‘ปัญหา’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

ไม่มีอะไรคงอยู่ถาวร ทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลง เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว

โดยไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อน ลึกซึ้ง แค่เพียงสิ่งที่พบเจออยู่ทุกวัน ในป่า เราก็พบกับความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

เช่น เส้นทางราบเรียบที่เราใช้เดินทางเมื่อวาน จะเปลี่ยนไป กลายเป็นทางลื่นไถลหล่มลึก ที่เคยใช้เวลาแค่สองชั่วโมง เปลี่ยนเป็นใช้เวลากว่าครึ่งวัน เพราะต้นไม้หักล้มขวาง สาเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะมีฝนตกตลอดคืน

บนด่าน ทากชูตัวสลอน การเดินเลาะลำธารไปตามแนวหินลื่นนั้น ไม่ง่ายนัก ช่วงที่ต้องข้ามลำธารไป-มา จากที่ใช้วิธีเหยียบไปตามก้อนหิน รองเท้าไม่เปียก ทำไม่ได้แล้ว ระดับน้ำสูงขึ้น เลี่ยงไม่พ้นกับการต้องลุยน้ำ รองเท้าเปียกตลอดวัน

ความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ไม่ได้ทำให้งานของเราหยุดชะงัก ภารกิจการเฝ้าดูสัตว์ป่า เพื่อรับบทเรียนจากพวกมัน เป็นงานที่ผมยังทำเป็นปกติ

ออกจากจากแคมป์ก่อนสว่าง กลับถึงแคมป์หลังฟ้ามืด คือกิจวัตร

ในแคมป์ข้างกองไฟ หลังกินข้าว ดูคล้ายเป็นช่วงเวลาผ่อนคลายอย่างที่สุดของเรา

หากเป็นช่วงเวลาที่ในแคมป์มีทีมอื่นร่วมอยู่ด้วย ตอนนี้แหละ จะเป็นเวลาที่เล่าสู่กันฟังว่า ในตอนกลางวัน ใครพบเจอเหตุการณ์อะไรมาบ้าง

 

ในวันที่ฝนนอกฤดูตกหนัก

แคมป์ริมลำห้วย ค่อนข้างคึกคัก ผมพักร่วมอยู่กับทีมสำรวจประชากรเสือโคร่งในผืนป่าด้านตะวันตก เราทำงานร่วมเดินทางมาหลายปี ความสนิทสนมมีมาก

งานของพวกเขาคือ การตั้งกล้องดักถ่ายภาพ ตามด่านที่มีร่องรอยเสือ ทั้งรอยตีน รอยตะกุยดิน รวมทั้งรอยที่เสือพ่นฉี่ หรือที่เรียกว่า สเปรย์ไว้ตามต้นไม้และพุ่มไม้

หลังตั้งกล้อง พวกเขาจะไปตรวจสอบทุกสองวัน

เมื่อได้ภาพมา จะถูกนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเป็นเสือตัวใด โดยดูจากลายขน เสือแต่ละตัวจะมีลายขนแตกต่าง

โดยวิธีนี้ จึงบอกประชากรเสือโคร่งในพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ

 

มีคนหลายคนในแคมป์ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนหนึ่งทำหน้าที่พ่อครัวอย่างเต็มใจ

คราวนี้ อำนาจ ยึดหน้าที่นี้ไป

“ผมเคยอยู่วัด เป็นลูกศิษย์พระ ทำกับข้าวเลี้ยงคนมาเยอะครับ” เขาบรรยายสรรพคุณตัวเอง

ฝีมือเขาสมราคาคุย ขณะกิน เขาจะคอยบอกให้ทุกคนกินเยอะๆ

“ทำงานในป่า จะมากินน้อยๆ แบบคนในเมืองไม่ได้หรอก เดี๋ยวเดินไม่ไหว จะทำแบบแฟนไอ้ด้วง นั่นไม่ได้แน่ กินอะไรๆ นิดเดียวกลัวอ้วน”

อำนาจกับด้วง เป็นคู่ปรับที่ “กัด” กันตลอด

นอกจากกับข้าว อำนาจทำของหวานเกือบทุกค่ำ เมนูเป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาล กับไข่หวาน สลับกันอยู่อย่างนี้

“ไข่หวาน จริงๆ นะนี่ ใส่น้ำตาลกระสอบหนึ่งได้มั้ง” ด้วงวิจารณ์ ไข่หวานที่หวานแสบไส้

“ไอ้ด้วงเอ็งอย่าพูดมาก ป่านนี้แฟนเอ็งเปลี่ยนไปแล้วแน่ ข้างนอกแสงสีมันเยอะ สิ่งล่อใจมีมาก อยู่แต่ในป่าในดงอย่างเอ็งน่ะเขาไม่รอหรอก” ด้วงเริ่มสีหน้าไม่ดี เราอยู่ในป่ามาแล้วสามสัปดาห์

“เชื่อข้า ข้าผ่านมาก่อน” อำนาจ สีหน้าจริงจัง

ทุกคนรู้ดีว่า เขาพูดแหย่เล่น

ผมลุกขึ้นเพื่อเดินไปที่เปล ตบไหล่ด้วงอย่างให้กำลังใจ

สายฝนเริ่มปรอยๆ และหนักขึ้น คงตกไปจนถึงเช้า

ดูเหมือนฝนจะตกโดยไม่เห็นใจคนที่ต้องเดินออกจากแคมป์ไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดเลย

ควายป่า – ควายป่ามีประสาทสัมผัสดี เมื่อได้กลิ่นคนหรือสัตว์ผู้ล่า มันจะเตรียมพร้อม ส่วนใหญ่แล้วมันเลือกที่จะผละไปจากบริเวณนั้น

“แหม! วันนี้เกือบเสียท่าควายป่าครับ” ค่ำวันหนึ่ง อำนาจเล่า

“เจอกันบนด่าน มันไม่ฟังอะไรเลย วิ่งตะบึงเข้าหา ดีว่ามีขอนไม้อยู่ผมล้มตัวเอาขอนไม้บังไว้ มันชนขอนตึงๆ ร้ายจริง ไอ้ตัวนี้” ข้างใบหูอำนาจ มีแผลยาวจากหนามเกี่ยว

“มันเจ็บน่ะครับ” เลือดเป็นหย่อมๆ แผลเน่าเหม็น ไม่รู้ว่าโดนอะไรมา เสือหรือคนทำ

นี่ย่อมไม่ใช่นิสัยโดยปกติของสัตว์ป่า เพราะพวกมันจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าคน

แต่เมื่อบาดเจ็บ หรือเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับคน นิสัยพวกมันจะเปลี่ยนไป

จากที่เคยตื่นหนี ก็เลือกที่จะเข้าโจมตีก่อน และไม่เลือกว่าสิ่งที่พบนั้นเป็นใคร

ด้วงนั่งฟังเงียบๆ ตาข้างขวาบวม เพราะโดนละอองต้นช้างร้อง

ขณะเผชิญเหตุการณ์ ไม่ใช่เรื่องอันน่ารื่นรมย์นักหรอก แต่ตอนนี้ข้างกองไฟ มันเป็นเรื่องเล่าที่ประกอบด้วยเสียงหัวเราะ

กองไฟมอดดับ เราแยกย้ายขึ้นเปล เมฆดำเคลื่อนมา ดาวระยิบตอนหัวค่ำหายไป

“ไอ้ด้วงเอ้ย ยิ่งชอบไปโลตัสทุกวันแบบนี้ เอ็งทำใจเถอะ”

เสียงอำนาจยั่วด้วงก่อนนอนแว่วมา

 

ตีสี่ครึ่ง

สายฝนกระทบผ้ายางดังเปาะแปะ ผมลงจากเปลไปที่กองไฟ ขยับท่อนฟืนก้มลงเป่า ไฟติด ยกกาน้ำขึ้นวางบนกองไฟ

เสียงกุกกักจากเปลอำนาจ เขาลุกขึ้นเช่นกัน เตรียมตัวหุงข้าว

ผมนึกถึงควายป่าตัวนั้น แผลฉกรรจ์เช่นนั้น คงทำให้ชีวิตลำบากมาก ถึงตอนนี้ มันอาจสิ้นใจ หรือไม่ก็เตรียมพร้อมที่จะชาร์จอะไรก็ตามที่พบเจอ

นอกจากบาดแผล สัตว์ป่าหลายตัวเครียดกับปัญหาที่กำลังเผชิญ ที่อาศัยถูกบุกรุก เส้นทางเดินหากินที่เคยใช้มาตั้งแต่บรรบุรุษ ถูกตัดขาด การออกนอกพื้นที่ เลี่ยงการปะทะกับคนไม่พ้น

นี่คือปัญหา ซึ่งทั้งสัตว์และคนกำลังเผชิญไปพร้อมๆ กับโลกที่เปลี่ยนแปลง

 

ผมออกจากแคมป์ ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก จุดหมายคือ ซุ้มบังไพรริมลำห้วยซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 45 นาที ในป่า มีหลายคนบาดเจ็บเพราะสัตว์ป่า เป็นเรื่องเศร้าที่มีจำนวนไม่น้อยถึงแก่ชีวิต เพราะปะทะกับสัตว์ที่ออกมานอกป่า

ผมเคยบาดเจ็บ ถูกสัตว์ป่าชาร์จ เพราะเข้าใกล้พวกมันเกินระยะอนุญาต ก็หลายครั้ง

เดินอยู่ลำพังในป่าทึบ ผมไม่รู้หรอกว่า วันนี้จะพบเจออะไรบ้าง

รู้แต่เพียงว่า “ปัญหา” ที่สัตว์กำลังเผชิญนั้น คือปัญหาที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของโลก

ทำความเข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ ก่อนจะหาวิธีแก้นั้นจำเป็น

และอีกสิ่งที่รู้คือ “ปัญหา” ที่เราทั้งสัตว์และคนกำลังเผชิญ พร้อมๆ กับโลกอันเปลี่ยนไป

นั่นคือเรื่องเดียวกัน •

 

หลังเลนส์ในดงลึก | ปริญญากร วรวรรณ