ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
“ผู้ชนะเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์”
นี่คือวาทกรรมที่เราได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ ซึ่งบอกนัยว่าประวัติศาสตร์ใช่จะเป็นบันทึกข้อเท็จจริงที่ไร้อคติและเป็นกลางเสมอไป
ธรรมดาโลกที่ผู้ชนะย่อมเป็นฝ่ายเสียงดังกว่า แผ่รัศมีเรืองรองกว่า ส่งอิทธิพลให้คัดเลือกข้อมูลเฉพาะที่เชิดชูฝ่ายตนและข่มฝ่ายตรงข้ามเพื่อสร้างความชอบธรรมแก่ฝ่ายตน โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ยังไม่มีช่องทางการเข้าถึงและระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลยังไม่มีน้ำหนักมากพอ
ตัวอย่างหนึ่งของวาทกรรมข้างต้น อยู่ในประวัติศาสตร์อังกฤษช่วงปลายยุคกลาง เมื่อมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจการปกครองประเทศ
ริชาร์ดที่ 3 แห่งราชวงศ์แพลนทาเจเน็ต ถูกสังหารในสมรภูมิบอสเวิร์ธ และเฮนรีที่ 4 แห่งราชวงศ์ทิวเดอร์ขึ้นครองราชย์
บันทึกในรัชสมัยนั้นเข้าข้างฝ่ายครองอำนาจ และป้ายสีให้ริชาร์ดเป็นฝ่ายผู้ร้าย เชกสเปียร์เขียนบทละคร Richard III (ราว 1593) หลังจากพระเจ้าริชาร์ดสิ้นพระชนม์เมื่อ ค.ศ.1485 ระยะเวลาห่างจากเหตุการณ์จริงกว่าร้อยปี และใช้ข้อมูลจากบันทึกที่มีอยู่ในสมัยนั้น
เชกสเปียร์จึงไม่ใช่คนร่วมสมัยของริชาร์ด
ริชาร์ดที่ 3 จากปลายปากกาของนักเขียนบทละครบันลือโลกจากยุคเอลิซาบีธัน จึงเป็นตัวร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม คดโกง โหดเหี้ยม ไร้คุณธรรม ทำทุกอย่างเพื่อก้าวสู่อำนาจโดยขจัดอุปสรรคขวางหน้าทุกอย่างให้พ้นไป
นอกจากนั้น เชคสเปียร์ยังสร้างแคแร็กเตอร์ของริชาร์ดให้มีร่างกายพิกลพิการเป็นคนหลังค่อม โดยมาจากบันทึกที่ว่าริชาร์ดมีกระดูกสันหลังคดจนทำให้ไหล่เอียงไปข้างหนึ่ง
ประหนึ่งว่าลักษณะทางกายภาพนั้นสะท้อนให้เห็นนิสัยและพฤติกรรม
นั่นคือ “คดในข้อ งอในกระดูก”
พลังของวรรณกรรมอมตะเรื่องนี้ส่งผลมหาศาลในด้านลบต่อชื่อเสียงเกียรติคุณของริชาร์ดที่ 3
จําเนียรกาลล่วงผ่านไปหลายร้อยปี ในศตวรรษที่ 20 เกิดขบวนการกอบกู้ชื่อเสียงและเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่คิงริชาร์ดขึ้น
โดยมีกลุ่มคนที่เห็นว่าข้อมูลในประวัติศาสตร์ยังอาจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงไปเยอะ จึงมีการก่อตั้งชมรมริชาร์ดที่ 3 (The Richard III Society) ขึ้นเมื่อ ค.ศ.1924
ชมรมนี้มีสมาชิกที่เป็นแฟนคลับของคิงริชาร์ด โดยเรียกตัวเองว่าชาว Ricardian กระจายอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
คราวนี้มาถึงการค้นพบครั้งใหญ่ที่ลานจอดรถของเทศบาลเมืองเลสเตอร์ เมื่อ ค.ศ.2012 ซึ่งทำให้ริชาร์ดที่ 3 ตกเป็นข่าวเด่นข่าวดังไปทั่วโลก
ซึ่งเป็นที่มาของหนัง The Lost King
หนังสร้างจากหนังสือชื่อ The Search for Richard III โดยฟิลิปปา แลงลีย์ ผู้เป็นต้นคิดและแรงผลักดันสำคัญในการขุดค้นหาพระศพของกษัตริย์อังกฤษองค์สุดท้ายของยุคกลาง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อของยุคกลางกับยุคเรอแนซ็องส์
ฟิลิปปา แลงลีย์ (แซลลี ฮอว์กินส์) ทำงานในบริษัทที่มีหัวหน้ามองข้ามหัวเธอไปส่งเสริมพนักงานที่อ่อนอาวุโสกว่า เธอมีลูกสองคนกับอดีตสามี จอห์น (สตีฟ คูแกน) ซึ่งยังคงมาช่วยดูแลลูกอยู่ด้วย
ฟิลิปปาเป็นโรค ME หรืออาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเรื้อรัง
วันหนึ่ง ฟิลิปปาไปดูละครโรงเรียนของลูกซึ่งเล่นเรื่อง Richard III และเธอรู้สึกว่าริชาร์ดถูกใครๆ ตัดสินด้วยอคติจากลักษณะทางกายภาพในตัว ไม่ใช่จากตัวตนโดยแท้
พระเจ้าริชาร์ด (แฮรี่ ลอยด์) ในรูปลักษณ์ของนักแสดงผู้เล่นบทในละครที่เธอได้ชม ติดตามฟิลิปปาไปเกือบทุกหนทุกแห่ง และบางครั้งเธอก็พูดคุยสนทนากับเขาด้วยซ้ำ อันทำให้เธอดูหลุดโลกยิ่งขึ้นในสายตาคนรอบด้าน แม้แต่ลูกๆ เองก็มองเธอแปลกๆ
บันทึกเก่าแก่บอกว่าหลังจากถูกสังหารอย่างทารุณในสมรภูมิบอสเวิร์ธ พระศพของริชาร์ดก็ถูกประจานโดยโยนทิ้งแม่น้ำ หรือไม่ก็ถูกฝังในโบสถ์ที่เมืองเลสเตอร์
ฟิลิปปาเชื่อว่าเป็นข้อหลัง เธอจึงทำการค้นคว้าหาข้อมูลและเข้าร่วม “ชมรมริชาร์ดที่ 3”
เธอเชื่อว่าพระศพถูกฝังไว้ใต้ลานจอดรถของเทศบาลเมือง เธอจึงขออนุญาตทำการขุดค้นทางโบราณคดี และหาแหล่งทุนสนับสนุนโครงการขุดค้นด้วยตนเอง ท่ามกลางแรงต่อต้านหรือคัดค้านของนักวิชาการบางคน
ปรากฏว่า “ลางสังหรณ์” ของฟิลิปปา ถูกต้องและตรงจุดเผงภายในไม่กี่ชั่วโมงแรกของการลงมือขุด
ขุดลงไปเจอโครงกระดูกของผู้ชาย ซึ่งผลการตรวจคาร์บอนบอกว่าอยู่ในวัยสามสิบปีเศษ มีแนวกระดูกสันหลังคองอโค้งอย่างที่จะทำให้ไหล่เอียงไปด้านหนึ่ง นอนอยู่ในท่าที่ไม่ได้จัดวางให้เรียบร้อย เหมือนจะเป็นการถูกโยนลงไปฝังในหลุมอย่างขอไปที
นั่นคือการค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญของศตวรรษที่ 21 แต่ก็ยังต้องรอผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่านี่เป็นร่างของริชาร์ดที่ 3 จริงหรือไม่ โดยใช้ดีเอ็นเอของเชื้อสายที่สืบตระกูลต่อมาอีกหลายชั่วรุ่น
และผลการพิสูจน์ยืนยันว่านี่คือพระศพของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ด้วยความถูกต้องแม่นยำสูงถึง 99.99%
ฟิลิปปา แลงลีย์ตัวจริงเขียนหนังสือเพื่อเล่าเรื่องจากมุมมองของเธอ ซึ่งถูกกีดกัน บดบังรัศมีและ “แย่งซีน” ไปอย่างหน้าตาเฉย
ทำให้นึกถึงหนังน่าดูอีกเรื่อง คือ The Dig (2021) (เรฟ ไฟน์ส, แครี่ มัลลิแกน) เกี่ยวกับการขุดค้นทางโบราณคดีที่ซัตตันฮูในซัฟโฟล์ก เมื่อ ค.ศ.1939 ซึ่งนักวิชาการแย่งกันออกมา “รับหน้า” และกีดกันผู้ริเริ่มขุดตัวจริง ซึ่งไม่มีคุณวุฒิการศึกษามารองรับ
อย่างไรก็ตาม ฟิลิปปา แลงลีย์ตัวจริงก็ได้รับเหรียญตราอัศวินจากควีนเอลิซาเบธ ในเวลาต่อมา และได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนคนรุ่นหลังต่อมา
…อยากได้คนอย่างเธอมาเป็นแรงบันดาลใจแก่เยาวชนไทยมั่งจังเลย… •
ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์
THE LOST KING
กำกับการแสดง
Stephen Frears
แสดงนำ
Sally Hawkins
Steve Coogan
Harry Lloyd
Mark Addy
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022