ถอดรหัสกอล์ฟ ‘2 ทิน’-เหล่าทัพ กระชับเก้าอี้ ‘บิ๊กทิน’ กลางดงข่าวลือ ‘บิ๊กนิด’ ควบ ‘บิ๊กไก่’ ปิดตำนานร้าวทุ่งดอนเมือง พายุลูกใหม่ ก่อตัว

ในยุครัฐบาลผสมข้ามขั้ว เพื่อไทย-ชินวัตร-ขั้วอนุรักษนิยมเช่นนี้ เอื้อต่อการปรองดองสมานฉันท์ในกองทัพด้วย

เพราะทำให้ทหารแตงโม ทหารสับปะรด ได้กลับมาพูดคุยกัน

โดยเริ่มจากกองทัพอากาศ เพราะเป็นจังหวะที่บิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. ที่แม้จะขึ้นมาท่ามกลางความขัดแย้ง จนทำให้บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ อดีต ผบ.ทอ. ไม่มองหน้าบิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ.คนที่แล้ว ที่ไปเลือก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี เป็น ผบ.ทอ. ไม่เลือกคนที่ พล.อ.อ.นภาเดช วางตัวเอาไว้ ทั้งๆ ที่ พล.อ.อ.นภาเดช เป็นผู้มีบุญคุณ เพราะเลือก พล.อ.อ.อลงกรณ์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ.

เมื่อ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ได้เป็น ผบ.ทอ. ก็เดินสายกราบสวัสดี เคลียร์ใจกับอดีต ผบ.ทอ. และแคนดิเดต ผบ.ทอ. ด้วยความที่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี เป็นรุ่นน้อง ตท.24 และมีอายุราชการ 2 ปี เกษียณ 2568 ควรจะรอให้รุ่นพี่ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.ก่อน

แต่ด้วยความสามารถของ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ที่สูสีในด้านยุทธการ และด้านต่างๆ พล.อ.อ.อลงกรณ์ ผบ.ทอ.ในเวลานั้น จึงดันขึ้นมาสู้กับบิ๊กหนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ.ในเวลานั้น แคนดิเดต ผบ.ทอ. ที่มาแรงมาก แต่ถูกจัดให้อยู่ในขั้วของ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. เตรียมทหาร 20 ที่ขัดแย้งกับบิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ อดีต ผบ.ทอ. และ พล.อ.อ.นภาเดช จาก ตท.21

ทำให้ พล.อ.อ.อลงกรณ์ จาก ตท.22 ที่อยู่ในสายของ พล.อ.อ.แอร์บูล และ พล.อ.อ.นภาเดช จึงไม่เลือก พล.อ.อ.ชานนท์

แต่ พล.อ.อ.อลงกรณ์ ก็หักเหลี่ยมด้วยการไม่เลือกแคนดิเดตที่ พล.อ.อ.นภาเดช สนับสนุน แต่กลับปลดแอกตนเอง มาเลือก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี

จนทำให้มีข่าวซุบซิบว่า พล.อ.อ.อลงกรณ์ เข้าบ้าน พล.อ.อ.นภาเดช ไม่ได้เลยทีเดียว

ส่งผลให้ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ตั้งใจที่จะจบตำนานร้าวทุ่งดอนเมือง ในศตวรรษที่ 20 นี้ ด้วยการไปพบอดีต ผบ.ทอ.ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และเชิญมาร่วมงานกตเวทิตาจิตในวันครู 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยยกให้อดีต ผบ.ทอ. และบรรดานายทหารรุ่นพี่ เป็นครู และเสมือนเรือที่ส่งน้องๆ ขึ้นฝั่ง

โดยเชิญอดีตรองปลัดกลาโหม อดีตรอง ผบ.ทหารสูงสุด อดีตรอง ผบ.ทอ.มาร่วมด้วย รวมทั้งนายทหารอากาศที่เคยได้ชื่อว่าเป็นทหารแตงโม หรือสายชินวัตร รวมทั้งเตรียมทหาร 10 เพื่อนร่วมรุ่นอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะบิ๊กโต พล.อ.อ.พิธพร กลิ่นเฟื่อง และบิ๊กโจ้ พล.อ.อ.วรฉัตร ธารีฉัตร

โดยมีอดีต ผบ.ทอ.มาร่วมงาน ทั้ง พล.อ.อ.อมร แนวมาลี บิ๊กเฟื่อง พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ บิ๊กตู่ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยศริน บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ และ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ.คนก่อน แต่ขาด 2 อดีต ผบ.ทอ. ที่เป็นองคมนตรี บิ๊กต๋อย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข และ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ไม่มาร่วมงาน

ขณะที่อดีต ผบ.ทอ. คู่ขัดแย้งในตำนานอย่าง พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ กับ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ก็มาร่วมงาน แต่ พล.อ.อ.แอร์บูล กลับไปก่อน ตามสไตล์

แต่ในภาพรวมถือว่างานกตเวทิตาจิต ที่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี จัดขึ้น ก็ทำให้ภาพความขัดแย้ง ลดระดับลง

สไตล์ของ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ที่เป็นน้องและอ่อนน้อม ไม่ได้แข่งขันเข้มข้นมาตั้งแต่ต้น เติบโตตามไลน์มาเงียบๆ ด้วยม็อตโต้ส่วนตัวว่า รอได้ ให้รุ่นพี่เป็นกันไปก่อน จึงไม่มีใครโฟกัส จึงไม่มีศัตรู

อีกทั้งด้วยสายใยนักบิน สายเลือดเตรียมทหาร และนายเรืออากาศ แม้จะเป็นนักการเมือง แต่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ก็มีความสนิทสนม โดยเฉพาะกับผู้พันปุ่น น.ต.ศิธา ทิวารี และผู้การป๊อป น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ที่เคยชวนไปร่วมงาน ทอ.หลายครั้ง

อาจกล่าวได้ว่า เป็นเพราะบุคลิก แนวคิดของ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ที่เข้าได้กับทุกขั้ว ทุกสายใน ทอ. จึงทำให้เกิดภาพสมานฉันท์ของลูกทัพฟ้า ไม่ว่าจะสมานรอยร้าว ยุติความขัดแย้ง ไม่เข้าใจกันได้แบบ 100% หรือไม่ก็ตาม

แต่ก็ถือว่าลดอุณหภูมิในทุ่งดอนเมืองลงไปได้มาก

หากย้อนกลับไปยังตำนานร้าวทุ่งเดือนเมือง ในยุค 90 ในสมัย “บิ๊กอู๊ด-บิ๊กเต้-บิ๊กกันต์” พล.อ.อ.วรนาถ อภิจารี พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล และ พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ ที่ถึงขั้นใครอยู่สายไหน เด็กใครก็เด็กคนนั้น ห้ามเข้าบ้าน หรือผ่านซอยบ้านพักในเขต ทอ.กันเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นนอ.01 ด้วยกัน

แต่เมื่อต่างเกษียณ หมดอำนาจ ทายาทที่วางไว้ ทยอยเกษียณตามไป วันเวลา และวัย ทำให้ความขัดแย้งลดระดับ โดยที่ พล.อ.อ.กันต์ เคยพยายามเป็นกาวใจให้เพื่อน แต่ก็ไม่สำเร็จ จนตอนนี้ก็เสียชีวิตกันไปแล้ว เหลือ พล.อ.อ.เกษตร ที่ยังคงอยู่ แต่ก็ไม่ได้ออกงาน แต่ยังมีลูกน้องเก่าไปเยี่ยมเยียนที่บ้านตามเทศกาล

ขณะที่ต่อมา ทุ่งดอนเมืองยังอาถรรพ์ เกิดรอยร้าวในหมู่เพื่อน นนอ.05 ในยุคของบิ๊กต้อย พล.อ.อ.ธนนิตย์ เนียมทันต์ เป็น ผบ.ทอ. มีการย้ายบิ๊กแก้ว พล.อ.อ.ธีรศิลป์ คัมภีรญาณนนท์ และบิ๊กแต๋ง พล.อ.อ.อำพล อินทรไทยวงศ์ และบิ๊กแดง พล.อ.อ.อุดมศักดิ์ มหาวสุ เพื่อนร่วมรุ่น นนอ.05 จนนำมาซึ่งความขัดแย้งอย่างหนัก

จนในที่สุด พล.อ.อ.ธนนิตย์ ก็เลือก พล.อ.อ.สนั่น ทั่วทิพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เป็นตาอยู่ ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.มาแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้มาจาก 5 เสืออากาศ

ความจริง ความขัดแย้งเป็นคู่ๆ หรือไม่กี่คน ก็มีมาตลอด แต่ทว่า ความขัดแย้งรอบใหม่กำลังรออยู่ จากการแต่งตั้งโยกย้ายกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ในยุคของ พล.อ.อ.อลงกรณ์ ที่เด้ง ตท.25 หลายคนยกชุด เพื่อเปิดทางให้ เสธ.คิม พล.อ.อ.เสกสรร คันธา รุ่นน้อง ตท.26 ขึ้นมาเป็น เสธ.ทอ. จ่อ ผบ.ทอ. จนเกิดแรงต้านเรื่องรุ่น

จนมีข่าวว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ก็พยายามจะแก้ไข เพราะตอนจัดโผนั้น ตนเองยังไม่มีอำนาจ

จึงคาดกันว่า โยกย้ายกลางปี เมษายนนี้ และโดยเฉพาะโยกย้ายใหญ่ จะดึง ตท.25 คนใดมาเป็นแคนดิเดต ผบ.ทอ. คู่กับ พล.อ.อ.เสกสรร หรือไม่

เช่น พล.อ.อ.ไวพจน์ เกิงฝาก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. หรือ พล.อ.ท.กฤษฎา สุพิชญ์ รอง เสธ.ทอ.ที่เกษียณ 2570 พร้อม พล.อ.อ.เสกสรร และเป็นที่รู้กันว่า พล.อ.อ.มานัต เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทอ. เคยพยายามดัน พล.อ.อ.ไวพจน์ ขึ้นฟาสต์แทร็ก

เพราะเป็นคนเก่ง โดยเฉพาะทางการบิน ระดับปีกเหล็กเลยทีเดียว

ชาวทัพฟ้ากำลังตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี จะหนุน พล.อ.อ.เสกสรร เป็น ผบ.ทอ.หรือไม่ หรือเพราะ “ผู้ใหญ่” วางตัวกันไว้แล้ว เพราะ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี จะเกษียณกันยายน 2568 โดย พล.อ.อ.เสกสรร ก็จะขึ้น เป็น ผบ.ทอ.ต่อ อีกทั้งสายสัมพันธ์ของ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กับ พล.อ.อ.เสกสรร ที่เคยเป็น ผช.ทูต ทอ.ที่ลอนดอน ต่อกันอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.พันธ์ภักดี อาจทำแค่ลดกระแส ลดแรงกดดันเท่านั้น หากดึง ตท.25 คนใดขึ้นมา 5 ฉลาม ทอ. ยิ่งหากเป็นบิ๊กเจ๋ง พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร น้องรัก ก็จะไม่มีผล เพราะเกษียณ 2568 พร้อม พล.อ.อ.พันธ์ภักดี เพราะท้ายที่สุด โยกย้ายกันยายน 2568 ไม่ว่าจะมีใครเป็นแคนดิเดตก็ตาม แต่คาดว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ก็จะเลือก พล.อ.อ.เสกสรร อยู่ดี

ท่ามกลางการจับตามองว่า จะก่อกำเนิดรอยร้าวครั้งใหม่ขึ้นหรือไม่ ในเมื่อเก้าอี้ ผบ.ทอ.มีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น

สุทิน คลังแสง,อนุทิน ชาญวีรกูล,พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี,พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์

ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี นายสุทิน คลังแสง เป็น รมว.กลาโหมพลเรือน และมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพลเรือนที่คุมความมั่นคงเอง และประสานงานใกล้ชิดกับ ผบ.เหล่าทัพ สะท้อนความ “ญาติดี” กับทหาร ตามเงื่อนไข “ดีล” ไม่ล้ำเส้น ไม่ก้าวก่าย ไม่ล้างบางกองทัพ จึงยังไม่มีสัญญาณการล้วงลูก การแต่งตั้งโยกย้ายทหาร

แต่ก็เป็นที่จับตามองถึงความเคลื่อนไหว ในสนามกอล์ฟ สโตนฮิลล์ ปทุมธานี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ชวนนายสุทิน ออกรอบตีกอล์ฟ พร้อมทีมกลาโหม ทั้งบิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม พร้อม ผบ.เหล่าทัพ ทั้งบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ. 61 ของนายอนุทิน จึงมีบิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ทร. ร่วมก๊วนด้วย เสมือนเป็นตัวแทน ทร.

ในส่วน ทอ.นั้น พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ผบ.ทอ.ก็มา แต่ไม่ได้ลงเล่นกอล์ฟด้วย โดยไปพบนายกฯ กับ พล.อ.ทรงวิทย์ ที่โปโลคลับมาด้วยกัน ในส่วน ทอ.จึงมี พล.อ.อ.ชานนท์ ตท.23 ซึ่งสนิทสนมกับนายอนุทิน และเป็นเพื่อน พล.อ.เจริญชัย ร่วมวงด้วย

ก๊วนกอล์ฟนี้ จึงเป็นที่จับตามอง และถอดรหัสของทหารในกองทัพ ว่า ทำไมไม่มีบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม ที่ก็เป็น วปอ.61 เช่นกัน และไม่มีบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.

ทั้งนี้ เป็นเพราะก๊วนกอล์ฟนายอนุทิน ที่เคยเล่นด้วยกันมาอยู่แล้ว ทั้งเพื่อน วปอ.61 ที่สนิทๆ และบรรดานายทหารที่สนิท จึงมี เสธ.หมู พล.ท.สุเมธ พรหมตรุษ ที่ปรึกษา สปท. แกนนำ ตท.28 ร่วมก๊วนด้วย

ภาพออนกรีนวันนั้น ทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์ กับ พล.อ.เจริญชัย ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น มีเรื่องหารือมากมาย เพราะนายเศรษฐา มักจะประสานสั่งการ โทร.หา พล.อ.ทรงวิทย์ และ พล.อ.เจริญชัย เสมอๆ จากที่เดิมเคยโทร.หา หรือเรียกหา พล.อ.ทรงวิทย์ ตลอด

แต่ระยะหลังนายกฯ คงรู้แล้วว่า จะต้องประสานให้ตรงแชนแนล เพราะ ผบ.ทหารสูงสุด ไม่ได้คุมทุกเรื่อง โดยเฉพาะ กอ.รมน ที่ต้องเป็น ผบ.ทบ. นายกฯ จึงยิงตรง พล.อ.เจริญชัย เลย

ไม่แค่นั้น ออนกรีนวันนั้น ยังทำให้ พล.ร.อ.สุวิน ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. ถูกจับตามองอีกครั้ง

เพราะในการโยกย้ายสิงหาคม-กันยายนปีนี้ ถือเป็นแคนดิเดตที่อาวุโสที่สุดแล้ว ครองอัตราจอมพล หลังจากที่โยกย้ายปีที่แล้ว ก็อาวุโสสูงสุด แถมเส้นทางรับราชการ เป๊ะตามประเพณี ทร. เป็นผู้การเรือหลายลำ โดยเฉพาะเรือหลวงจักรีนฤเบศร และเป็น ผช.ทูตทหารเรือประจำวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐ แต่ถูกสกัดเพราะเป็นรุ่นน้อง ตท.25 จึงให้รอไปก่อน

จนมาคราวนี้ เป็นปีสุดท้ายในการชิง ผบ.ทร. โดยที่รู้กันดีว่า พล.ร.อ.อะดุง ไม่สนับสนุน พล.ร.อ.สุวิน เพราะปีที่แล้วเป็นคู่ชิง ผบ.ทร.กันมา โดย พล.ร.อ.สุวิน มีอายุราชการถึงกันยายน 2568 จึงยังคงเป็นแคนดิเดตอีกครั้งหนึ่ง

สุทิน คลังแสง,พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม

ขณะที่ พล.ร.อ.อะดุง ถูกจับตามองว่า จะสนับสนุนบิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผช.ผบ.ทร. และบิ๊กน้อย พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสธ.ทร. ที่แม้เป็นรุ่นพี่ พล.ร.อ.สุวิน แต่ก็เกษียณ 2568 พร้อมกัน ที่คาดว่าเกมชิง ผบ.ทร. ก็ยังเข้มข้น ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า ทร.จะยื้อเรื่องการกู้เรือหลวงสุโขทัยที่อับปาง หรือการสรุปผลการสอบสวนสาเหตุไว้ก่อน จนกว่าการโยกย้ายปลายปีจะผ่านไป ไม่ให้กระทบ พล.ร.อ.อะดุง ที่เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ และ พล.ร.อ.ชลธิศ ที่เป็น เสธ.ทร.ในเวลานั้น แม้ว่าผลสอบเบื้องต้นจะไม่พบความผิดก็ตาม

ขณะที่นายสุทินเอง ท่ามกลาง ผบ.เหล่าทัพ ก็ทำให้เก้าอี้ รมว.กลาโหม แข็งแรงมากขึ้น เพราะ ผบ.เหล่าทัพ ก็กำลังแฮปปี้กับ รมว. กลาโหมพลเรือนคนนี้

หลังมีกระแสข่าวการปรับ ครม. ที่อาจขยับนายสุทินออก แล้วให้ พล.อ.ณัฐพล มาเป็น รมว.กลาโหม

หรือบางกระแสก็ระบุว่า นายเศรษฐา จะมานั่งควบ รมว.กลาโหมเอง เพราะคุมความมั่นคงอยู่แล้ว และสนิทสนมใกล้ชิดกับ พล.อ.ทรงวิทย์ และ พล.อ.เจริญชัย โดยจะให้ พล.อ.ณัฐพล มาเป็น รมช.กลาโหม ที่ถือว่าจะมีบทบาทสำคัญ เสมือนเป็น รมว.กลาโหม

เพราะที่ผ่านมา คนเป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่ค่อยมีเวลามาดูแลงานกลาโหม เหมือนในยุคที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ควบ รมว.กลาโหมหญิงคนแรก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีควบ รมว.กลาโหม

สุทิน คลังแสง,พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

กระแสข่าวนายเศรษฐา ที่ว่าจะควบ รมว.กลาโหมพลเรือน โดยจะให้นายปานปรีย์ พหิธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ หรือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มาเป็น รมว.คลังแทนก็ตาม ที่จะทำให้ภาพของนายเศรษฐา ดูแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพมา 4 เดือน ก็เป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะสวมหมวก ผอ.รมน. ที่คุม กอ.รมน. โดยตรง

แต่นายสุทิน ก็ยังดูมั่นใจในเก้าอี้ รมว.กลาโหม ที่กำลังสร้างผลงาน เพราะหากโดนปรับ ครม. ก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะไปอยู่ตรงไหน เพราะเก้าอี้เสมา 1 รมว.ศึกษาธิการ ที่เคยหวัง ก็เป็นโควต้าของพรรคภูมิใจไทย แต่ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณการเปลี่ยน รมว.กลาโหม และยังมีความสุขในการทำงานกับทหาร

แม้จะมีกระแสข่าวลือว่า นายสุทิน จะไม่ได้อยู่จัดโผโยกย้ายทหารใหญ่ปลายปี แต่จะได้ชิมลางจัดโผโยกย้ายกลางปี ช่วงมีนาคม-เมษายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาให้นายสุทิน มาชิมลางกองทัพก่อนเท่านั้น ที่ก็ดูว่า ไม่มีอะไรน่าหวั่นเกรง และเป็นเสมือน รมช.กลาโหม ให้นายกฯ อยู่แล้ว และมาชิมลางการทำงานของคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหมก่อน

กระแสข่าวเหล่านี้ ก็ทำให้กองทัพจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เพราะกำลังทำงานกับนายสุทินได้ดี และเชื่อว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ต้องการสร้างมิตรกับกองทัพ ก็คงไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อมจากการเปลี่ยน รมว.กลาโหม

เพราะทุกวันนี้ นายกฯ เศรษฐา ก็เป็นเสมือน รมว.กลาโหม ตัวจริงอยู่แล้วก็ว่าได้