‘บนปากเหวก้าวไกล’ กับ ‘นายกฯ มือใหม่’ หัวใจบิดา?

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์ | อภิญญา ตะวันออก

 

‘บนปากเหวก้าวไกล’

กับ ‘นายกฯ มือใหม่’ หัวใจบิดา?

 

เนียง เนียง อัญเจียเขมร ตื่นตระหนก นึกไม่ถึงว่า การพิจารณาคดีพรรคก้าวไกลว่าด้วยมาตรา 112 ของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 31 มกราคมที่ผ่านมา

อย่าว่าแต่นักสื่อสารมวลชนของไทยและเทศ ที่พากันตีข่าวไปทั่วโลก

มองมุมกว้าง หลังการเลือกตั้ง 2566 ของไทยผ่านไปไม่นาน สัญญาณแปลกๆ ที่เริ่มมาแต่นั้นก็เริ่มจับทิศทางคลื่นลมประชาธิปไตยของไทย ซึ่งบังเอิญแหละว่า มีระยะไล่ๆ กันมากับกัมพูชา

ทว่า ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เสมือนทิศทางของ 2 นครา ประเทศนี้จะมาบรรจบกันอย่างบังเอิญ?

2. นั่นคือ เมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เปิดซิงร่วมประชุมทางไกลในนามผู้นำพรรคการเมืองระหว่างรัสเซียและกลุ่มประเทศอาเซียนว่าด้วยประเด็นการจัดระเบียบโลกใหม่ มี ดมิทรี เมดเวเดฟ ประธานสภาความมั่นคงรัสเซียเป็นแกนนำ

นับเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สุด! สำหรับภารกิจเริ่มต้นเป็นนักการเมืองระดับภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศที่ร่วมประชุมนั้น ล้วนแต่อดีตเคยอยู่ใต้การปกครองของอดีตสหภาพโซเวียต (1960-1989) อาทิ เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา และสหภาพเมียนมาที่ลากยาวมาถึงปัจจุบัน?

นอกจากนี้ก็ยังมีอินโดนีเซีย-มาเลเซีย แต่ก็ทราบกันดีว่าแค่สังเกตการณ์ ผิดจากประเทศไทย ที่อยู่ตรงไหนของ “New Just World Order” ยุทธศาสตร์ “การจัดระเบียบโลกใหม่” ในสมการนี้?

ถ้าไม่หวาดระแวงว่าไทยจะเข้าปิ้ง กลายเป็นส่วนผสมของระบอบสังคมนิยมในคราบประชาธิปไตยนั้นด้วย!

ฮับ! งับปากให้ทันนะ “อัญเจียฯ” อย่าคิดเชียวนะว่า นี่มัน “คล้าย” กับยุทธศาสตร์การเมืองแบบสมเด็จฮุน เซน ในฐานะหัวพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งนั่งหัวโต๊ะเจรจาผ่านระบบประชุมทางไกลกับนายเมดเวเดฟ อย่างชื่นมื่น สื่อท้องถิ่นตีข่าวเอิกเกริก

เช่นเดียวกับคุณแพทองธาร ที่โพสต์ภารกิจของเธอ แต่ช่างบังเอิญที่สื่อไทยตอนนั้น มัวแต่โฟกัสคำวินิจฉัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประเด็นหุ้นไอทีวี ที่แย่งหน้าสื่อฟีดข่าวทุกประเภท

ก็นั่นแหละ สร๊กไทยถ้าคอนเทนต์ไม่แข็งแรงต่อกระแสดราม่า ก็พร้อมจะตก “เทรนด์” ความสนใจ

กระนั้น ภารกิจของหัวหน้าพรรคแพทองธาร ก็ยังมีสื่อนอกกระแสที่สนใจและตั้งคำถามต่อบทบาทของเธอว่า ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ เธอจะขับเคลื่อนภาพลักษณ์ของตนไปทิศทางใด?

สำหรับวิสัยทัศน์ผู้นำในยุคที่ คนไทยตื่นรู้การเมืองชนิดเลือดพุ่งเข้าตา นาทีต่อนาที

3. ให้ตายสิ เรื่องแบบนี้ ให้รู้สึกริษยาฮุน มาแนต ในฐานะผู้นำประเทศมือใหม่แต่ลอยตัวไปทุกเรื่อง!

ไม่ว่าในฐานะของนายกรัฐมนตรี หรือผู้นำเบอร์ 2 ของพรรคซีพีพี และเรื่องนี้คือตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า ทำไมฮุน มาแนต จึงลอยตัวในทุกสถานการณ์ของบ้านเมืองตัวเอง ต้องขอบคุณสมเด็จที่ยกประสบการณ์ทั้งหมดของตนมาปกป้องทายาท และวางแผนการณ์อย่างดีในหน้าที่ดังกล่าว ด้วยเหตุนั้น ฮุน มาแนต จึงแทบจะไม่เคยแปดเปื้อนใดๆ ในหลากหลายกรณี

เมื่อเทียบกับความเป็นทายาทลูกอดีตผู้นำประเทศหรือนักการเมืองสร๊กอื่น

และนี่ตัวอย่างของนคราเพื่อนบ้านในการสานฝันให้ทายาทของตนได้เดินตามรอยอย่างสะดวกโยธิน แม้แต่ฝุ่นสักเม็ดยังไม่ระคาย ซึ่งเรื่องนี้ ฉันเห็นมาเองกับตัวเอง กรณีนายกฯ นิด เศรษฐา (ทวีสิน) ผู้เคยเป็นคู่เปรียบฮุน มาแนต จากที่เคยดำรงตำแหน่งนายกฯ วันเดียวกัน!

แต่ข้อเปรียบนี้จะสิ้นสภาพ หากวันหนึ่งแพทองธารขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำประเทศไทย และนั่นหรือไม่คือสุดความปรารถนาของบิดา-อดีตนายกรัฐมนตรีเก่า 2 นคราคู่ซี้ที่เคี่ยวกรำกันมา

นั่นคือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นามแฝงโทนี่ วูดซัม พี่ชายบุญธรรมของสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชาที่เคารพรักใคร่เสมือนพี่เหมือนน้องของความสัมพันธ์เชื่อมจิตวิญญาณความเป็นผู้นำกันมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ

และยิงครองความเหมือนกันระหว่าง 2 นคราประเทศนี้!

ใครไม่ฝัน อัญเจียฯ ฝัน คืออยากเห็นการจับคู่เปรียบเทียบกัน จากรุ่นพ่อ-สู่ลูกๆ

ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบแล้ว สำหรับครรลองการเมืองอันสุดพิเศษแบบ 2 สร๊กนครา “ไทย-กัมพูชา” ที่ว่านี้ ผ่านมา 20 ปี ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนเธอ-เขา-เราทายาท

นะจังงัง กันเลยสิ!

แต่นั่นแหละ หลักสูตรการเมืองของบิดาที่ออกแบบให้ทายาทตามยุทธศาสตร์ที่กล่าวมา บางทีก็เหมือนจะ “บนปากเหว” ให้ทายาทของตนหรือไม่?

สำหรับ ฮุน มาแนต ที่ว่า ได้เปรียบทุกฝ่ายในเกมนี้ แต่เขามี “จุดอ่อน” กว่าใครเช่นกัน ดังจะเห็นว่า ความขาด “ดีเอ็นเอ” ตนเอง ในการรับมือซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษของความเป็นผู้นำ ตอกย้ำถึงความอ่อนวิชาของฮุน มาแนต

แต่นั่นก็มาจากบิดาของเขาต่างหากที่ไม่ถ่ายทอดเรื่องนี้!

เช่นเดียวกับแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งแม้จะสำแดงบทบาทอันล่าช้ากว่าใครเพื่อน นั่นก็เพราะการหาสูตรยาเสริมกำลังภูมิซึ่งมาช้าไปหน่อย สำหรับกูรูนักวางแผนยุทธศาสตร์ของเพื่อไทย

แถมมาอีกที ก็ตัดสินใจส่งเธอไปนั่งสนทนากับอดีตประธานาธิบดีคนนั้น ซึ่งมีภาพลักษณ์ด้านความมั่นคงของระบอบโลกยุคสงครามเย็น และนั่นแหละคือปัญหา สำหรับภาพลักษณ์อันน่าประดักประเดิดของความเป็นผู้นำหัวก้าวหน้าในศตวรรษที่ 21 แห่งพรรคเพื่อไทย

แต่นี่อาจไขปริศนาว่าทำไมจึงส่งเธอไปลงคอร์ส “มินิ วปอ.” หลักสูตรผู้บริหารยุคใหม่แห่งวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ที่ถูกค่อนขอดว่าล้าหลังด้านวิสัยทัศน์สมัยใหม่ด้วยเช่นกัน

เราจึงไม่เคลียร์ว่า แพทองธารกำลังซึมซับสิ่งแวดล้อมการเมืองในแบบไหน ที่จะทำให้เธอรับมือสิ่งใหม่ๆ ได้ในอนาคต?

หรือจะเป็นแบบฮุน มาแนต ก็เรียนลัดหลักสูตรสงครามเย็นจากบิดาที่ประสบความสำเร็จ และติดตัวมาจนทุกวันนี้

และจะเป็นบริบทผู้นำยุคใหม่ในภาค “ดีเอ็นเอ” ฉันท์ “มาแนต-แพทองธาร” อย่างบังเอิญ หรือไม่?!

4. ให้ตายอีกครา อย่าได้สงสัยไปมากนังอัญเจียฯ ตัวอย่าง นายกฯ ฮุน มาแนต ที่กำลังฝ่าคลื่นลม ในบริบทของความมั่นคงที่ได้มาจากบิดาทั้งปวง

ซึ่งนั่น ในสมัยที่เขายังไม่ได้เป็นนายกฯ กระทั่งรับตำแหน่งในฐานะผู้นำประเทศ ที่พบปะกับเหล่าผู้นำต่างประเทศ เรียกว่าเดินผ่านกองทหารเกียรติยศ พรมแดงและตัดริบบิ้นจนเหนื่อย แต่กระนั้น จะข้ามปีก็แล้ว นายกฯ ฮุน มาแนต กลับไม่เคยได้รับโอกาสสัมภาษณ์ “สื่อต่างประเทศ” อย่างเป็นทางการเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

แต่แพทองธาร ทำได้!

เธอให้สัมภาษณ์ “นิเคอิเอเชีย” สื่อญี่ปุ่น ด้วยลุค (ภาพนิ่ง) แบบผู้นำรุ่นใหม่ ที่ไม่มีใครเห็นภาพลักษณ์แบบนี้มาก่อน จนสื่อไทยนำไปผลิตซ้ำ

ขณะที่ฮุน มาแนต เคยมีภาพแบบนี้ในปี 2013 ตอนบิดาปูดข่าวว่าเขาจะลงเล่นการเมือง ซึ่งตอนนั้น มาแนตมีอายุเท่ากับแพทองธารตอนนี้ แต่เกิดอะไรขึ้น? เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีเขากลับถูกสื่อเมินความสนใจ

แม้แต่วันที่ไปเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ นับเป็นเรื่องแปลกของผู้นำหนุ่มรุ่นใหม่ ที่เหนือการควบคุมสำหรับภาวะดาวฤกษ์ในตัวเอง สำหรับใครก็ตามที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำประเทศ

ซึ่งยุทธศาสตร์การเมืองของบิดา ไม่อาจจะช่วยได้!

1.บ่งบอกว่า กรณีวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลที่ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ สร้างความตื่นตระหนกผงกความตื่นรู้ที่มีนัยยะสำคัญถึงความ “ไม่ปรกติ” ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

นั่นคือ ราวปลายๆ ธันวาคมปีกลาย สมเด็จฮุน เซน หัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา (cpp) ส่งตัวแทนมายื่นเรื่องร้องเรียนผ่าน นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และคณะ “เค 3 ถุยส์” ก่อนร่วมชักภาพกับ รมต.กลาโหม นายสุทิน คลังแสง โดยกล่าวหาพรรคก้าวไกลว่ามีการกระทำที่อาจเข้าข่ายเชื่อมโยงล้มล้างการปกครอง นั่นคือ…

การอยู่เบื้องหลัง สนับสนุนนักกิจกรรมชาวเขมรที่ประเทศไทย

จากนั้น ปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมชาวเขมรลี้ภัยก็เริ่มขึ้น ตามมาด้วยก่อนวันสิ้นปี/2566 เมื่อนักเวิร์กช็อปประชาธิปไตยเขมรถูกทำร้ายที่เมืองสมุทรปราการก็เริ่มขึ้นอย่างสอดรับกับจดหมายร้องเรียนของกัมพูชา?

นั่นคือ สิ่งที่เราได้เห็นความเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญ ระหว่างไทย-เขมร ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก้าวไกลออกแถลงการณ์ปฏิเสธ

แต่กระนั้น ความร้อนแรงของคำพิพากษาในเดือนมกราคมก็ยังดำเนินมาอย่างไม่ลดละ และจบลงด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในที่สุด ซึ่งพบว่า

ทันทีที่พรรคก้าวไกลถูกคำพิพากษาว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครองเท่านั้น! พลัน สำนักข่าวท้องถิ่นกัมพูชา ก็พากันเงียบงันอย่างมีนัยยะ เสมือนว่า

ภารกิจ-สิ้นสุดแล้ว?!

อี้ แทนคุณ รับจดหมายจากตัวแทนพรรคการเมืองกัมพูชา