ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย | ประจำวันที่ 16-22 กุมภาพันธ์ 2567
• จีเอ็มโอ-เอ็นจีโอ
ตามที่รัฐสภายุโรป
ได้ลงมติผ่อนปรนเกี่ยวกับการควบคุมพืชแก้ไขยีน (new genomic techniques-NGTs)
หรือ พืชที่ผ่านกระบวนการปรับปรุงพันธุ์โดยเทคโนโลยี gene editing
ด้วยคะแนนเสียง 307 ต่อ 263 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมานั้น
ไม่ใช่เป็นการเซ็นเช็คเปล่าแก่การปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีการดังกล่าวแต่ประการใด
กล่าวคือ เป็นการผ่อนปรนพร้อมเงื่อนไข 5 เรื่องใหญ่สำคัญดังนี้
1) พืชแก้ไขยีนมีบางประเภท ที่เรียกว่า ‘NGT1’ เท่านั้นที่จะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดของกฎหมาย GMO ของสหภาพยุโรป
ในขณะที่พืช ‘NGT2’ ยังคงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดต่อไป
2) รัฐสภายุโรปเห็นพ้องว่า ผลิตภัณฑ์จากพืชแก้ไขยีนต้องมีการบังคับติดฉลากทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น NGT1 หรือ NGT2
3) พืชแก้ไขยีนและผลิตภัณฑ์จากพืชดังกล่าวต้องมีข้อกำหนดกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับและมีมาตรการป้องกัน
เพื่อให้แน่ใจว่าหากพบปัญหาเกิดขึ้นจะมีการเพิกถอนการอนุญาต ไปจนถึงการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
4) รัฐสภายุโรปเห็นพ้องต้องกันว่าพืชแก้ไขยีนทั้งหมดยังคงถูกห้ามในการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์
5) ห้ามการจดสิทธิบัตรพืช NGT
หน่วยงานของรัฐบาลในสหภาพยุโรป อย่างน้อย 2 องค์กรคือ BfN ของเยอรมนี และ ANSES ซึ่งดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยทางอาหารของฝรั่งเศส เห็นว่าการผ่อนปรนให้ NGT1 นั้น ขาดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับอย่างเพียงพอ (กล่าวคือ ต้องการให้มีการควบคุมพืชแก้ไขยีนต้องมีแนวปฏิบัติของพืช GMO ต่อไป)
แม้จะมีเงื่อนไขหลายประการสำหรับการผ่อนปรนพืชแก้ไขยีนดังกล่าว แต่เครือข่ายของเกษตรกรรายย่อยและยุโรป (European Coordination Via Campesina) ประณามว่าการลงมติดังกล่าวเป็นเป็นการละเลย “สิทธิของเกษตรกรและสิทธิพลเมือง” ในเรื่องเกษตรและอาหาร เป็นการ “ให้ความสำคัญกับข้อเรียกร้องของบริษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติมากกว่าสิทธิของประชากรยุโรป”
ไบโอไทยเห็นว่าเรื่องพืชดัดแปลงยีนและ GMO นั้นมีเส้นแบ่งใกล้กันมาก
ต้องมีการศึกษาอย่างรอบคอบก่อนจะตัดสินใจว่าจะมีการผ่อนปรนสำหรับ NGTs อีกทั้งต้องรู้ทันการสอดไส้ GMO แบบเนียนๆ เพื่อหลบเลี่ยงกฎหมาย
กระทรวงเกษตรและรัฐบาลไทยจำเป็นต้องรอบคอบและระมัดระวังเป็นอย่างสูง
เพราะการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความมั่นคงและอธิปไตยทางอาหาร
และความอยู่รอดของเกษตรกรรายย่อยทั้งหมด
ไบโอไทย
การควบคุมพืชแก้ไขยีนและจีเอ็มโอ
คืบหน้าไปอีกก้าว
กรณีรัฐสภายุโรป “เปิดช่อง” การยอมรับ
แต่กระนั้น ท่าทีของ “ไบโอไทย” และเอ็นจีโอในหลายประเทศ
ก็ส่งคำเตือน ให้รอบคอบ และคิดให้ถี่ถ้วน
การถ่วงดุล ซึ่งกันและกันเช่นนี้
ทำให้เราในฐานะผู้บริโภคได้ชั่งน้ำหนัก
ว่าควรจะมีท่าทีต่อกรณีนี้อย่างไร
อย่าเบื่อที่จะเปิดหู-เปิดตา เพื่อติดตามเรื่องนี้
• ในคำสัญญา
จําได้ว่าช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เกิดอาการไม่ปลื้มในการปรับลดราคาน้ำมัน แบบต้องลุ้นกันรายวันแล้วตำหนิข้าราชการกระทรวงพลังงานว่าราคาน้ำมันต้องลดลงกว่านี้เพื่อช่วยชาวบ้าน
ผลปรากฏว่าราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ลดลงทันที 2 บาท ชาวบ้านปลื้มกันทั้งประเทศ
ยิ่งในช่วงปีใหม่ คุณพีระพันธุ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ด้วยอักษรที่เร้าใจบางตอนว่า “ไม่ว่าจะภายใต้โครงสร้างพลังงานที่ถูกหรือผิด แต่ถ้าจะทำจริงทำได้ทั้งนั้น ผมจะรื้อทิ้งให้หมด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพื่อปลดพันธนการชีวิตจากค่าพลังงานที่ควบคุมไม่ได้ จะสร้างระบบพลังงานของประเทศขึ้นมาใหม่ ให้มีความเป็นธรรมอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตามนโยบาย ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ และแนวทางการทำงานแบบสู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง
สิ่งที่เตรียมจะทำต่อให้ดีขึ้นในปี 2567 จะไม่ใช่แค่การปรับโครงสร้าง แต่จะรื้อระบบที่มีผู้ได้รับประโยชน์มหาศาลมายาวนาน ต่อไปผู้ที่จะได้ประโยชน์คือคนไทยและประเทศไทยเท่านั้น เชื่อว่าการรื้อครั้งนี้ จะมีคนคัดค้านมากมาย เพราะผู้ที่เคยได้ประโยชน์แบบรากงอกต้องเสียประโยชน์มหาศาล คนเหล่านี้ที่ผ่านมาใช้ระบบสปอนเซอร์ เป็นเกราะคุ้มตัวตลอดมา แต่ผมไม่กลัวและจะทำ…” คุณพีระพันธุ์ระบุ
อ่านแล้วรู้สึกปลื้มเพราะเจอคนจริงและจะได้ใช้น้ำมันราคาถูกลงแน่นอน
พอขึ้นปีใหม่แค่มกราคมเดือนเดียวน้ำมันกลุ่มโซฮอล์ปรับขึ้นแล้ว 6 ครั้ง รวมตกลิตรละ 2.30 บาท ขึ้นเกินมาแล้ว .30 บาท ยังไม่เห็นคุณพีระพันธุ์จะขับเคลื่อน “รื้อ ลด ปลด สร้าง” โครงสร้างราคาน้ำมันให้เห็นเลย
จึงไม่แน่ใจว่าที่ประกาศไม่กลัวใคร เก็บใส่ลิ้นชักไปแล้วหรือยัง?
ขอทวงสัญญาให้กับตัวเองและชาวบ้าน ผ่าน “มติชนสุดสัปดาห์” ด้วย
ฟังเพลง “ก็เคยสัญญา” ของ “อัสนี-วสันต์” คราใด หน้าคุณพีระพันธุ์ ก็ลอยมาให้เห็น!!!
ชาญชัย
สัปดาห์ที่แล้ว
ชาญชัยก็ชี้ชวนให้ทบทวนความจำ กรณี “ยึดสนามบิน”
มาสัปดาห์นี้
ก็มาชวนทบทวนความจำ เรื่อง “พลังงาน” อีก
ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวชาวบ้าน
มีเหตุผลที่ควรทบทวนความจำ
เลยให้สิทธิคุณชาญชัย “ทวง” กันแบบต่อเนื่อง
• ยูโอบี ชี้แจง
เรียน บรรณาธิการ มติชนสุดสัปดาห์
เนื่องจากรายงานข่าวหัวข้อ “ธนาคารแห่งอาเซียน” ที่ตีพิพม์ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2567 ได้นำเสนอข้อมูลจำนวนสาขาของธนาคารยูโอบีในต่างประเทศที่ไม่ถูกต้อง
ธนาคารจึงขอเรียนชี้แจงข้อมูลล่าสุด ตามที่ปรากฏในรายงานประจำปี 2565 ของธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ดังต่อไปนี้
USA 3 สาขา
Canada 3 สาขา
UK 1 สาขา
France1 สาขา
Australia 2 สาขา
Brunei 2 สาขา
Hong Kong 3 สาขา
India 2 สาขา
Indonesia 134 สาขา
Japan 2 สาขา
Mainland China 21 สาขา
Malaysia 59 สาขา
Myanmar 2 สาขา
Philippines 1 สาขา
Singapore 70 สาขา
South Korea 1สาขา
Taiwan 2 สาขา
Thailand 151 สาขา
Vietnam 8 สาขา
ธนาคารจึงเรียนมาเพื่อทราบ และเพื่อพิจารณาเผยแพร่ตามเห็นสมควร ขอขอบพระคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้
ด้วยความนับถืออย่างสูง
ธรรัตน โอฬารหาญกิจ
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย
รับทราบตามคำชี้แจงครับ •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022