เกมถูกล่าโดยเจ้ากรรมนายเวร…

อภิญญา ตะวันออก

สารภาพตั้งแต่เปิดชีวิตตระกูลฮุน ไม่เคยสักครั้งที่ฉันจะเขียนเรื่องคนนี้ สมเด็จกิตติบัณฑิตบุนรานี-ศรีภรรยา สมเด็จอัครมหาบดีเตโชฮุน เซน-นายกรัฐมนตรีตลอดกาลกัมพูชา ผู้เป็นผได (สามี)

แต่ที่จำได้ นายหญิงทำเนียบตาเขมาท่านนี้ เธอมีบทบาทด้านพิธีกรรมมาตั้งแต่สมัยที่ไทยมีปัญหากับกัมพูชาเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ก็กว่า 10 ปีผ่าน ทว่า บทบาทพิธีกรรมความเชื่อ (มูเตลู) ของนายหญิงโลกจุมเตียวบุน เฮียง

หือใครหรือนั่น ท่านผู้หญิงบุน เฮียง?

อ๋อ ชื่อเก่าของสมเด็จบุน รานี กระทั่งหลังเลือกตั้งสมัยแรก/1993 ไปแล้วหลายปี ทางการจึงเริ่มเรียกชื่อเธอว่า : บุน รานีฮุนเซน

(Photo by AFP)

ฉากเฉลิมฉลองปีใหม่ 2024 อย่างอบอุ่นปีนี้ เนื่องจากนายหญิงมีอายุ 70 กะรัตพอดี แถมทำเนียบแห่งที่ 2 ก็ใหญ่โตโอฬารสมฐานะตระกูลฮุนซึ่งมีจำนวนมากกว่า 30 ชีวิต นี่ยังไม่รวมเครือญาติทั้งสองฝ่าย เรียกว่า เฉพาะถ่ายรูปครอบครัวให้ครบหน้าทุกคน ก็แทบจะหมดเวลา

แต่ที่พิเศษมากก็คือ

ทั้งสมเด็จหญิงและชายต่างเป็นเหมือนหัวใจของทำเนียบเสมอ ไม่ว่างานสังสรรค์นั้นจะจัดขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใด

การเต้นรำอย่างสนุกสนานริมสระน้ำหน้าทำเนียบ จึงเป็นความน่าจดจำ ตั้งแต่รุ่นเด็ก จูเนียร์ ไปจนรุ่นกลาง จนถึงรุ่นคุณปู่และย่า/โลกตาโลกยาย ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางของจักรวาล

โดยเฉพาะบุรุษจอมสวีต-สมเด็จฮุน เซน ที่ไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนกี่ปีก็ไม่เคยหยุดคลั่งรักภรรยาต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งเห็นกันเรื่อยมา โดยเฉพาะลีลาเต้นรำ สองสมเด็จต่างแช่มชื่นเปรมปรีด์

บุน รานี นั้น แม้จะสูงวัยแล้ว แต่ก็มักจะเขินอายในยามเต้นคู่กับชายสามีเสมอ เหมือนคู่ “เรียบการ์” ข้าวใหม่ปลามัน สร้างความปลาบปลื้มปีติแก่ลูกๆ หลานๆ ที่ร่วมกันออกสเต็ปรำวงปีใหม่อย่างสนุกสนาน มีการจุดพลุสุกสกาวไปทั้งบริเวณ และเห็นชัดเทียวว่า เด็กๆ ตระกูลฮุนทุกรุ่นต่างมีความสุข

รวมทั้งสมเด็จทั้งสอง ที่ต่างปล่อยของวันแห่งความสุขปีนี้ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ตามที่ทราบ หลายปีมานี้ นายหญิงสมเด็จมีบารมีมาก ทั้งแฟชั่นการแต่งตัว ไม่ว่าพิธีการมงคลเรียบการ์/แต่งงาน หรืองานศพ/บุณโขมด ก็ยิ่งใหญ่เอิกเกริกบิ๊กเบิ้มไม่แพ้กัน

ต้องบอกว่า สมฐานะสุภาพสตรีเบอร์หนึ่งของประเทศ ไปเป็นประธานงานไหน เจ้าภาพต้องลดโปรไฟล์ลงมา ส่วนสมเด็จหญิงนั้นไม่ต้องถามหา ความสมเกียรติอันยิ่งใหญ่นั้นมีอยู่เสมอ

แต่ผ่านความสุขช่วงเวลาไม่นาน เพียง 30 วันเท่านั้น จู่ๆ ก็มีข่าวลือท่านผู้หญิงแห่งทำเนียบ ล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ เธอสลบไปนานร่วมครึ่งชั่วโมง ก่อนถูกส่งตัวไปคาลแม็ต โรงพยาบาลที่ตระกูลฮุนให้เงินบริจาคนับพันล้านบาท สำหรับอาคารหลังใหม่ที่เตโชเสนเพิ่งสมโภชน์ไปไม่นาน และอุทิศอาคาร ตามชื่อมารดาสมเด็จบุน รานี

กระนั้นเรื่องก็หลุดในออนไลน์ว่า นายหญิงตาเขมากัมพูชาถูกส่งไปรักษาตัวในไทย บ้างว่ามีหมอสิงคโปร์บินมารักษา และบ้างก็ลือไปถึงว่า บินไปรักษาถึงฝรั่งเศส

แต่เรื่องจริงก็คือ เธอนอนอยู่ในห้องไอซียูที่คาลาแม็ต จนสมเด็จฮุน เซน ทนไม่ไหว โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กยอมรับภรรยาป่วยและอาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องรักษาต่อที่โรงพยาบาล

แต่ก็น่าสังเกตว่า ถึงขนาดสมเด็จพระมารดาเธอนโรดม มุนีนาถ (85) เสด็จเยี่ยมท่านผู้หญิงที่โรงพยาบาล น่าแปลกในฐานะประธานกาชาดกัมพูชา การป่วยของสมเด็จหญิงบุน รานี กลับไม่ถูกนำเสนอในสื่อของรัฐแต่อย่างใด

รวมทั้งสามีสมเด็จฮุน เซน ที่หยุดทำภารกิจการเมือง นอกจากพิธีบุญครบรอบ 1 ปีของการเสียชีวิตนางบุน สุทา (นามเดิมบุน สามหึง) น้องสาวสมเด็จบุน รานีฮุนเซน ผู้ซึ่งเดิมทีเธอต้องอยู่ที่นั่น เพื่อเป็นประธานในการฉลองพระปรางค์วัดบัวตุมวไต

ซึ่งคือทุกอย่างอันเกี่ยวกับพิธีกรรมอันจำเพาะของสมาชิก “ฮุน-บุน” ตระกูลชั้นสมเด็จของประเทศ และนั่นคือสิ่งที่ภรรยาของเขากำหนดไว้

แต่สิ่งทีเห็นในวันนั้น คือสมเด็จฮุน เซน กลับไปเดียวดายลำพัง นั่งกรวดน้ำถึงใครบางคน

แว่บแรก เกี่ยวกับโรงพยาบาลคาลแม็ต ทุกคนไม่เว้นฉันที่เคยผ่านช่วงเวลาระหว่างปี ค.ศ.1999 ต่างไม่เคยลืมเรื่องราวของนางรำอัปสรา “พิสิต พิลิกา” ที่เธอถูกมือปืนกระหน่ำยิงในวันที่ 6 กรกฎาคม ขณะกำลังซื้อจักรยานให้หลาน

“พิลิกา” ถูกส่งตัวทันทีไปรักษาที่โรงพยาบาลคาลแม็ตในสภาพอาการสาหัส กระสุนฝังในจุดสำคัญ แต่เธอไม่เสียชีวิตโดยทันที ในตอนนั้นมีคนทั่วประเทศพากันออกมาสวดมนต์วิงวอนไม่ให้มัจจุราชพรากชีวิตเธอไป

แต่ใครจะนึกว่า 24 ปีผ่านไป ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งมีความทันสมัยบริการ ทั้งลานจอดเฮลิคอปเตอร์ รวมทั้งเครื่องมือแพทย์ จนคาลแม็ตได้ชื่อว่า เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของกรุงพนมเปญ ด้วยเงินก้อนใหญ่ที่สมเด็จฮุน เซน บริจาค

ทว่า เมื่อนายหญิงผู้เป็นเหมือนเจ้าของโรงพยาบาลประสบอุบัติเหตุ กลับไร้ความพร้อมที่จะช่วยดูแลเธอ

ทั้งลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้จริงไม่ได้, อุปกรณ์การแพทย์ที่ว่าพอจะมี แต่ก็ขาดนายแพทย์ชำนาญการ ถึงขั้นชาวเขมรเกือบปีละ 7 หมื่นกว่าชีวิตยินดีไปรักษาตัวในต่างประเทศ จำนวนนี้ ร้อยละ 60 รักษาที่ประเทศไทยจนกัมพูชาขาดดุลปีละ 3,500 ล้านบาท

แล้วตอนนี้หรือที่อยู่ในเครื่องพยุงชีพ อย่างไร้ชีวิตนั่น! ช่างเป็นการฉีกหน้าผู้นำประเทศ ดังเป็นที่รู้กันว่า ชาวเขมรจำนวนมากต้องสูญเสียคนที่รักไปกับการให้บริการโรงพยาบาลของรัฐ ที่ไร้ซึ่งจริยธรรม

และเมื่อสมเด็จหญิงบุน รานี ต้องมาประสบเคราะห์ร้าย จนถึงขั้นต้องนำเข้านายแพทย์จากสิงคโปร์เพื่อดูแลเธอเป็นพิเศษ

วันเวลาของท่านผู้หญิงบุน รานีฮุนเซน วันนี้ที่มีการร่ำลือว่าไร้การรับรู้

ดูจะไม่ต่าง 24 ปีก่อน วันที่ “พิสิต พิลิกา” เคยนอนอยู่ตรงนั้น โรงพยาบาลคาลาแม็ต

 

ผู้หญิงคนที่เขียนบันทึกไดอารีเกี่ยวกับความรักของเธอ ในฐานะ “ภรรยาลับ” ของบองทม ที่อาศัยอยู่ในวิลล่าแห่งหนึ่งใกล้อนุสาวรีย์วิมานเอกราช

ชีวิตของเธอพัง ตั้งแต่ระหองระแหงกับสามีเก่า และจู่ๆ ก็ทิ้งเธอไปอยู่ที่ออสเตรเลีย ก่อนหน้านี้ พิลิกาดูจะไม่รู้เลยว่า การที่เธอเดินทางในฐานะนางคณะนาฏศิลป์ที่ไปในต่างประเทศพร้อมกับผู้นำจนทำให้เธอได้พบกับบองเสน (ชื่อตามที่เธอเรียก) ในที่สุดนางระบำเอกของประเทศก็ตกเป็นเมียรองของเขา

แต่ไม่มีความลับใดในโลก ในที่สุดก็มีการรับรู้ คนใกล้ชิดของบองเสนให้เธอหลบหนีไปต่างแดน เธอถูกให้ออกจากวิลล่ารังรักของบองเสน แต่เงินถูกอายัด ธนาคารแจ้งว่ามันคือเงินสามีของนายหญิงที่เธอไม่มีสิทธิ์แตะต้อง รถยนต์เธอถูกยึด แต่ขนาดนั้นแล้ว พิลิกาก็ยังไม่สำเหนียกตัวเองหลบหนีไปต่างแดน

และ 6 กรกฎาคม 1999 คือวันที่ใบสั่งทำงานอย่างโหดเหี้ยม!

ตั้งแต่นั้นมา คดีพิสิต พิลิกา ไม่เคยได้รับการสะสาง มากกว่านั้น น้องเขย-พ่อของหลานที่อยู่กับเธอในวันถูกยิงและบาดเจ็บ กลับถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องจากที่เคยเป็นบอดี้การ์ดนายสัม รังสี เขาติดคุกจนได้รับอภัยโทษ แต่ก็เสียชีวิตอย่างปริศนา

นั่นคือชะตากรรมคนในครอบครัวพิลิกา

แต่หลังจากเรื่องราวเหล่านี้เงียบหายไปในอากาศกว่า 24 ปี เสมือนว่าโลกนี้ไม่มีพิสิต พิลิกา อีกแล้ว เธอไม่มีตัวตน และ “โศกนาฏกรรมชู้รักของบองทม” ก็ถูกขุดหลุมฝังไปนมนานกาเล

แต่ทันทีที่สมเด็จบุน รานี แอดมิตคาลาแม็ต พลัน ผีโขมดตัวใหม่ในฉบับอวตารก็ออกอาละวาดในโลกโซเชียล

มันยังตามหลอกหลอนอย่างดุเดือด และท่วมไปด้วยคำถามร้อนแรงราวกับว่า การทวงถามความยุติธรรมให้พิลิกาและญาติไม่เคยหายไป และนี่คือสิ่งที่ทำให้ใครบางคนเริ่มเดินสายทำพิธีอโหสิกรรม

โดยบุคคลที่เขารำลึกได้เป็นรายแรก หาใช่ใครอื่น คือสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหนุมุนี ผู้ที่…ประทับยืนรอหน้าตำหนักเขมรินทร์วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ทันทีที่เขาคนนั้นลงจากรถมาได้ ก็ทรงเข้าไปโอบประคองกุมสองมืออย่างอบอุ่นชูใจ ขณะที่เขาคนนั้นกลับดูอ่อนล้าลงไปมาก

นี่สินะ เจ้ากรรมนายเวร?