ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
การใช้อำนาจของฝ่ายตุลาการ
ยังมีผลต่อเนื่อง
1.ผู้สั่งการปราบผู้ชุมนุมปี 2553 จนเสียชีวิตและบาดเจ็บ… ไม่ถูกฟ้อง
29 ธันวาคม 2558 ป.ป.ช.มีมติให้ข้อกล่าวหาต่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สุเทพ เทือกสุบรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. กับพวกสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ตกไป ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ที่ทำผิด ถือเป็นความรับผิดเฉพาะตัว
17 กุมภาพันธ์ 2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องอภิสิทธิ์-สุเทพออกคำสั่ง ศอฉ.สลายการชุมนุมปี 2553 ถือว่าไม่ได้กระทำในฐานะส่วนตัว เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องให้ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูล
สรุปว่าไม่มีผู้สั่งการคนใดถูกฟ้อง แต่ฝ่ายผู้ชุมนุมทวงบ้านกะลาทอง ตาย บาดเจ็บ และติดคุก
2.ยุบพรรคไทยรักษาชาติ และการเกิดพรรคอนาคตใหม่
7 มีนาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคไทยรักษาชาติ กรณีเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี มีลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง และมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองแก่คณะกรรมการบริหารพรรค 10 ปี
การตัดสินครั้งนี้ถือว่าตัดแขนข้างหนึ่งของพรรคเพื่อไทยทิ้ง ก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วัน
แต่นับเป็นการประเมินผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทยไม่มีผู้สมัครในเขตนั้นๆ ชาวบ้านจึงเทคะแนนไปให้พรรคอนาคตใหม่
มีผลให้พรรคอนาคตใหม่ไม่ต้องตัดคะแนนกับไทยรักษาชาติและเพื่อไทย พลิกกลับมาชนะ ได้ ส.ส.ถึง 81 คน
3.ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตัดกำลังฝ่ายค้าน
ดูด ส.ส. เสริมกำลังรัฐบาล
เพราะกลุ่มอำนาจเก่ามองว่าอนาคตใหม่มีนโยบายทางการเมืองการปกครองที่ก้าวหน้ามากเกินไป และยังได้รับความนิยมจากคนหนุ่มสาวมากมายจึงถือว่าเป็นอันตรายที่ต้องกำจัดออกจากวงการเมือง
20 พฤศจิกายน 2562 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. จากกรณีถือครองหุ้นสื่อ การไม่ให้นายธนาธรทำหน้าที่ ส.ส.จึงเป็นแค่ไม้แรก
21 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี สืบเนื่องจากกรณีนายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจำนวน 191.2 ล้าน
การยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นไม้สองที่ส่งผลต่อการเมืองไทยมากพอสมควร
เพราะตอนตั้งรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้มี ส.ว. 250 คนมาช่วยจนได้คะแนนเสียง 500 (รวม 2 สภา) แต่ในความเป็นจริงเสียง ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลในสภาผู้แทนฯ ก็มีเกินครึ่งอยู่เพียง 6 คน ฝ่ายค้านมี 244 คน โอกาสที่จะถูกล้มในสภาจึงมีมาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจะต้องดึงเสียง ส.ส.มาเพิ่ม
การยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคทำให้เสียงของฝ่ายค้านจากอนาคตใหม่ซึ่งเดิมมี 81 เหลือเพียง 65 และยังถูกดูดให้ย้ายพรรคไปอยู่รัฐบาลอีก 9 คน
ดังนั้น ตอนที่พรรคก้าวไกลมาเป็นฝ่ายค้านแทน จึงมี ส.ส.เพียงแค่ 55 คน ช่องว่างระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลในสภาจึงขยายใหญ่ขึ้น มีเสียงต่างกันประมาณ 35 เสียง ถือว่าเป็นความปลอดภัยระดับหนึ่งที่จะประคองรัฐบาลไปได้จนครบสมัย
ความคิดที่ก้าวหน้า
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อพรรค หรือบุคคล
สกัดพรรคทักษิณ…ได้พรรคธนาธร
สกัดพรรคธนาธร…ได้ม็อบเยาวชน
สรุปได้ว่าผลทางการเมืองที่ติดตามมา หลังการรัฐประหาร 2549 และ 2557 คือความคิดที่ก้าวหน้าของประชาชน ในท่ามกลางการต่อสู้ และที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือเกิดการชุมนุมของเยาวชนนักศึกษานักเรียนที่ออกมาคัดค้านรัฐบาลและก็ขยายตัวติดตามมา มีข้อเสนอที่แรงขึ้น แม้การชุมนุมจะมีผู้ร่วมหลักพัน หมื่น แต่ความรู้สึกต่อต้านความอยุติธรรม และปฏิกิริยาโต้ตอบของประชาชน คือวิธีลงเสียงเลือกตั้งให้ฝ่ายที่ถูกรังแกทั้งพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล
หลังการรัฐประหาร 2557 คสช.จึงไม่กล้าเลือกตั้ง แต่ยึดอำนาจอยู่นาน 5 ปี และดีไซน์รัฐธรรมนูญฉบับครึ่งบกครึ่งน้ำ เพื่อใช้ในการเลือกตั้งปี 2562 แม้จะทำทุกวิถีทาง เพื่อไทยก็ยังได้ที่ 1 ทั้งที่ไม่ส่งลงแข่งอีก 100 เขต
สำหรับพรรคอนาคตใหม่ การเกิดใหม่ในช่วงสั้นๆ แต่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ถ้าเทียบกับยุคไทยรักไทยและเพื่อไทย ซึ่งทำให้ชาวบ้านรู้ว่าการเมืองทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ พรรคอนาคตใหม่ก็ทำให้คนตาสว่างและรู้ลึกถึงปัญหาต่างๆ เป็นยุคที่สร้างความตื่นตัวให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่หลายล้านคน
ทำให้มองเห็นระบบยุติธรรมไทยตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ว่าเป็นเครื่องถ่วงรั้งความเจริญก้าวหน้าในการพัฒนาประเทศ
ถ้ายุบพรรคก้าวไกล
กลุ่มอำนาจเก่าจะไม่ชนะทางการเมือง
ยุบพรรคครั้งนี้รัฐบาลไม่ต้องการเสียง ส.ส.เพิ่ม ส่วนก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้าน จะมี ส.ส. 150 หรือ 120 ก็ไม่แตกต่างในบทบาททางสภา
คะแนนของอนาคตใหม่ 8 ล้านกว่า พอมาเป็นก้าวไกลเลือกตั้งใหม่ได้ 14 ล้านกว่า คนที่เลือกพรรคก้าวไกลรู้อยู่แล้วว่าก้าวไกลเสนอนโยบายอะไรบ้าง การถูกยุบพรรคเพราะเสนอแก้ไขมาตรา 112 จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจของผู้ที่เลือก 14 ล้านกว่าคน และครั้งต่อไป ถ้าก้าวไกลไม่ชูนโยบายนี้ แต่มีคนเลือกมากกว่า หรือน้อยกว่า จะให้แปลความหมายทางการเมืองว่าอย่างไร เพราะมันอธิบายได้หลายด้าน จะให้ดีหรือร้ายก็ได้ทุกรูปแบบ
การเคลื่อนไหวบนท้องถนนอาจมีไม่มาก เพราะประชาชนสามารถใช้การเลือกตั้งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ คือ
เลือกตั้ง ส.ว. ประมาณพฤษภาคม 2567
เลือกตั้ง อบจ. ทุกจังหวัด ปลายปี 2567
เลือกตั้งเทศบาลและ อบต. ปี 2568
เลือกตั้ง ส.ส. …
ซึ่งทั้งหมดจะสัมพันธ์กับกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับดีไซน์เพื่อกลุ่มอำนาจเก่า ตั้งแต่การลงประชามติ การเลือก ส.ส.ร.
ประเมินว่ารัฐบาลผสมข้ามขั้ว ที่ผ่านการประนีประนอมขั้นต้น คงสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ขัดแย้งรุนแรง และถ้าฉลาดพอคงจะใช้ประโยชน์จากการแก้รัฐธรรมนูญมาช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด แต่แรงปะทะยังจะกระทบกับกระบวนการยุติธรรมทุกองค์กร
ต้องปรับปรุง สังคมกะลาทอง
ให้ยอมรับอำนาจประชาชน
ตั้งแต่โบราณมาเกือบทุกสังคมถือว่าคนไม่เท่าเทียมกันจึงมีนาย มีไพร่ มีทาส การแบ่งชนชั้นเป็นเรื่องปกติ ช่วงเวลานับพันปีที่มนุษย์ปกครองกันมา คนมีฐานะทางสังคมต่ำกว่าต้องรับใช้คนมีฐานะทางสังคมสูงกว่า ต้องยอมอดทนใช้แรงงาน ยอมไปตายในสงคราม แล้วก็ทนใช้ชีวิตในฐานะไพร่ ทาส เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ
การต่อสู้ทางชนชั้นที่พัฒนาในช่วงพันปี ทำให้สิทธิของมนุษย์และรูปแบบการปกครองพัฒนาเข้าสู่รูปแบบที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งขณะนี้คือระบอบประชาธิปไตย แบบสากลคือมีสิทธิเสรีภาพมีความเท่าเทียม มีความยุติธรรม
ปัจจุบันประชาชนมีความรู้ ผ่านระบบสื่อสารยุคใหม่ กล้าแสดงความคิดเห็น ต้องการความเจริญก้าวหน้า จึงไปห้ามไม่ให้เขาคิดฝัน และมีความหวังไม่ได้
ในจังหวะที่อำนาจเก่ายอมประนีประนอมกับเพื่อไทย ฝ่ายก้าวหน้าจะต้องหาโอกาสแทรกการปฏิรูป ในท่ามกลางการต่อสู้และการร่วมมือ ทำเท่าที่มีช่องทาง
การเมืองข้างหน้า จึงไม่ใช่เรื่องการแย่งชิงกันเข้าไปในบ้านกะลาทอง แต่จะต้องปรับปรุงซ่อมแซมก่อน เริ่มจากรัฐธรรมนูญ และต้องกระจายอำนาจ มองเห็นความสำคัญของบ้านหลังเล็กหลังใหญ่อีกทุกจังหวัด ยังต้องเปิดกะลา ตั้งรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีผลต่อเศรษฐกิจของทุกครอบครัว
ถ้าต้องการปฏิรูป ก็ต้องยุติแนวทางการชิงอำนาจ ด้วยกำลังทหาร ด้วยตุลาการภิวัฒน์ ยอมรับอำนาจประชาชนเสียที บ้านเมืองจะได้มีโอกาสพัฒนา
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022