คริสต์มาสกลางสนามรบ (1) บางมุมของสงครามที่ชวนคิดในปีใหม่

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

“วันนี้เราสงบศึกกัน แต่พรุ่งนี้คุณสู้เพื่อประเทศของคุณ ฉันก็สู้เพื่อประเทศของฉัน ขอให้โชคดี”
คำกล่าวอำลาของทหารเยอรมันต่อทหารอังกฤษในเวลาสิ้นสุด
การหยุดยิงของวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม 1914

 

เปิดประเด็น

ด้วยความเป็นนักเรียนรัฐศาสตร์ที่สนใจปัญหาการทหารและยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศนั้น ทำให้ผมต้องติดตามข่าวสงครามและความขัดแย้งในเวทีโลกเสมอมา

รายงานและภาพข่าวจากสื่อระหว่างประเทศเป็นภาพสะท้อนที่ดีของสถานการณ์สงครามปัจจุบัน ซึ่งเกิดอย่างไม่มีใครคาดคิด

ดังจะเห็นได้ว่า ในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ซึ่งเริ่มในตอนต้นปี 2020 ยังไม่จบ ทำให้หลายฝ่ายในขณะนั้นคาดคะเนว่า สงครามและความขัดแย้งใหญ่ในเวทีโลกน่าจะยังไม่ปะทุใหญ่เป็น “สงครามใหญ่” แม้ผู้นำรัสเซียจะเริ่มแสดงอาการถึงการเตรียมการทางทหารในบางส่วนอย่างเปิดเผยแล้วก็ตาม

แล้วในที่สุด วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 กองทัพรัสเซียก็ยาตราทัพข้ามพรมแดน พุ่งตรงเป็น “หัวหอก” เตรียมยึดคีฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน…

สงครามใหญ่ของโลกและของยุโรปในศตวรรษที่ 21 เริ่มต้นขึ้นทันที และไม่ใช่ “สงครามน้ำลาย” ที่เป็นคำขู่ของประธานาธิบดีปูตินอย่างที่เคยเห็น

แต่เป็นสงครามใหญ่ระหว่างรัฐที่มีการใช้อาวุธหนักเข้าทำการยุทธ์โดยตรง

หรือในทางยุทธศาสตร์คือ โลกเห็นการหวนคืนของสงครามตามแบบ (conventional warfare) อีกครั้งอย่างไม่คาดคิด เพราะที่ผ่านมา การเมืองโลกยุ่งอยู่กับปัญหาสงครามนอกแบบ (unconventional warfare) ที่ผูกโยงอยู่กับเรื่องของการก่อการร้าย เช่น ในอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย มาลี เป็นต้น

แต่กระนั้นก็ไม่มีใครคิดว่ากองทัพรัสเซียจะไม่ประสบความสำเร็จทางทหารอย่างที่ต้องการ

เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2014 รัสเซียเคยประสบความสำเร็จในการยึดพื้นที่ของยูเครนมาแล้ว และเป็นความสำเร็จที่ตะวันตกตั้งรับไม่ทัน

อันนำไปสู่การที่รัสเซียเข้ายึดครองคาบสมุทรไครเมีย และพื้นที่ด้านดอนบาส ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านตะวันออกของยูเครนที่ติดกับแนวชายแดนของรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวในทางทหารนับจากต้นปี 2022 เช่นนี้ ส่งผลให้เกิดสภาวะของ “สงครามตรึงกำลัง” ในยูเครน (หรือมีความเป็น “positional warfare” ในทางทหาร) ที่นำความเสียหายอย่างมหาศาลกับชีวิตและทรัพย์สินของชาวยูเครน

สงครามเช่นนี้รบยาวและรบต่อเนื่อง ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด

ซึ่งก็เป็นระยะเวลาถึง 2 คริสต์มาสและ 2 ปีใหม่แล้ว ที่ชาวยูเครนไม่ได้เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขด้วยพลุ และแสงสีของไฟตามเมืองต่างๆ อย่างที่เคยเป็นมา…

ถ้าจะมี “แสงไฟ” ในขณะนี้ ก็เป็น “แสงไฟสงคราม” ที่ประธานาธิบดีปูตินได้หยิบยื่นให้ด้วยการโจมตีทางอากาศอย่างไม่จำแนก โดยที่ชาวยูเครนไม่เคยมีความต้องการแต่อย่างใด

 

ในขณะที่สงครามยูเครนยังไม่มีแนวโน้มที่จะจบ ความหวังที่จะเห็น “การหยุดยิง” จึงเป็นอะไรที่อยู่ห่างไกลอย่างมาก แต่แล้วการโจมตีเกิดขึ้นที่อิสราเอลในเดือนตุลาคม 2023 อย่างไม่คาดคิด…

ไม่น่าเชื่อว่าการเมืองโลกอยู่กับ “ความไม่คาดคิด” ของการเกิดสงครามมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และต้องมาเผชิญอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2023

ผลจากการโจมตีในวันที่ 7 ตุลาคม ขยายตัวเป็นสงครามกาซา เช่นเดียวกับในยูเครน สงครามกาซาคร่าชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมาก จนเป็นดังคำของเลขาธิการสหประชาชาติที่กล่าวว่า กาซาคือ “สุสานของเด็ก” เพราะมีเด็กเสียชีวิตจำนวนมากจากการโจมตีที่เกิดขึ้น และไม่ต่างจากในยูเครน ไม่มีเทศกาลแห่งความสุขในวันปีใหม่ที่กาซา…

รายงานข่าวทุกค่ำคืนกล่าวถึงการเสียชีวิต ภาพของพ่อแม่ที่กอดศพลูกในห่อผ้าขาว ภาพของเด็กผู้หญิงที่สัมภาษณ์ถึงความสูญเสียของคนในครอบครัวเธอ

ภาพของโรงพยาบาลที่เนืองแน่นไปด้วยผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการโจมตี

และภาพของบ้านที่อยู่อาศัยกลายเป็นเพียงกองอิฐซากปูนขนาดใหญ่ โดยมีหลายชีวิตที่ติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังเช่นนั้น

ภาพจากยูเครนและกาซาตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า สงครามยังคงดำเนินต่อไป และไม่มี “เทศกาลวันหยุด” ในสงคราม เพื่อให้ทหารได้กลับบ้านไปพักผ่อนกับคนในครอบครัว

และไม่มี “เวลาหยุดพัก” เพื่อประชาชนที่ตกอยู่ภายใต้การโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งนั้น จะได้มีโอกาสจัดงานศพของคนในครอบครัว หรือรักษาผู้บาดเจ็บจากภัยสงคราม ตลอดจนมีโอกาสได้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยของคนเหล่านั้น ไม่ใช่การต้องถูกบังคับให้อพยพออกจากดินแดนของตนเอง อันเป็นผลจากการโจมตีของอีกฝ่าย

และแน่นอนว่า ไม่มี “การหยุดยิง” แม้เพียงเพื่อให้กำลังพลของคู่พิพาทได้มีเวลาพักรบชั่วคราว ก็เป็นไปไม่ได้ด้วย

ดังที่กล่าวกันเสมอในภาวะเช่นนี้ว่า “สงครามไม่มีวันหยุด” เท่าๆ กับที่ “ระเบิดจากอากาศไม่เคยจำแนกเป้าหมายเพศและอายุ” ฉันใดฉันนั้น

ดังนั้น ในขณะที่หลายพื้นที่ของโลกมีการเฉลิมฉลองในปีใหม่ 2024 ด้วยแสงสีอย่างสดใสนั้น หลายพื้นที่ของโลกยังมีการสู้รบเกิดขึ้น พร้อมกับมี “แสงสีของสงคราม” จากการระเบิดของอำนาจการทำลายในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในยูเครน กาซา เมียนมา ซูดาน เป็นต้น…

บทความนี้จึงขอทำหน้าที่เชิญชวนให้เราต้องตระหนักว่า สงครามในเวทีโลกยังอยู่กับเรา อีกทั้งคริสต์มาสและปีใหม่ในหลายพื้นที่การรบ ไม่ใช่เป็นเวลาของการอวยพร หากกลายเป็นเวลาของการลาจากกันในวาระสุดท้ายของหลายครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปกับไฟสงคราม!

 

กล่าวนำ

ปีใหม่ 2024 ดูจะไม่สดใสเท่าใดนัก… ว่าที่จริง หลังจากการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิดในปี 2020 ตามมาด้วยสงครามยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 และการโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 อันนำไปสู่สงครามกาซาในปัจจุบันแล้ว ปีใหม่ที่เริ่มขึ้นแต่ละปีจึงเป็นเสมือนการเปิดประตูไปสู่ “อนาคตที่คาดเดาไม่ได้”

ดังจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ 3 ชุดดังกล่าวล้วนเกิดขึ้นในแบบที่คาดไม่ถึงทั้งสิ้น

ดังนั้น คงไม่ต่างจากปีที่ผ่านๆ มา ที่เราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า จะมีสงครามใหญ่ที่จุดไหนของโลกอีกในปี 2024… ในภาวะเช่นนี้เราคงได้แต่ภาวนาว่า โลกมี 2 สงครามใหญ่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นที่จะต้องมีสงครามที่ 3 ตามมา เพียงเพื่อจะตอกย้ำถึงความผันผวนใหญ่ที่เกิดในเวทีโลก

เพราะโลกนับจากการระบาดของโควิด-19 ในต้นปี 2020 มีความผันผวนอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ประจักษ์ชัด

แน่นอน สงครามมีแต่ด้านที่โหดร้ายเป็นหลักเหมือนดังที่นายพลเชอร์แมน (General William T. Sherman) ผู้นำของกองทัพฝ่ายเหนือในสงครามกลางเมืองอเมริกัน กล่าวเตือนสติผู้คนในยุคต่อมาว่า “สงครามคือนรก” (War is hell.) คำกล่าวเช่นนี้ตรงไปตรงมา และไม่ต้องการคำบรรยายใดๆ ทั้งสิ้น

ในยุคปัจจุบัน คำกล่าวของนายพลเชอร์แมนก็ถูกตอกย้ำด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์จากสงครามยูเครน และสงครามกาซา… ภาพความสูญเสียของชีวิตผู้คน บ้านเรือนที่ถูกทำลาย การถูกบังคับให้ต้องอพยพและละทิ้งบ้านเรือนของตน ล้วนบอกถึงความเป็น “นรก” ของสงครามอย่างชัดเจน และภาพเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องรอดูจากสารคดีสงครามแต่อย่างใด รายงานของสำนักข่าวระหว่างประเทศนำเสนอภาพและเรื่องราวเช่นนี้ทุกวัน และมาพร้อมกับยอดผู้เสียชีวิตในแต่ละวันอย่างน่าหดหู่ใจ

ดังจะเห็นจากรายงานข่าวในรอบ 24 ชั่วโมงของวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่นั้น มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 156 คน และบาดเจ็บ 246 คนจากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล และตัวเลขยอดรวมของผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์ถึงวันที่ 1 มกราคม เป็นจำนวนมากถึง 21,978 คน และบาดเจ็บ 56,697 คน ซึ่งยังไม่นับรวมผู้อพยพภายในพื้นที่กาซาที่มีจำนวนเป็นหลักล้านคน (อ้างอิงข้อมูลจาก “Israel-Gaza war,” The Guardian, 1 January 2024)

ในช่วงเวลาของปีใหม่ในยูเครน รัสเซียเปิดการโจมตีด้วยโดรนของอิหร่าน เป็นจำนวนมากถึง 90 ลำ และระบบป้องกันทางอากาศของยูเครนสามารถทำลายโดรนของรัสเซียได้ถึง 87 ลำ

ส่วนที่ผ่านการต่อต้านมาได้ สร้างความเสียหายให้กับบ้านที่อยู่อาศัยของพลเรือน มีเด็กชายอายุ 15 ปีเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเป็นประชาชนอีก 7 คน

หรือก่อนปีใหม่นี้ การโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ของรัสเซียต่อยูเครนเริ่มในวันที่ 29 ธันวาคม โดยเป็นการโจมตีทางอากาศต่อเนื่องนานถึง 18 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียในสงครามนี้ ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 49 คน (ข้อมูลสงครามยูเครนของสำนักข่าว AP อ้างใน The Guardian, 1 January 2024)

อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียมักจะกล่าวอ้างเสมอว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเป้าหมายทางทหาร… คนที่ติดตามข่าวต่างประเทศตอบได้ดีว่า คำแถลงของผู้นำรัสเซียตรงข้ามกับความจริงอย่างสิ้นเชิง

แต่ภาพการโจมตีเช่นนี้ยืนยันกับเราว่า สงคราม “ไม่มีวันหยุด” สำหรับชีวิตของทหารในแนวหน้า และประชาชนในแนวหลังแต่อย่างใด

 

ในสภาวะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นคริสต์มาสในยูเครน หรือปีใหม่ในกาซา จึงไม่ใช่เวลาของการเฉลิมฉลองในเทศกาลแห่งความสุขแต่อย่างใด ดังที่กล่าวแล้วว่า หลายครอบครัวทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายให้แก่ผู้เป็นที่รักที่ต้องจากไปจากการโจมตีทางทหารที่เกิดขึ้น การร่ำลาครั้งสุดท้ายในวันที่ควรจะฉลองด้วยการอยู่ร่วมกันของคนในครอบครัวหรือกับคนรัก จึงเป็นความย้อนแย้งอย่างสุดขั้วในภาวะสงคราม

ภาพของพ่อหรือแม่ที่ต้องกอดห่อผ้าขาวที่ห่อศพของลูกนั้น เป็นภาพที่สะเทือนใจผู้ที่ชมข่าวหน้าจอทีวีเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ต่างจากภาพของการโจมตีทางอากาศด้วยโดรนและจรวดของรัสเซียต่อเป้าหมายพลเรือนในยูเครน จนทำให้ความมีเกียรติของ “กองทัพแดง” ที่ถูกเล่าขานถึงการรบและการเสียสละอย่างกล้าหาญในการต่อสู้กับกองทัพนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภาพเช่นนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความเป็น “อาชญากรสงคราม” ที่ก่อการโจมตีทางทหารและการสังหารพลเรือนชาวยูเครนอย่างไม่จำแนก

ความเสียหายที่เกิดจากสงครามยูเครนใน 2 ช่วงเวลา สะท้อนถึงคำกล่าวที่ว่า ยูเครนในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกทำลายจากการโจมตีกองทัพนาซีเช่นไร ยูเครนในยุคปัจจุบันก็ถูกทำลายจากการโจมตีของกองทัพรัสเซียเช่นนั้น เช่นเดียวกับที่สงครามในกาซาก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เรื่องราวของ “สงคราม 6 วัน” ในปี 1967 เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของปัญหาความขัดแย้งในกาซาจวบจนปัจจุบัน

ในสภาวะเช่นนี้ ภาพที่ปรากฏจากข่าวในแต่ละวัน จึงไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าการยืนยันคำพูดของนายพลเชอร์แมน… นรกมีอยู่จริงทั้งในยูเครนและในกาซา!