ฮามาส-อิสราเอล ความขัดแย้งครั้งที่ 5 (16) ฉากทัศน์ของสงครามฮามาส-อิสราเอล (ต่อ)

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม | จรัญ มะลูลีม

 

ฮามาส-อิสราเอล

ความขัดแย้งครั้งที่ 5 (16)

ฉากทัศน์ของสงครามฮามาส-อิสราเอล (ต่อ)

 

รัฐมนตรีต่างประเทศ Antony J. Blinken เข้าพบนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกาตาร์ มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะห์มาน อัลษานี (Muhammed bin Abdulrahman Al Thanani) ซึ่งเป็นคนไกล่เกลี่ยที่สำคัญที่สุดในการทำให้ฮามาสและอิสราเอลยุติสงครามชั่วคราวมาแล้ว โดยเชื่อกันว่าถ้าจะมีการหยุดยิงระหว่างคู่ขัดแย้งสองฝ่ายในอนาคต เขาก็จะเป็นผู้ที่ได้รับการไว้วางใจให้ทำหน้าที่นี้อีกอย่างแน่นอน

ในการประชุมวันที่ 8 ธันวาคม รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาได้ร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีกาตาร์และรัฐมนตรีต่างประเทศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของจอร์แดน อัยมาน อัล-ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศของอียิปต์ ซามิห์ เชากรี (Sameh Shoukry) รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์ ริยาฏ อัล มาลิกี (Riyad Al-Maliki) และรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ฮากัน ฟีดาน (Hakan Fidan)

บางคนจินตนาการว่าการประชุมระหว่างบลิงเคนและรัฐมนตรีอาหรับจะเกิดขึ้นก่อนการลงคะแนนเสียงของสหประชาชาติ และรัฐมนตรีสามารถนำเสนอกรณีของพวกเขาได้ว่าเหตุใดการหยุดยิงเพื่อช่วยชีวิตเด็ก คนชรา และประชาชนทั่วไปจึงควรได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ตามที่ริเริ่มไว้ โดยเลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส

แต่บลิงเคนกลับรอจนกระทั่งสหรัฐอเมริกาลงมติไม่สนับสนุนการหยุดยิง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับคณะกรรมการรัฐมนตรีอาหรับ-อิสลาม ซึ่งทุกคนดูหดหู่และสิ้นหวัง

พวกเขาทั้งหมดบอกกับบลิงเคนว่าพวกเขาปฏิเสธการรุกรานของสหรัฐอเมริกา-อิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา

และเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกา รับผิดชอบและใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อผลักดันอิสราเอลให้เข้าสู่การหยุดยิงทันที

พวกเขายังเรียกร้องให้ยกเลิกการปิดล้อมซึ่งป้องกันไม่ให้มีความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้ามาในฉนวนกาซาในปริมาณที่เพียงพอ

พวกเขาแสดงท่าทีปฏิเสธความพยายามที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซา โดยเน้นไปที่ “การสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่แท้จริง” ซึ่งนำไปสู่การแก้ปัญหาแบบสองรัฐ หลังจากการยึดครองชาวปาเลสไตน์อย่างโหดร้ายมากว่า 75 ปี

อย่างไรก็ตาม ความกังวลของพวกเขาไม่ได้รับการรับฟัง คณะบริหารของไบเดนติดอยู่กับอดีต โดยคิดว่าตนเองยังคงทนได้ต่อคำวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมระหว่างประเทศ และประเทศในตะวันออกกลางซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐอเมริกา ผู้จัดหาพลังงาน และเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารอเมริกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก

“ข้อความของเราสอดคล้องและชัดเจนว่าเราเชื่อว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยุติการต่อสู้ทันที” เจ้าชายฟัยซ็อล บิน ฟัรฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียกล่าว

“ผมหวังอย่างแน่นอนว่าพันธมิตรของเราอย่างสหรัฐอเมริกา จะทำมากกว่านี้…เราเชื่ออย่างแน่นอนว่าพวกเขาสามารถทำได้” รัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียกล่าวเสริม

 

ก่อนการลงคะแนนเสียง

ให้มีการหยุดยิง

โลกอาหรับทำอะไรได้บ้าง?

ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน คูเวต อิรัก จอร์แดน และอียิปต์ ต่างก็เป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาและประเทศเหล่านี้ก็เป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนใหญ่ซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา และทั้งหมดเป็นผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา กษัตริย์ฟัยซ็อลแห่งซาอุดีอาระเบียเคยปิดการขายน้ำมันเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในอดีต

มุสฏอฟา บาร์กูตี (Mustafa Barghouti) เป็นแพทย์ นักเคลื่อนไหว และนักการเมืองชาวปาเลสไตน์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขาธิการทั่วไปของโครงการริเริ่มแห่งชาติปาเลสไตน์ กล่าวว่า

“ผมแน่ใจ 100% ว่าเป้าหมายหลักของพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้นคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซาโดยสมบูรณ์ พยายามผลักดันผู้คนไปยังอียิปต์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมสงครามที่เลวร้าย และหากพวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ ผมคิดว่าเป้าหมายถัดไปของพวกเขาคือพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเขตเวสต์แบงก์ และบังคับให้ผู้คนเข้าร่วมกับพวกเขา” บาร์กูตีกล่าว

นอกจากนี้ บาร์กูตียังกล่าวเสริมอีกว่า

“หากพวกเขาล้มเหลวในการกวาดล้างชาวกาซาตามชาติพันธุ์ทั้งหมด ผมก็มั่นใจว่าแผน B ของเนทันยาฮูคือการผนวกเมืองกาซาและทางตอนเหนือของฉนวนกาซาเข้ากับอิสราเอลโดยสมบูรณ์ และอ้างว่าเป็นพื้นที่รักษาความปลอดภัย”

เกี่ยวกับโอกาสที่กองทหารอิสราเอลจะยังคงอยู่ในฉนวนกาซา เขากล่าวว่า

“อิสราเอลเคยทำแบบนั้นมาก่อนแต่มันไม่ได้ผล และจะมีการต่อต้านการกระทำของพวกเขาซึ่งพวกเขาทนไม่ได้ และนั่นคือสาเหตุที่เป้าหมายของเนทันยาฮูจริงๆ คือการชำระล้างผู้คนทางชาติพันธุ์ เขาต้องการการควบคุมทางทหารในฉนวนกาซาโดยไม่มีผู้คน เขารู้ดีว่าฉนวนกาซากับการดำรงอยู่ของผู้คนเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้”

 

การคว่ำบาตร

อิสราเอลและสหรัฐอเมริกา

และเสียงจากฮามาส

ผู้นำฮามาสกล่าวว่า การต่อสู้อันกล้าหาญในฉนวนกาซากับอิสราเอลใกล้ถึงจุดจบที่สดใส

ผู้นำขบวนการต่อต้านอิสราเอลของฮามาสได้เผยถึงการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ โดยย้ำว่าการต่อสู้อย่างกล้าหาญกับระบอบการปกครองของอิสราเอลกำลังใกล้จะสิ้นสุดอย่างสดใส ด้วยการต่อต้านอย่างกล้าหาญของนักสู้ปาเลสไตน์

อิสมาอีล ฮานียะฮ์ กล่าวในการปราศรัยทางโทรทัศน์ว่า พวกเขามั่นใจว่าการรุกรานของอิสราเอลจะยุติลง และเขาจะยืนหยัดเคียงคู่กับชาวปาเลสไตน์ต่อไป เพื่อทำตามความปรารถนาอันชอบธรรมของพวกเขา และจะยังคงปกป้องฉนวนกาซาต่อไป

เขากล่าวว่า นักสู้ชาวปาเลสไตน์มีความแน่วแน่อยู่บนพื้นที่การต่อสู้และสร้างความสูญเสียอย่างหนักให้กับทหารอิสราเอล รวมถึงการโจมตีอย่างกล้าหาญเมื่อเร็วๆ นี้ในย่านชูยาอิยะฮ์ (Shuja’iyya) ในเมืองกาซา ค่ายจาบาเลีย (Jabalia) และในพื้นที่อื่นๆ

นอกจากนี้ เขายังกล่าวยกย่องปฏิบัติการของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่าประสบความสำเร็จ โดยกล่าวว่าปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออิสราเอลผู้ยึดครอง และทำให้คำสั่งทางทหารและการเมืองของรัฐบาลสั่นคลอน

ระบอบการปกครองของอิสราเอลมุ่งเป้าไปที่ชาวปาเลสไตน์ไม่เพียงแต่ในฉนวนกาซาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกที่ในเวสต์แบงก์, อัลกุดส์ (เยรูซาเลม) และแม้แต่ในดินแดนที่ถูกยึดครองในปี 1948 และได้ใช้รูปแบบการเหยียดเชื้อชาติที่เลวร้ายที่สุดเพื่อต่อต้านพวกเขา

‘ฉนวนกาซาที่ไม่มีฮามาสถือเป็นภาพลวงตา’

 

ในคำพูดของเขา ฮานิยะฮ์กล่าวว่า ฮามาสเปิดรับความคิดริเริ่มใดๆ ก็ตามที่จะช่วยหยุดยั้งการรุกรานของอิสราเอล และฟื้นฟูสิทธิของชาวปาเลสไตน์ในการก่อตั้งรัฐเอกราช

เขากล่าวว่า พวกเขายังเปิดกว้างที่จะยุติความแตกแยกทางการเมืองในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ เพื่อให้แน่ใจว่ามีเส้นทางที่รับประกันสิทธิของพวกเขาและรัฐในอนาคตแก่ชาวปาเลสไตน์

ฮานียะฮ์กล่าวต่อไปว่า การเตรียมการใดๆ สำหรับฉนวนกาซาหลังสงครามที่ไม่รวมถึงกลุ่มฮามาสและกลุ่มปาเลสไตน์อื่นๆ นั้นเป็น “ภาพลวงตา”

นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ชาติอาหรับและมุสลิมขยายขอบเขตของการชุมนุมต่อต้านอิสราเอล และการประท้วงรูปแบบอื่นๆ ในฉนวนกาซาต่อไป ในระดับที่ได้สัดส่วนกับขนาดของความโหดร้ายของอิสราเอล

ฮานียะฮ์เรียกร้องให้รัฐบาลอาหรับและมุสลิมแสดงการสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อชาวปาเลสไตน์ และใช้ทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของอิสราเอล

ทั้งนี้ ฮานิยะฮ์ได้แสดงความชื่นชมในความพยายามของเลขาธิการสหประชาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจดหมายล่าสุดของเขาที่เขียนถึงคณะมนตรีความมั่นคงที่เขาประกาศว่าสถานการณ์ในดินแดนปาเลสไตน์เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ เขายังยินดีกับมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีฉนวนกาซาอีกด้วย