออดิโอไฟล์ที่มีเจตจำนงแรงกล้าดังที่กล่าวไป นำโดย Franco Serblin ผู้มีความหลงใหลในการเล่นดนตรีอย่างไร้ขีดจำกัด

และผลงานชิ้นแรกของพวกเขาที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1980 ก็คือชุดลำโพงที่เรียกว่า Snail Project ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากภาพร่างของศิลปิน Leonardo Da Vinci มีลักษณะโครงสร้างเป็นแบบสามชิ้น/ชุด โดยมีตู้หลักอยู่กึ่งกลางและมีแขนยื่นออกไปด้านข้าง ซ้าย/ขวา

โดยที่ปลายแขนแต่ละข้างติดตั้งด้วยลำโพงแซตเทิลไลต์ เหมือนกับชุดลำโพง Satellite/Sub-Woofer ในปัจจุบันที่เรียกกันติดปากว่า Sat/Sub System นั่นเอง

ลำโพงชุดนี้มีชื่อเรียกในวงการว่า Franco Serblin Snail Project ซึ่งเมื่อปี ค.ศ.2016 Sonus faber ได้นำชุดลำโพงโปรเจ็กต์นี้มาพัฒนาอีกครั้ง โดยทำออกมาในแบบลำโพง All-in-One

แบรนด์ Sonus faber ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1983 กับลำโพงรุ่นแรก คือ Parva ลำโพงแบบสองทาง, วางหิ้ง ที่มีโครงสร้างตู้ขึ้นรูปด้วยไม้วอลนัทและมีแผ่นหนังแท้ (Genuine Leather) ประกอบเข้าที่แผงหน้าตู้ ซึ่งประสบความสำเร็จทางด้านการตลาดอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันก็เป็นที่ชื่นชอบเชิงชื่นชมของบรรดานักนักวิจารณ์มากกว่ามากอีกด้วย

จากนั้นก็ได้สั่งสมประสบการณ์และสร้างชื่อเสียงเป็นที่เชื่อถือของผู้คนในวงการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ วันที่ครบวาระสี่ทศวรรษของแบรนด์ กับการนำเสนอผลงานล่าสุดที่ตอกย้ำความเป็นเลิศทางด้านนี้ได้เป็นอย่างดีด้วย The Suprema ที่สื่อทางตะวันตกบางรายถึงกับออกปาก ว่านี่เป็นโครงการเฉลิมฉลองที่สุดแสนจะทะเยอทะยานและน่าทึ่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ขณะที่ทางแบรนด์เองก็บอกว่า – นี่คืองานออกแบบที่มีรากฐานมาจากความหรูหรา ความเป็นเลิศด้านเสียงที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ ทั้งยังเป็นงานฝีมือที่ประณีตพิถีพิถันอย่างถึงที่สุดแล้ว–

สุนทรียศาสตร์ของ The Suprema นั้น ประกอบไปด้วยชุดลำโพงสี่ตัว ที่มีโครงสร้างถอดแบบมาจากรูปทรงของพิณลิวท์ (Lute) โดยเฉพาะกับชุดลำโพงหลัก ซ้าย/ขวา ที่ย้อนระลึกไปยังต้นแบบของลำโพงทรงนี้ นั่นก็คือรุ่น Guarneri

ขณะที่โครงสร้างตู้ของสับ-วูฟเฟอร์มีทรงค่อนข้างแบน และดูเรียวรีมากกว่าเมื่อมองลงมาจากด้านบนนั้น เป็นการนำภาพลักษณ์รุ่น Stradivarius เข้ามาผสมสานด้วย

ทำให้นอกจากลำโพงทั้งสี่จะแลดูกลมกลืนกันเป็นอย่างดีแล้ว เพียงแค่สัมผัสด้วยสายตาก็เชื่อว่าทุกคนที่เห็นก็มั่นใจ และสามารถวางใจถึงความเป็น Sonus faber ได้เป็นอย่างดี

วัสดุหลากหลายประเภทได้ถูกคัดสรรมาใช้ในลำโพงซิสเต็มนี้ด้วยความพิถีพิถันยิ่ง โดยเฉพาะในแง่ของคุณสมบัติเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไม้ คาร์บอนไฟเบอร์ ตลอดจนโลหะอย่างอะลูมิเนียมเนื้อแข็ง ที่ขึ้นรูปตามต้องการด้วยเครื่องจักรแบบ CNC : Computer Numerical Control ที่มีความถูกต้องเที่ยงตรงสูงสุด และทั้งหมดจะต้องมีส่วนร่วมในการเสริมคุณประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพื่อนำมาซึ่งคำตอบสุดท้ายอันหมายถึงคุณภาพเสียง ที่จะต้องยอดเยี่ยมอย่างถึงที่สุดสมกับที่เป็นจุดสุดยอดของเสียงอย่างแท้จริง

และอีกเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เป็นการขึงแผงหน้าตู้ด้วยผืนหนังนั้น ในลำโพงรุ่นพิเศษชุดนี้ Sonus faber ได้ร่วมมือกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรูอย่าง Poltrona Frau ด้วยการนำหนังรุ่นพิเศษ Pelle Frau Impact Less ที่ผ่านการฟอกโดยปราศจากโครเมียมมาใช้กับแผงหน้าของลำโพงทั้งสี่ตู้

ระบบการทำงานของลำโพงชุดนี้เป็นแบบ 4/5 ทาง ในลำโพงชุดหลักนั้นใช้ไดรเวอร์ 8 ตัว ยิงเสียงออกทางด้านหน้า โดยมีอีก 2 ตัว ยิงออกทางด้านหลัง วูฟเฟอร์ที่แผงหน้าตู้ตอนบนสองตัว และตอนล่างสามตัวนั้น ใช้ไดอะแฟรมขึ้นรูปด้วยเยื่อกระดาษ ประกอบเข้ากับแผ่นเมมเบรนแบบพิเศษ ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความะเอียดของเสียงแล้ว ยังช่วยขจัดเสียงสะท้อนอีกด้วย ชุดแม่เหล็กที่ด้านหลังเป็นแบบ Dual-Drive โดยองค์ประกอบทั้งหมดของตัวขับเสียงถูกวางเอาไว้ในเบ้ารับแบบออร์แกนิก เพื่อช่วยควบคุมให้การไหลเวียนของอากาศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ตัวขับเสียงย่านความถี่กลาง Camila Midrange นั้น ถูกออกแบบใหม่หมด พร้อมจัดวางอยู่ในโครงสร้างเดียวกันกับทวีตเตอร์ และซูเปอร์ ทวีตเตอร์ เพื่อให้การทำงานที่สอดประสานกันอย่างลื่นไหล มีความต่อเนื่องและทอดหางเสียงไปได้ไกลเหมือนไร้ที่สิ้นสุดก่อนจะลาดลงอย่างนุ่มนวล

ระบบสับ-วูฟเฟอร์ที่แยกออกต่างหากก็เพื่อให้ได้การทำงานอย่างเหมาะสมกับชุดลำโพงหลัก โดยมิต้องพะวงถึงตำแหน่งตั้งวางแต่อย่างใด แต่ละตู้ใช้ไดรเวอร์ขนาด 38 เซนติเมตร, สองตัว ระบบมอเตอร์ใช้แม่เหล็กนีโอไดเมียม ให้การทำงานลงไปได้ต่ำลึกถึงระดับ 16 เฮิร์ตซ์

ตู้ลำโพงทั้งหมดถูกออกแบบให้แยกจากผิวพื้นที่ตั้งวางอย่างเหมาะสม เพื่อให้เสียงที่ถ่ายทอดออกมานั้นปราศจากผลกระทบข้างเคียงใดๆ อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นการออกแบบของผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะอย่าง IsoAcoustics ที่เป็นพันธมิตรในการออกแบบกับ Sonus faber มาอย่างยาวนาน

สำหรับครอสส์โอเวอร์เป็นแบบ Dual-Mono & Fully Balanced ใช้หลักการผสมผสานที่ดี่สุดของการกำหนดค่าอะคูสติกทางไฟฟ้า เพื่อการทำงานร่วมกันทั้งระบบของ The Suprema มีความสมบูรณ์อย่างถึงที่สุด

รายละเอียดของชุดลำโพงกว่าสามสิบล้านก็มีให้ทราบพอเป็นสังเขปดังที่ว่านี้แหละครับ •

 

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]